กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-04-2024, 19:41
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,563
ได้ให้อนุโมทนา: 216,949
ได้รับอนุโมทนา 748,112 ครั้ง ใน 36,431 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-04-2024, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,057 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ อากาศตอนนี้ค่อนข้างจะร้อนถึงร้อนมาก ต้องระมัดระวังตัวเองให้ดี ถ้าไม่ใช่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแล้ว มีสิทธิ์เป็น "ลมแดด" ตายได้ทุกคน..! ถามว่าแล้วเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนต่างจากคนอื่นตรงไหน ? ก็อากาศแบบนี้ ตอนเที่ยง ๆ กระผม/อาตมภาพต้องนอนห่มผ้าหนาเตอะเลย..! ใครทำได้บ้าง ?

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าร่างกายโดนมาลาเรียกินมาเกิน ๔๐ ปี จนกระทั่งไฟธาตุแทบจะไม่เหลือแล้ว คราวนี้ถ้าเราไม่เข้าใจคำว่าไฟธาตุ ในที่นี้ก็คือเลือดของเราเป็นหลัก มาลาเรียเมื่อถึงเวลากำเริบขึ้นมาก็กินเม็ดเลือด ดังนั้น..หลายท่านจะสังเกตว่าคนที่เป็นมาลาเรียจะตัวเหลือง เหตุที่ตัวเหลืองตัวซีด ก็เพราะว่าเม็ดเลือดโดนกิน ในเมื่อเป็นคนเลือดน้อย ก็คือไฟธาตุน้อย ขนาดอากาศ ๓๙ - ๔๐ องศาเซลเซียส กระผม/อาตมภาพยังต้องนอนห่มผ้า ใครจะลองแข่งกันดูก็ได้ว่าจะร้อนตายไหม ?!

ในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย แม้เราจะถือว่าเป็นปกติของร่างกายก็ตาม แต่ว่าถ้าหากว่าสามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ เราก็ไม่ต้องทรมานกับอาการเจ็บป่วยมากนัก เพียงแต่ว่าไข้มาลาเรียนั้น ถ้าพักผ่อนไม่พอเมื่อไร ก็มักจะกำเริบ แล้วท่านทั้งหลายจะให้กระผม/อาตมภาพเอาเวลาที่ไหนไปพัก ?

วันนี้ก็ยังมีคนหางานมาให้ บอกว่าอยากได้เนื้อหาการต้องอาบัติสังฆาทิเสส และขั้นตอนการอยู่ปริวาสอย่างละเอียด เพราะว่าจะทำหนังสือแล้วก็เอาไปบรรจุไว้ในนั้น ก็เลยบอกไปว่า "ทุกวันนี้ผมก็งานยุ่งตายห่..แล้ว อย่าหางานมาเพิ่มให้อีก..!"

เนื่องเพราะว่าแต่ละท่าน แต่ละคน มักจะคิดว่ากระผม/อาตมภาพอยู่ว่าง ๆ หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ? ถึงเวลาต้องการอย่างนั้น ควรจะทำให้เขา ต้องการอย่างนี้ ควรจะทำให้เขา แม้แต่กิจนิมนต์ นิมนต์แล้วไม่ไป ก็โกรธอีกต่างหาก โดยที่ไม่ได้ดูว่ากระผม/อาตมภาพรับไว้ ๓ - ๔ งานแล้ว..!

ถ้าท่านทั้งหลายรู้จัก "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" ก็จะเข้าใจ แต่ถ้าเอาแต่เรื่องของตัวเองเป็นใหญ่ ก็เป็นอันว่าต้องขัดใจกับคนอื่นอยู่ร่ำไป ล่าสุดนี้มีฏีกานิมนต์มา ให้กระผม/อาตมภาพเป็นประธานทำการบวงสรวงเพื่อหล่อพระเวลา ๐๙.๓๙ น. แล้วเวลาหล่อพระคือตอนเย็น แล้วในระหว่างนั้น ท่านจะให้กระผม/อาตมภาพไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ? คือแต่ละคนส่วนใหญ่จัดงานแล้วไม่ค่อยนึกถึงความเป็นจริง

ถ้าหลายท่านรู้จักสังเกตจะเห็นว่า งานหล่อพระวัดท่าขนุนนั้น พอฉันเพลเสร็จเรียบร้อย เวลาประมาณเที่ยงครึ่งก็หล่อพระเลย แต่ว่าหลายวัดมักจะดึงเวลาเอาไว้ ไปหล่อตอน ๓ โมงเย็น ๔ โมงเย็น เพื่อที่จะรอให้ญาติโยมซื้อทองร่วมหล่อพระก่อน ถ้างานลักษณะอย่างนั้น อย่าเสียเวลามานิมนต์ กระผม/อาตมภาพเลย ถึงไปก็อยู่ไม่ได้ตลอดงาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2024 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-04-2024, 00:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,057 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การจัดงานทุกอย่าง ควรที่จะรวบรัดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ล่าสุดที่พบมา เป็นการจัดงานที่ถูกใจมากที่สุด ก็คืองานพระราชทานเพลิงศพของคุณแม่จุไร ชุติมันต์ แม่ของดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ทันทีที่ประธานในงานมาถึง ก็มีการแสดงโขนต้อนรับ แล้วก็ต่อด้วยการทอดผ้าไตร เพื่อพิจารณาผ้าบังสุกุล สำหรับพระที่ขึ้นพิจารณาผ้าบังสุกุล ก็ให้วางดอกไม้จันทน์ไปพร้อมกันเลย ได้งานครบถ้วนทุกอย่างในเวลาที่น้อยมาก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่ว่ากันไม่ได้ สอนกันไม่ได้ นอกจากเก็บเอามาเป็นประสบการณ์ ถ้าใครมีโอกาสก็จะได้ปรับปรุงงานของตนเอง หรือถ้าใครไม่คิดที่จะปรับปรุง ก็ยังคงเป็นงานที่ยืดเยื้อต่อไป

การทำงานแต่ละอย่างนั้น โดยเฉพาะกิจนิมนต์ ถ้าหากว่าเป็นในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ท่านมักจะจัดเอา ๔ โมงเย็น ๕ โมงเย็น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับฏีกานิมนต์นั้น ไปงานช่วงเช้ากับช่วงเพลได้ก่อน หรือถ้าอยู่ไม่ไกล ยังไปงานช่วงบ่ายได้อีก ๑ งาน แล้วหลังจากนั้นจึงมางานตามที่ท่านนิมนต์เอาไว้

พวกท่านจะสังเกตว่า ถ้ากระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นวัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม หรือว่าวัดสุทัศน์เทพวราราม มักจะเป็นงานช่วงเย็นหรือช่วงค่ำไปเลยทั้งสิ้น นั่นเป็นความเอื้อเฟื้อของเจ้าของงาน เพื่อที่ให้เราได้ไปงานอื่นก่อน
ถ้ามีผู้นิมนต์ในวันเดียวกัน จะได้ไม่ต้องเสียน้ำใจกัน

แต่ถ้าโดยนิสัยของกระผม/อาตมภาพแล้ว ถ้ารับนิมนต์ในที่หนึ่ง ถ้าที่อื่นมานิมนต์ซ้ำ ก็จะไม่รับ ยกเว้นอย่างเดียวว่าเป็นฏีกาหลวง ขณะเดียวกันในเรื่องของงานทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นว่า สวดมนต์เย็น ฉันเช้า ฉันเพล กระผม/อาตมภาพไม่รับเลย เนื่องเพราะว่าเสียเวลาในการทำงานอื่นมาก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของการดึงน้ำใจของญาติโยมให้อยู่กับวัดเรา จึงจำเป็นที่จะต้องรับงานทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ว่าให้พระรูปอื่นไปแทนเสมอ โดยเฉพาะถ้าเป็นงานช่วงค่ำ ไม่ใช่จำเป็นจริง ๆ จะไม่รับเลย เนื่องเพราะว่าเป็นช่วงที่มาลาเรียจะกำเริบ รับงานใครหลัง ๖ โมงเย็นไปแล้ว ก็ต้องฉันยาล่วงหน้าไปก่อน เป็นการป้องกันตนเองเอาไว้

แล้วช่วงระยะเวลาหลายวันนี้ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนกับคนปวดหัวหนัก ๆ บวกกับปวดฟันอย่างหนัก แล้วก็บวกกับปวดไมเกรนอย่างหนัก ระดมมาพร้อม ๆ กัน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดจากยาตัวใหม่ที่หมอให้มาหรือเปล่า เพราะว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนยาตัวใหม่ เชื้อโรคจะต่อต้านสุดฤทธิ์ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า ไปแบกสถานการณ์สงครามของโลกเอาไว้ จนกว่าจะผ่านวันเสาร์ ๕ นี้ไปก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2024 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-04-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,057 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่ไปแบกเรื่องของคนทั้งโลกไว้ ต่อให้คนละเล็กคนละน้อยแค่ไหนก็ตาม เมื่อรวม ๆ กันแล้วก็เป็นเรื่องที่หนักมหาศาล ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องทนรับไป เนื่องเพราะว่าเป็นแบบนี้มานานแล้ว เคยชินแล้ว แต่ถ้าเป็นท่านทั้งหลายก็อาจจะสิ้นชีวิตไปแล้ว..!

สมัยก่อนได้ยินพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกท่านกล่าวอาการป่วยของท่าน ก็ได้แต่ฟังอย่างเดียว ไม่เข้าใจซาบซึ้งว่าเป็นหนักขนาดไหน พอตัวเองมาเป็น ถึงได้รู้ว่าเป็นขนาดไหน..!

บางท่านอาจจะเห็นว่าระยะนี้ กระผม/อาตมภาพไม่ค่อยฉันอะไร เนื่องเพราะว่าปวดฟันทั้งปากพร้อม ๆ กัน จะเคี้ยวอะไรก็เจ็บไปหมด ก็ถือว่าอยู่ในช่วงลดน้ำหนักก็แล้วกัน

เรื่องพวกนี้เราท่านไม่จำเป็นต้องไปห่วง และวิตกกังวลแทนคนหนึ่งคนใด เพราะว่าเรื่องของกรรม ใครทำก็รับไป ไม่มีใครที่สามารถรับกรรมแทนคนอื่นได้ แล้วบางคนที่อธิษฐานว่าขอเจ็บไข้ได้ป่วยแทน โปรดระวังไว้ บางทีป่วยปางตาย แต่ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้เลย เพราะแค่พรหมเทวดา หรือครูบาอาจารย์ท่านอยากจะให้รู้ว่าอาการป่วยหนัก ๆ นั้นเป็นอย่างไร อยากจะรับมากนักก็ให้ลองดูสักหน่อย เพียงแต่ว่าลองไปแล้วก็เดือดร้อนเอง ครูบาอาจารย์ก็ยังป่วยเท่าเดิม

มีวิธีเดียวก็คือ เร่งรัดการปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของตนเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะได้ไม่เป็นภาระกับครูบาอาจารย์มากนัก ไม่ใช่ว่าหลวงปู่ท่านนั้นสอนเรามาจนมรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อท่านนี้สอนเรามาจนมรณภาพไปแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ หลายสิบปีผ่านไป กำลังใจของเราก็ยังห่วยอยู่แค่เดิม..! ถ้าลักษณะอย่างนั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะช่วยได้อย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2024 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-04-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,057 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเอง สมัยบวชอยู่ที่วัดท่าซุง ไม่เคยไว้ใจเลยว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจะอยู่ได้เกินวันนี้ ทุกครั้งที่ดินฟ้าอากาศผิดปกติ จะลุกมาเจริญกรรมฐาน เพื่อดูว่าหลวงพ่อท่านไปแล้วหรือยัง ? ถ้าหากว่าท่านยังอยู่ ก็พยายามที่จะฝึกฝน กอบโกยความรู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอสิ้นท่านไป กระผม/อาตมภาพที่เพิ่งจะพ้นสภาพพระใหม่ได้ไม่นาน เพราะว่าได้แค่ ๗ พรรษา กลับต้องเป็นหลักอยู่ในวัด จะภูมิใจว่าตัวเองกำลังใจเข้มแข็งก็ใช่ จะอนาถใจว่าทำไมคนอื่นถึงไม่ทำกำลังใจให้ได้มาก ๆ เพื่อที่จะเป็นหลักแก่ญาติโยมก็ใช่ เพราะว่าทุกคนไปประมาทว่าหลวงพ่อท่านจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปี บุคคลใดบุคคลหนึ่งบอกว่า "อาราธนาหลวงพ่อเล็กอยู่ถึง ๑๒๐ ปี" กระผม/อาตมภาพมักจะตอบไปว่า "เชิญมึงอยู่ไปคนเดียวเถอะ..! แค่นี้กูก็จะแย่อยู่แล้ว"

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าพวกเรายังไม่มีจิตสำนึก ยังไม่เร่งรัดการปฏิบัติของตนเอง กระผม/อาตมภาพถ้าถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ของท่านคนหนึ่ง ก็อาจจะตายฟรีไปอีกเช่นกัน..!
เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายต้องมีจิตสำนึกในการที่จะเอาดีและเร่งรัดด้วยตนเอง ไม่มีใครที่สามารถมาจ้ำจี้จ้ำไช บอกกล่าวให้เราเกิดจิตสำนึกในการทำเช่นนั้นได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2024 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว