กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-07-2024, 19:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,557 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ กรกฏาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ กรกฏาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-07-2024, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,639 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ท่านทั้งหลายที่อยู่ในพิธีเปิดการอบรมค่ายพุทธบุตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาเมื่อเช้านี้ จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพด่านักเรียนกระจายไปเลย..!

เรื่องนี้อยากให้ท่านทั้งหลายทำความเข้าใจด้วยว่า ก่อนที่จะด่าใคร เราทำใจให้เป็นอุเบกขาได้หรือเปล่า ? โดยเฉพาะการด่านั้นประกอบไปด้วยความหวังดีปรารถนาดีหรือเปล่า ? หรือว่าด่าเพราะโกรธเพราะเกลียดเขาทั้งหลายเหล่านั้น เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ ที่เราจะทำกัน เพราะว่าถ้าเผลอเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง จะกินใจเราจริง ๆ จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

ท่านที่อยู่ในงานจะเห็นว่าจากที่ครูโรส (นางสาวสมรส สวรรค์งาม) ด่าว่าอยู่เป็นนาน ไม่เห็นเด็กจะยอมเงียบกันสักคน พูดง่าย ๆ ว่าปากเปียกปากแฉะกันอยู่ทุกวันก็เป็นแบบนั้น แต่พอหลวงพ่อเล็กด่าเข้าหน่อย เงียบกริบทั้งศาลา ก็เพราะว่ากำลังใจที่ใช้นั้นต่างกัน

ถ้าหากว่ากำลังสมาธิของเราสูง กำลังใจของเราจะสูงตามไปด้วย ถ้ายิ่งกำลังใจของเราอยู่ในระดับอุเบกขาในอุเบกขา จะไม่มีอะไรที่มากระทบกระเทือนใจของเราได้ พลังงานทั้งหมดที่ปล่อยออกไปก็คือ "เต็ม ๆ" ไม่มีการรั่วไหลไปไหนเลย แล้วเด็กที่ไหนจะรับไหว ?

ก็เหมือนกับโดนกดทับให้นิ่งไปเองโดยปริยาย ซึ่งกำลังในลักษณะนี้ ถ้าหากเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป สามารถเปลี่ยนได้แม้แต่กำลังใจชั่ว ๆ ของเรา ก็คือถ้าหากว่าอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลายเหล่านั้น ความคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วของเรา อาจโดนลบล้างหายไปชั่วคราวเลย

นักปฏิบัติที่แท้จริง ถ้าหากว่าได้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ระดับนั้น ก็ถือว่าเป็นความง่ายในการปฏิบัติของเรา ก็คืออาศัยเกาะกำลังใจของท่านไป ท่านทั้งหลายที่สวดในมงคลสูตรจะเห็นว่า สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การได้พบเห็นสมณะคือนักบวช ถือว่าเป็นมงคลสูงสุดประการหนึ่ง

คำอธิบายอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าหากพบท่านทั้งหลายที่ทรงคุณงามความดีระดับพระอริยเจ้าจริง ๆ เราจะอาศัยความเย็นของท่านในการดับร้อนของเราลงไปได้ด้วย เห็นท่านก็เป็นอนุสติ ระลึกถึงก็เป็นอนุสติ ได้อยู่ใกล้ชิด ได้รับกำลังที่ท่านแผ่ออกมา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เราก็จะพลอยสงบระงับไปด้วย จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ามีโอกาสก็ควรที่จะหาครูบาอาจารย์ในลักษณะอย่างนี้ มีโอกาสแล้วใกล้ชิดเพื่อที่จะช่วยกำลังใจของเราให้ดีขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2024 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-07-2024, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,639 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพถวายการรับใช้ใกล้ชิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตั้งแต่ประมาณเดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๒๖ จนกระทั่งถึงเดือนเมษายน ปี ๒๕๒๙ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้จะระมัดระวังกำลังใจตนเองอยู่เสมอ

เมื่อตั้งใจพินิจพิจารณาถึงได้เห็นว่า เวลาที่อยู่ใกล้ท่านใจของเราจะสงบเร็วมาก แล้วยิ่งถ้าหากว่าพระท่านส่งกำลังลงมาช่วย เราที่อยู่ใกล้ก็พลอยได้รับกำลังนั้นไปด้วย จึงได้เคยชินกับการรับกำลังของพระท่านเอามาใช้งาน เท่ากับว่าได้รับการฝึกฝนอยู่อย่างน้อยก็ประมาณ ๓ ปี แล้วเป็นการฝึกชนิดที่หัวไม่วางหางไม่เว้น เช้ายันค่ำ เพราะว่าเห็นประโยชน์ จึงเพียรพยายามที่จะทำให้ได้อย่างนั้น

แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า เด็ก ๆ นั้นยังไม่เห็นประโยชน์ว่า เรื่องของกำลังใจ เรื่องของสมาธินั้น สามารถช่วยตัวเองได้แค่ไหน จนกว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันจริง ๆ ก็จะเป็นตัวคัดกรองที่ชัดเจนว่ากำลังใจของเราอยู่ในระดับไหน ?

ถ้าท่านทั้งหลายประสบพบกับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยระดับถึงตาย หรือว่าอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ หนัก ๆ ขึ้นมาแบบกะทันหัน ท่านทั้งหลายจะรู้ทันทีว่าต้นทุนของเราพอใช้งานหรือไม่ ? หลายท่านจะเห็นว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุ กระผม/อาตมภาพลงจากรถไป สิ่งแรกที่ถามคู่กรณีก็คือ "มีใครบาดเจ็บหรือไม่ ?" ก็คือจะไม่เอาตนเองเป็นหลัก รถของเราจะพังจะเสียหาย คนของเราจะมีเจ็บมีอะไรหรือไม่ ? ไม่ได้สนใจ แต่ไปดูคู่กรณีเสียก่อน

หรือถ้าหากว่าเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา สติสมาธิที่มารวมตัวกันเพราะความฉุกเฉินนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะเหมือนกับช้าลงโดยอัตโนมัติ โดยปฏิกิริยาของมนุษย์ทั่ว ๆ ไปไม่สามารถที่จะทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้ แต่ในสภาวะนั้น ถ้าหากว่าเป็นพวกวีดีโอเกม เขาจะบอกว่า "ระเบิดพลัง" ออกมา ซึ่งความจริงก็คือ พลังซ่อนเร้นหรืออะดรีนาลีน ทำให้สมรรถนะต่าง ๆ ของเรามีมากกว่าปกติหลายเท่า เห็นเหตุการณ์ที่เกิดเร็วกลายเป็นช้าไปหมด มองเห็นช่องทางว่าจะแก้ไขอย่างไรให้ออกมาให้ดีที่สุด ทั้ง ๆ ที่มีเวลาแค่ ๒ - ๓ วินาที แต่ในความรู้สึกของเรานานเหมือนอย่างกับเป็น ๑๐ นาที..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สภาพจิตของเราที่ค่อย ๆ ฝึกฝน ค่อย ๆ ขัดเกลามาได้สั่งสมพลังเอาไว้ แต่เราไม่รู้ตัว เพราะว่าไม่ได้อยู่ในสภาพที่โดนกดดันอย่างหนัก กำลังเหล่านั้นจึงไม่ได้แสดงออกมา เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ต้นทุนทั้งหมดที่เรามีจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนที่สุด เราจะรู้ทันทีเลยว่า สิ่งที่เราปฏิบัติมานั้นเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ? คนที่ป่วยปางตายจะรู้เลยว่า ต้นทุนของตนเองตอนนี้พอที่จะไปพระนิพพานหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2024 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-07-2024, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,639 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..การที่พระของเราออกธุดงค์ส่วนหนึ่ง ก็เพื่อที่จะอาศัยความน่ากลัวของป่าดง อาศัยสัตว์ร้ายที่เข้ามา อาศัยผีหรือว่าเทวดา ที่ไม่ต้องการให้เราอยู่ในสถานที่นั้นแสดงตนขึ้นมา เพื่อให้กำลังใจของตนกลับเข้าไปสู่จุดที่สะสมกำลังเอาไว้สูงสุด ถ้าหากว่าเราซักซ้อมบ่อย ๆ ก็จะเคยชิน และสามารถดึงเอาพลังงานนั้นมาใช้งานได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะมีเวลาใช้ได้แค่ไม่กี่วินาที..!

แล้วเมื่อถึงเวลาเหตุการณ์ผ่านไป บางท่านหมดสภาพ นอนไปเป็นวัน ๆ เหมือนกับสะสมเงินมาทั้งชีวิต แล้วเบิกใช้หมดในครั้งเดียว ร่างกายรับไม่ไหว หมดสภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นมาทดแทนคือความปีติ เพราะรู้ว่ากำลังใจของเราจริง ๆ แล้วอยู่ในระดับนี้ ก็คือไม่เสียทีที่สั่งสมความดีทีละเล็กทีละน้อยมาตลอด เพียงแต่ว่าเราตรวจสอบต้นทุนของตัวเองไม่เป็น จึงต้องอาศัยสถานการณ์ภายนอกมาทดสอบแทน

เพียงแต่ว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพทำไปนั้น ท่านทั้งหลายถ้าจะเลียนแบบและทำตาม ต้องดูกาลเทศะให้มากไว้ ผู้อื่นโดนกระผม/อาตมภาพด่า เขาถือว่าเป็นพรอันประเสริฐ หลวงพ่อยังให้ความสนใจเขา แต่ถ้าพวกท่านไปด่าแทน อาจจะโดนสวนร่วงอยู่ตรงนั้นเอง..!

ดังนั้น..สำคัญที่สุดก็คือกำลังใจตอนที่ท่านด่าชาวบ้านเขา อย่าให้ รัก โลภ โกรธ หลง เข้าไปปนได้ ทำไปด้วยความหวังดีปรารถนาดีต่อผู้อื่นประการหนึ่ง ทำไปในลักษณะของอุเบกขา ก็คือไม่เจือด้วย รัก โลภ โกรธ หลง อย่างหนึ่ง ถ้าเราสามารถทำในลักษณะอย่างนี้ได้ ท่านก็สามารถเป็นครูบาอาจารย์ ไปจ้ำจี้จ้ำไชสั่งสอนคนอื่น หรือว่าด่าเขาเล่นก็ได้ แต่อย่าเล่นบ่อย เพราะว่าเราอาจจะเผลอให้ รัก โลภ โกรธ หลง กินใจของเราขึ้นมาจริง ๆ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2024 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว