กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-06-2024, 20:06
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-06-2024, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ก่อนอื่นก็ขอเจริญพรขอบพระคุณคณะบุญเพื่อพระนิพพาน นำโดยทิดโจ้ (นายปฏิวัต สมสะอาด) ที่รับภาระในการเช่ารถตู้ให้บรรดาผู้ที่สอบประโยคบาลีได้ ไปรับการพระราชทานตั้งเป็นมหาเปรียญและรับวุฒิบัตรผู้สอบประโยคบาลี ๑ - ๒ และขอเจริญพรขอบพระคุณนางเนตรทิพย์ เจริญวัย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้ในงานครั้งนี้

ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็คงจะมีที่หลวงตาปัญจทรัพย์ กนฺตธมฺโม ท่านขอย้ายมาอยู่ในสังกัดวัดท่าขนุน เพื่อที่จะเรียนต่อปริญญาโทวิปัสสนาภาวนา ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าหากว่าในระหว่างเรียนก็สามารถปรึกษาดร.แม่ชีกุลภรณ์ แก้ววิลัย หรือว่า ดร. แม่ชีพิมพ์วรา ทิพยบุลสิทธิ์ได้ เพราะว่านั่นจบปริญญาโทวิปัสสนาภาวนาทั้งคู่ แล้วดร.แม่ชีพิมพ์วราก็ลากยาวไปจนจบปริญญาเอกด้วย

เรื่องของการศึกษาคณะสงฆ์จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ว่าเจ้าอาวาสน้อยแห่งที่มีกำลังพอที่จะส่งพระเณรเรียนได้โดยไม่จำกัด อย่างเมื่อวานนี้หลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ท่านจะเปิดห้องเรียนปริญญาตรี สาขารัฐประศาสนศาสตร์ที่วัดปรังกาสี โดยที่กระผม/อาตมภาพรับหน้าที่จ่ายค่าเทอมทั้งหมดให้กับพระนิสิต ท่านถามว่า "หลวงพ่อรองฯ..มีอั้นไหมครับ ?" กระผม/อาตมภาพยืนยันว่า "สมัครเท่าไรก็สมัครไปเถอะ" ในความคิดของตัวเองก็คือ "เต็มที่ก็ ๒ ห้อง ๘๐ รูป ยังพอจ่ายไหวอยู่..!"

การเรียนนั้นถ้าหากว่าอยู่ในที่ไม่เป็นปฏิรูปเทส ก็คือไม่สะดวก ไม่ว่าจะเรื่องของการเดินทาง เรื่องของครูบาอาจารย์ เรื่องของการสนับสนุนการเรียน ก็จำเป็นที่จะต้องไปดิ้นรนแสวงหากันเอง

โดยเฉพาะของท่านปัญจทรัพย์ ท่านตั้งใจจะเรียนในสาขาวิปัสสนาภาวนา ซึ่งท่านทั้งหลายที่เรียนมาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องเข้ากรรมฐาน ๗ เดือน..! ถ้าปริญญาเอกก็เจอเข้ากรรมฐานไป ๑ ปี..! ก็แปลว่าท่านตั้งใจมาเพื่อปฏิบัติธรรมนั่นเอง เพียงแต่ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมที่มีของแถม ก็คือปริญญาบัตรมาด้วย ซึ่งตามหลักที่ปฏิบัติกันอยู่ กระผม/อาตมภาพจะถวายค่าเดินทางให้เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท แล้วก็ค่าเทอม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2024 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 18-06-2024, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในส่วนของท่านที่ย้ายมาอยู่กับเราก็ถือว่าเป็นพระวัดเดียวกัน ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของวัดเรา ซึ่งสำหรับพระนักปฏิบัติแล้วก็ไม่มีอะไรลำบาก เรื่องของการตื่นตี ๓ ครึ่งเพื่อเจริญกรรมฐานด้วยกัน ถ้าหากว่าเป็นพระปฏิบัติ โดยเฉพาะผ่านสายพองยุบมา ถ้าเป็นที่ยุวพุทธิกสมาคม ไม่ว่าจะสาขา ๑ หรือว่าสาขา ๒ ที่กระผม/อาตมภาพไปเจอการอบรมพระธรรมทูตสายวิปัสสนารุ่น ๑ มา ต้องเริ่มภาวนาตั้งแต่ตี ๒ เลิก ๔ ทุ่ม..! ถ้าวันไหนครูบาอาจารย์นัดส่งอารมณ์ ก็จะมีเวลาเฉพาะตัวของเรา แต่ว่าเราต้องคำนวณว่าจะยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ไปจนถึงที่นั่งของครูบาอาจารย์นั้น จะใช้เวลาเท่าไร ?

อย่าคิดว่าระยะทางแค่ ๔๐ - ๕๐ เมตร กระผม/อาตมภาพเคยใช้เวลาเดินเป็นชั่วโมงมาแล้ว..! เนื่องเพราะว่าถ้าสภาวธรรมละเอียดจริง ๆ เรารู้สึกว่าก้าวยาว แต่จริง ๆ แล้วก้าวสั้นมาก แทบจะไปกันทีมิลลิเมตรเลย..! รู้สึกว่าตัวเองยกเท้าสูงมาก แต่ปรากฏว่ายกพ้นพื้นมาประมาณแค่ครึ่งเซนติเมตรเท่านั้น

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครเจอในลักษณะอย่างนี้มา ก็จะรู้สึกว่าระเบียบวัดไม่ใช่ของยาก สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาตร กรรมฐานร่วมกัน ในเวลาเรียนห้ามลา ยกเว้นเรื่องสำคัญที่ทางวัดจะพินิจพิจารณาเองว่าสมควรลาได้หรือไม่ ? แต่ถ้าเรียนจบแล้วจะย้ายกลับคืนสังกัดเดิมทันทีก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ว่าตอนอยู่ร่วมกันต้องทำตามระเบียบเดียวกัน

เรื่องของระเบียบวินัยนั้นเป็นเบื้องต้นของนักปฏิบัติทุกรูป ใครก็ตามที่พยายามหลีกเลี่ยงระเบียบวัดหรือว่าวินัยสงฆ์ ขอให้รู้ว่าเราเป็นผู้ที่ปฏิบัติไปแล้วก็เอาดีไม่ได้..! เพราะว่าวินัยก็คือศีล ระเบียบก็คือศีล ก็คือข้อบังคับว่าต้องปฏิบัติอย่างไร หรือว่าห้ามปฏิบัติอย่างไร ในเมื่อระเบียบวัดหรือว่าวินัยสงฆ์ที่เป็นของหยาบ เรายังทำให้ดีไม่ได้ โอกาสที่จะเข้าถึงสภาวธรรมที่เป็นของละเอียดก็แทบจะไม่มีเลย..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านที่บวชรุ่นเก่า ๆ จะได้ยินพระอุปัชฌาย์หรือคู่สวด ท่านให้อนุศาสน์ ๘ ที่จะสรุปว่า สีละปะริภาวิโต สะมาธิ มะหัปผะโล โหติ มะหานิสังโส

อานิสงส์ใหญ่ของการระมัดระวังรักษาศีลโดยรอบคอบ ก็คือจะทำให้สมาธิเจริญขึ้น เนื่องเพราะว่าในขณะที่เราระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ สติสมาธิต้องจดจ่ออยู่เฉพาะหน้า โดยเฉพาะว่าถ้าเราขยับตัวเมื่อไร รู้ว่าศีลจะขาดหรือไม่ ? ถึงจะถือว่าใช้ได้

การที่ต้องตั้งสติระมัดระวังขนาดนั้น จึงทำให้สมาธิเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ บางท่านไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่า ขณะที่ตนเองระมัดระวังรักษาศีล ก็คือการสร้างสมาธิไปในตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2024 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-06-2024, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้พอสมาธิทรงตัว ผลใหญ่ที่จะก่อให้เกิดก็คือปัญญา เมื่อสภาพจิตของเราสงบราบเรียบ กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง โดนอำนาจสมาธิกดดับลงชั่วคราว สภาพจิตก็จะผ่องใสมาก สติรู้รอบ พินิจพิจารณาได้ว่าเรายังบกพร่องตรงไหน ? เราควรที่จะไปต่ออย่างไร ? สิ่งที่เราทำนี้ตรงเป้าหมายแล้วหรือไม่ ?

เรื่องพวกนี้จัดอยู่ในหมวดวิมังสาของอิทธิบาท ๔ ก็คือ มีการไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ ท่านที่ศึกษาปริญญามาในด้านพระพุทธศาสนาก็จะได้ยินว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น พิจารณาอริยสัจโดยผ่านญาณ ๓ ก็คือสัจจญาณ รู้ตามความเป็นจริง กิจจญาณ รู้ว่าต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรจึงจะเข้าถึงได้อย่างแท้จริง และกตญาณ รู้ว่าขณะนี้เราเข้าถึงอย่างแท้จริงแล้ว

ดังนั้น..ในส่วนนี้ถ้าหากว่าพวกเราขาดวิมังสาในการไตร่ตรองทบทวน บางทีอาจจะหลงออกนอกทางโดยไม่รู้ตัว กระผม/อาตมภาพเองในขณะที่ปฏิบัติมา พยายามระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าถ้าพลาดเมื่อไร กำลังใจตก หรือที่ท่านทั้งหลายใช้คำว่าจิตตกบ้าง สมาธิตกบ้าง กรรมฐานแตกบ้าง แล้วโดน รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำตีจนไม่เป็นผู้เป็นคน รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานมาก..!

แล้วกว่าที่จะกู้กำลังใจคืนมาได้ก็ยากเหลือเกิน เพราะว่าไปวางกำลังใจผิด ก็คือไปวางกำลังใจว่า "อยากจะให้ดีเหมือนเดิม" อะไรที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "อยาก" นี่ยากไปหมด เพราะว่าเท่ากับเราไปตั้งกำแพงขวางกำลังใจตัวเองเอาไว้ด้วยความอยาก ยิ่งอยากก็ยิ่งเข้าไม่ถึง..!

ถ้าเราสามารถปล่อยวางเป็นอุเบกขา อยู่ในลักษณะที่ว่า เรามีหน้าที่ทำ เราก็ทำให้เต็มที่ ส่วนจะเข้าถึงหรือไม่เข้าถึง จะได้หรือไม่ได้ จะเหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมนั้น..ช่างมัน ถ้าอยู่ในลักษณะนี้เราจะเข้าถึงได้ง่าย หรือว่ากลับไปสู่อารมณ์เดิมได้ง่าย แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องอาศัยประสบการณ์ หกล้มหกลุกหัวร้างคางแตกมานับข้างไม่ถ้วน จนกระทั่งเราเกิดปัญญาขึ้นมาว่า ถ้าในสถานการณ์แบบนี้เราจะไปในรูปแบบใด

ดังนั้น..ที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ไปส่งอารมณ์ ส่วนใหญ่ก็คือถ้าลูกศิษย์ติดขัดตรงไหนจะได้ชี้แจงเพิ่มเติมให้ จะได้บอกทางให้ว่าไปทางไหนง่ายกว่า สะดวกกว่า แต่ว่าครูบาอาจารย์บางท่านไปเจอลูกศิษย์ที่มาสายพุทธภูมิ ก็คือตั้งใจจะไปเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายภาคหน้า ถ้าเจอแบบนั้นก็สาหัส..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2024 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-06-2024, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างสมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง ถ้าหากว่าหลวงพ่ออาจินต์ (พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์) ซึ่งพวกกระผมเรียกว่า "หลวงพี่" ถ้าท่านลากลูกศิษย์ไม่ไหว ท่านก็จะไปตามท่านเจ้าคุณหลวงตา - พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. หรือว่า "หลวงพี่วัชรชัย" ถ้าทั้งสองท่านเข็นไม่ไหว ก็จะมาตามกระผม/อาตมภาพไปช่วย

แล้วมีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่ออาจินต์ท่านก็ขับรถประจำตัวของท่าน ก็คือซูซูกิคาริเบียน มีเจ้าคุณหลวงตานั่งมาด้วย มาถึงหน้าตึกก็ตะโกนว่า "เล็กโว้ย หาคนเข้าเวรแทนให้หน่อย แล้วมาช่วยผมที" ถามว่า "เรื่องอะไรครับ ?" ท่านบอกว่า "เจอเรือเกลืออีกแล้ว..!"

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า พวกเรือข้าว เรือเกลือ หรือว่าเรือทราย เป็นเรือที่บรรทุกหนักมาก โอกาสที่จะแล่นเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้ แล้วปรากฏว่าพระอาคันตุกะรูปนั้นมาอยู่วัดได้ ๖ วันแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ตามระเบียบวัด

พอหลวงพ่ออาจินต์ท่านเข็นไม่ไหว จึงไปตามหลวงตาวัชรชัยมาช่วย หลวงตาวัชรชัยเจอไปสองวัน ยอมยกธงขาว มาตามกระผม/อาตมภาพไปช่วย พอไปเจอแล้วถึงได้รู้ว่าทำไม เนื่องเพราะว่าระยะเวลาในการเจริญกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ ๒ ชั่วโมงเศษ กระผม/อาตมภาพสามารถพาท่านไปได้แค่พระจุฬามณีเท่านั้น ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ก็เพราะว่าท่านละเอียดถึงขนาดไปนับบันไดทีละขั้น..! ถ้าหากว่าใครมโนมยิทธิแจ่มใส ลองมองดูว่าบันไดจุฬามณีมีกี่หมื่นขั้น..! ท่านค่อย ๆ ไปดูว่า บันไดกว้างเท่าไร ยาวเท่าไร ทำด้วยวัสดุอะไร สีสันเป็นอย่างไร ?!!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าไปเจอปัญหาแบบนี้ ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็ตายสนิท..! เนื่องเพราะว่าลูกศิษย์มีความต้องการมากกว่า แต่ว่าครูบาอาจารย์ไปไม่ถึงระดับนั้น กระผม/อาตมภาพวันนั้น กลับมากุฏิได้ก็นอนแผ่หรา หมดเรี่ยวหมดแรง ดังนั้น..ถ้าหากท่านบอกว่ามีเรือเกลือมา หรือว่ามีเรือทรายมานี่ ขอให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า ไม่ใช่เราลากไปในน้ำ แต่เป็นการเข็นเรือเกลือหรือว่าเรือทรายบนบก..! กว่าจะไปได้แต่ละคืบแต่ละศอกนี่คนเข็นเกือบตาย..!

เรื่องของกรรมฐานจึงต้องพยายามฝึกและซักซ้อมให้รู้รอบรู้จริง เนื่องเพราะว่ากรรมฐานนั้นมีถึง ๔๐ กอง บวกมหาสติปัฏฐานสูตร โอกาสที่เราจะเจอลูกศิษย์ที่มาคนละทิศคนละทางกับสิ่งที่เราศึกษาต้องมีแน่นอน

แต่โชคดีที่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านสอนเอาไว้ครบถ้วน แล้วกระผม/อาตมภาพก็ยังศึกษาเพิ่มเติมอยู่เสมอ จึงพอที่จะรับมือกับพวกที่มานอกทุ่งนอกท่าได้ แต่ถ้าพวกท่านทั้งหลายศึกษาไม่พอก็จะขายหน้า เพราะว่าลูกศิษย์มีความต้องการมากกว่าความสามารถของครูบาอาจารย์ เราก็ต้องรู้ว่าถ้าเราไม่ไหวแล้วควรที่จะไปหาใครต่อ ไม่อย่างนั้นก็เสียหน้าอยู่คนเดียว..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2024 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว