กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-07-2024, 19:34
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-07-2024, 00:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ได้มีเด็กนักเรียนบ้านไกลจากหอพักโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา มาร่วมทำกิจกรรมสวดมนต์ไหว้พระด้วย คราวนี้นักเรียนหอพักของเราไม่ได้มีแต่ชาวพุทธ ของเรามีเด็กคริสต์ เด็กอิสลาม มาด้วยเป็นปกติ เพียงแต่ว่าเด็ก ๆ ของเรายังปรับตัวไม่เป็น

คำว่าปรับตัวไม่เป็นก็คือ ตัวหลวงพ่อเองนั้น ตั้งแต่เด็กก็คบกับเพื่อนอิสลามมากมายไปหมด พอถึงเวลางานบุญเดือน ๔ ก็ไปร่วมกินบุญกับเขา ทำให้รู้ว่าข้าวหมกไก่ก็ดี ข้าวหมกแพะก็ดี ซุปหางวัวก็ตาม อร่อยกว่าที่เราคิด แล้วงานกินบุญของเพื่อนอิสลามเราไม่ต้องเอาเงินไปช่วย หากแต่ว่าถึงเวลาแล้วเขาจ่ายค่ารถให้เรากลับบ้านอีกด้วย ถึงเวลาเขา "ดุอา" เราก็ไป "ดุอา"ขอพรกับเขา ยังไม่ถึงขนาด "นะมาซ (ละหมาด) เพราะว่ายังไม่สามารถที่จะสวดอัลกุรอานได้

ในส่วนของศาสนาคริสต์ ก็ศึกษาศาสนาคริสต์ทางไปรษณีย์จนได้ประกาศนียบัตร ทำให้สามารถเข้าถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ของศาสนาคริสต์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ที่เขาเรียกว่า "วันสะบาโต" หรือถ้าเรียกง่าย ๆ แบบภาษาไทยก็คือวันพระของชาวคริสต์ หรือว่าพิธีรับศีลจุ่ม

ตลอดจนกระทั่งเข้าใจว่าศาสนาคริสต์เองก็มีหลายนิกาย ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิก โปรเตสแตนต์ ออร์ธอดอกซ์ จนกระทั่งตอนหลังมีมอร์มอนงอกขึ้นมาด้วย หรือว่าทางประเทศจีน ก็ไปเข้าพิธีเตี่ยมเต๋า ไปเหนี่ยมเก็ง ไปจ่อเต๋าร่วมกับเขา พูดง่าย ๆ ว่ามึงมาศาสนาไหนกูไปกับมึงได้หมด มีเพื่อนเยอะมาก

ถ้าหากว่ากันตามหลักวิวัฒนาการของชาลส์ ดาร์วินที่พวกเด็ก ๆ เรียนกันมา สัตว์ที่อยู่รอดได้ไม่ใช่สัตว์ที่แข็งแรงที่สุด แข็งแกร่งที่สุด แต่ว่าเป็นสัตว์ที่รู้จักปรับตัวมากที่สุด คนเราก็แบบเดียวกัน คนที่เรียนเก่งที่สุดไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ยกเว้นว่าเป็นคนเรียนเก่งที่รู้จักปรับตัวเข้ากับเพื่อนฝูงได้

หลวงพ่อเองมีรุ่นพี่อยู่ ๑ คน เรียนจบปริญญาตรีอย่างน้อย ๑๘ สาขา..! แค่ร้องเพลงสวดไม่ได้ดีในวันสะบาโต ก็ไปเรียนภาษาละตินเพื่อที่ให้ร้องเพลงได้ดี จนกระทั่งจบปริญญาตรีภาษาละตินมา ๑ ใบ อะไรที่ตัวเองคิดว่าทำได้ไม่ดี ไอ้เจ้านี่เรียนหมด แล้วเรียนได้ดีมากด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตสักอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่มีปริญญาตรีอย่างน้อย ๑๘ ใบ..! เพราะว่าขี้สงสัยเกินไป แล้วปรับตัวเข้ากับสังคมเฉพาะหน้าไม่เป็น

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครก็ตาม ถ้าเราเรียนอยู่แล้วสังเกตว่า เพื่อนบางคนเรียนก็งั้น ๆ แหละ ได้ B+ สักตัวหนึ่งแทบจะปิดโรงเรียนฉลอง..! ส่วนใหญ่ไม่ C ก็ D แต่เพื่อนเยอะมาก ปรับตัวเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์สูง

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่เด็ก ๆ ควรที่จะตระหนักว่า โลกของเราหมุนไปข้างหน้าเร็วมาก ถ้าเราปรับตัวไม่ทันเราจะตกยุค การศึกษาในยุคปัจจุบันนี้หลัก ๆ เลยก็คือเพื่อให้เรารู้ทฤษฎี แล้วสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ แต่หลวงพ่อยังไม่เห็นหลักสูตรใดในประเทศไทยที่ทำแบบนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2024 เมื่อ 18:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-07-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประเทศจีนที่ปัจจุบันนี้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับต้น ๆ ของโลก สอนหลักสูตรให้เด็กอนุบาลปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทำอาหาร วัน ๆ แทบไม่ได้จับตำราเท่าไรเลย เรียนแค่ให้อ่านออกเขียนได้เบื้องต้นเท่านั้น เน้นการทำมาหากินเป็นหลัก เด็กอนุบาล ๓ เริ่มก่อสร้างแล้ว หัดผสมคอนกรีต หัดผสมปูน หัดก่อกำแพง เด็กพวกนี้ต่อให้ไม่ได้เรียนสูง ถ้าจบแค่ประถมปลายหรือมัธยมต้น เขาสามารถที่จะทำงานได้แล้ว

นี่คือการศึกษาที่ปรับเข้ากับบริบทรอบข้าง ที่วัดท่าขนุนนี้ หลวงพ่อมีเด็กวัดที่จบปริญญาโท แต่กลับบ้านไม่ได้ เพราะว่าทั้งตำบลนั้นไม่มีจบปริญญาตรีสักคน ตัวเองจบปริญญาโทโด่เด่อยู่คนเดียว..! แล้วจะไปทำงานอะไรได้ ก็ต้องหาทำงานที่อื่น

แต่คราวนี้การที่เราจะปรับตัวให้เข้ากับโลกในยุคปัจจุบัน พื้นฐานจิตใจของเราต้องมั่นคงและเข้มแข็งมาก เพราะว่ากระแสโลกดึงเราไปแรงมาก ให้เรา รัก โลภ โกรธ หลง ไปเรื่อย โดยที่บางทีก็มีมุมมองผิด ๆ เข้ามา อย่างในปัจจุบันนี้แทบจะอยู่ในลักษณะที่ว่า
คนรวยทำอะไรก็ไม่ผิด ความจริงผิดตั้งแต่ทำแล้ว เพียงแต่ว่าความผิดเหล่านั้น ถ้าในทางโลกอาจจะแก้ไขได้ด้วยอำนาจเงินของตัวเอง แต่ในทางธรรมเราแก้ไขไม่ได้ ตายแล้วต้องรับโทษตามนั้น..!

ถ้านักเรียนรู้จักสังเกตจะเห็นว่าศาสนาพุทธเรามีนรกสวรรค์ ศาสนาคริสต์มีนรกสวรรค์ ศาสนาอิสลามก็มีเหมือนกัน ศาสนาขงจื๊อหรือว่าเต๋าก็มี ถ้าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ความจริง ทำไมศาสดาทุกศาสนาถึงได้รู้เหมือน ๆ กัน ? ว่าถ้าทำดีคุณจะได้ไปสวรรค์ ทำดีคุณจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า แล้วทำไมทำชั่วต้องตกนรก ? ทำชั่วต้องได้รับการพิพากษาจากพระเจ้า ก็แปลว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้น่าจะมีพื้นฐานจากความจริงเกินครึ่ง คือเกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์

เด็ก ๆ ทุกคนลองคิดดูว่า
ถ้าหากว่าเราทำความชั่วแล้วไม่มีนรกสวรรค์ เราก็เสมอตัว เพราะว่าความชั่วไม่ให้ผลอะไร แต่ถ้าเราทำความชั่วแล้วมีนรกสวรรค์เราขาดทุนยับเยิน เพราะว่ามีโอกาสไปนรกแน่นอน ในขณะเดียวกัน ถ้าเราทำความดีแล้วไม่มีนรกสวรรค์ เราก็เสมอตัว แต่ถ้าเราทำความดีแล้วนรกสวรรค์มี เรากำไรมหาศาล เพราะว่าเราไปอยู่ในที่ดี เราไปอยู่กับพระเจ้าตามศาสนาของเรา ถ้าหากว่าเราลงทุนในทางโลก ๆ ทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ส่วนกิจการอีกอย่างหนึ่งมีแต่เสมอตัวกับกำไร ไม่ต้องใช้ความคิดมาก เราก็รู้ว่าเราควรที่จะเลือกอะไร

คราวนี้การที่เราจะยืนหยัดอยู่ในโลกต้องต้านกระแสได้ สิ่งที่จะช่วยเราต้านกระแสได้ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งทุกศาสนามีเหมือนกันหมด มากน้อยต่างกันเท่านั้น ถ้าใครศึกษาอิสลาม จะเห็นว่าข้อห้ามเกือบทั้งหมดคล้าย ๆ กับศีล ๕ เลย การที่เราระมัดระวังตัวเองไม่ให้ศีลขาด ไม่ให้ละเมิดศีล เป็นการสร้างสมาธิขึ้นมาในตัวอยู่แล้ว เราก็แค่มาฝึกฝนในการนั่งสมาธิแค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2024 เมื่อ 18:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-07-2024, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ถ้าหากว่าอยู่ในภพของมนุษย์และเดรัจฉาน จะมีลมหายใจทั้งสิ้น วิธีสร้างสมาธิของเราก็คือตามลมหายใจให้ทัน หายใจเข้า..ตามดูตามรู้เข้าไปจนสุด หายใจออก..ตามดูตามรู้ออกมาจนสุด ไม่ต้องทำอะไรมาก..ดูแค่นี้ ทุกศาสนาก็เหมือนกัน

เมื่อถึงเวลาเราสร้างสมาธิเกิดจากการตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกขึ้นมา สภาพจิตที่สงบนิ่งจะก่อให้เกิดพลัง โดยเฉพาะสร้างความแจ่มใสของใจให้เกิดขึ้นมาก ปกติแล้วใจของเรากระเพื่อมด้วย รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ตลอดเวลา เมื่ออำนาจสมาธิกด รัก โลภ โกรธ หลง ดับลงชั่วคราว จิตนิ่งสงบก็เหมือนกับน้ำนิ่ง สามารถสะท้อนเงาทุกอย่างรอบข้างลงไปได้อย่างชัดเจน

ถ้าเป็นนักเรียนจะเห็นผลชัดมาก เพราะว่าจิตที่สงบมีกำลัง อ่านหนังสือรอบเดียวก็เข้าใจแล้ว จะเรียนเก่งโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากว่าหวังสูงกว่านั้น เราก็ต้องมาพิจารณาในการตัด การละ รัก โลภ โกรธ หลง อื่น ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วนั่นเป็นภาระของอุบาสกอุบาสิกา คือพวกมุ่งเน้นเข้าวัด ที่พวกเราเรียกกันว่า "สายบุญ" หรือว่าเรื่องของนักบวช คือพระภิกษุ สามเณร แม่ชีเขาทำกัน ยกเว้นว่าเราชอบเป็นการส่วนตัว เราก็มุ่งต่อในการใช้ปัญญาตัดกิเลส

ถ้าหากว่าเป็นในส่วนของศาสนาอิสลาม เราไม่รู้จะภาวนาอย่างไร พี่น้องอิสลามส่วนใหญ่จะมีประคำมืออยู่แล้ว ไอ้ที่เขาใส่ติดมืออยู่ เขาไม่ได้ใส่ไว้เฉย ๆ นะ เขาใส่ไว้ใช้งาน เคยคุยกับญาติโยมอิสลาม เขาถามว่าแล้วถ้าผมภาวนาจะทำอย่างไร ? ก็ภาวนาเหมือนกับคนไทยภาวนาพุทโธ นึกถึงพระนามพระพุทธเจ้า ท่านทั้งหลายก็นึกถึงอัลเลาะห์แทน ถึงเวลาก็ วาเฮ็ด..อัลลา ตินเต็น..อัลลา ทะระทา..อัลลา บาลา..อัลลา ฯลฯ ก็ว่าไป หรือจะเป็น
ถ้าเป็นศาสนาคริสต์ ก็เจซัส ๑ เจซัส ๒ ว่ากันไป

ทุกศาสนาสามารถที่จะใช้ได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้คือธรรมชาติ เกิดมาต้องหายใจ เพียงแต่รู้ให้ทันลมหายใจแล้วก่อให้เกิดประโยชน์จริงในชีวิตเท่านั้น ถ้าหวังสูงกว่านั้นแล้วค่อยมาศึกษาต่อกันอีกทีหนึ่ง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวกับทุกคนแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2024 เมื่อ 18:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว