กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-03-2024, 21:14
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-03-2024, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,652 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางออกจากวัดอุทยานตั้งแต่ตีสามครึ่ง ด้วยความเมตตาของพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน นำรถตู้ของวัดไปส่งกระผม/อาตมภาพและคณะ ที่อาคาร ๑ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง

เมื่อไปถึงปรากฏว่าในคณะมากันหลายคนแล้ว ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่กำลังเช็คอินอยู่หลายร้อยคน ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าจะแห่กันไปที่ไหน ถึงได้มากมายขนาดนั้น ดีที่ทางด้านเติมเต็มทราเวลของลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ได้ทำการอนุเคราะห์สงเคราะห์ จัดให้หลวงตาไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์พิเศษคนเดียว ทำให้มีความคล่องตัวอย่างมาก

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว จึงได้ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อที่จะไปรอขึ้นเครื่อง ปรากฏว่าคณะที่มานั้น มีหลายท่านที่รู้จักคุ้นเคยกันมาแต่ดั้งเดิม ในขณะเดียวกันหลายท่านก็เป็นบุคคลที่เคยทำบุญกับวัดท่าขนุน แต่ว่าไม่ได้มีการเสวนากันอย่างจริงจังนัก เมื่อถึงเวลาทางเจ้าหน้าที่ของแอร์เอเชียประเทศไทย ก็ได้เรียกให้ขึ้นเครื่อง โดยนิมนต์
กระผม/อาตมภาพขึ้นรถบัสแล้วไปส่งทางท้ายสนามบิน ซึ่งทุกอย่างสำเร็จลงเรียบร้อยลงตามเวลาดีมาก

เมื่อถึงเวลา กัปตันก็นำเครื่องทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กระผม/อาตมภาพตั้งใจแผ่เมตตา และอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ที่ดูแลท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ที่รักษาอากาศยานลำที่กระผม/อาตมภาพและคณะกำลังอาศัยเดินทางอยู่ เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ตลอดเส้นทางที่กระผม/อาตมภาพและคณะได้เดินทาง ไม่ว่าจะเป็นอากาศเทวดาก็ดี รุกขเทวดาก็ดี ภุมมเทวดาก็ดี หรือจะเป็นเหล่าสัมภเวสี เปรต อสุรกาย เดรัจฉานมีฤทธิ์ก็ตาม

ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้อนุโมทนาในส่วนบุญกุศลที่กระผม/อาตมภาพได้บำเพ็ญแล้วด้วยดีและอุทิศให้ และขอให้ท่านทั้งหลายได้โปรดเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ ให้กระผม/อาตมภาพและคณะเดินทางโดยสะดวกปลอดภัย ตลอดเส้นทางด้วยเถิด


เมื่อเครื่องจะลงสู่สนามบินนานาชาตินอยไบ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม กระผม/อาตมภาพกำหนดใจดูไปแล้วก็ใจหายวาบ เนื่องเพราะว่ามีท้าวมหาพรหมที่รัศมีกายสว่างไสวแทบจะกลบกลืนไปทั้งประเทศเวียดนาม ยืนตระหง่านอยู่กลางสนามบิน เมื่อเรียนถามท่านว่า "เป็นท่านใดครับ ?" ท่านบอกว่า "ผมคือติช กวาง ดึ๊ก..!" กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็แทบจะทรุดลงไปกราบตรงนั้นเลย หลวงปู่ติช กวาง ดึ๊ก ก็คือพระภิกษุชาวเวียดนาม ที่เผาตนเองประท้วงต่อประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม ผู้นับถือศาสนาคริสต์ แล้วทำการเบียดเบียนต่อศาสนาพุทธอย่างหนักในช่วงนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 00:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-03-2024, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,652 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ทรงถึงฌานสมาบัติได้อย่างคล่องตัว จึงทำให้ท่านไม่รู้สึกเวทนาต่อการที่ไฟได้เผาไหม้ร่างกายของท่านเลย แล้วก็ไปเกิดเป็นพรหมเต็มบุญเต็มบารมีของท่าน กระผม/อาตมภาพกราบในความเมตตาที่ท่านอุตส่าห์อนุเคราะห์สงเคราะห์ มา "รับ" ในครั้งนี้

เมื่อเดินทางออกมาด้านนอก ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ ตม.ของเวียดนาม ทำหน้าที่ได้คล่องตัวมาก ใช้เวลาในการประทับตราหนังสือเดินทาง ให้กระผม/อาตมภาพไม่ถึง ๑ นาที ผ่านออกมารอที่ทางด้านนอกที่สายพาน ๒ ปรากฏว่าแม้กระเป๋าจะมารวดเร็วทันใจ แต่ก็มีการชำรุดเสียหายอยู่ใบหนึ่ง และชำรุดหนักมาก..! คาดว่าน่าจะเกิดจากทางต้นทาง คือสนามบินนานาชาติดอนเมืองของเราเอง ทางด้านนี้ถึงกับต้องเอาถุงใส่มาส่ง เพราะว่าโดนโยนจนแตกกระจายไปครึ่งใบ..!

ทางด้านเติมเต็มทราเวล รีบไปทำการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็ได้รับการชดเชยมา ๓๕๐,๐๐๐ ด่อง ซึ่งถ้าหากว่าเปรียบเป็นเงินไทยก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ ๕๐๐ กว่าบาท..! ซึ่งในส่วนนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่คุ้ม แต่ทางเขาไม่มีกระเป๋าเปลี่ยนให้จริง ๆ พวกเราจึงต้องรับค่าชดเชยตรงนี้มาอย่างเสียไม่ได้

จุดนี้ทำให้กระผม/อาตมภาพที่เดินทางไปยุโรปแล้วเจอร้านค้าปลอดภาษี มีกระเป๋าแซมโซไนท์สวย ๆ ราคาไม่กี่สตางค์ ซึ่งทางด้านกระผม/อาตมภาพเห็นว่ามีกำลังเพียงพอที่จะซื้อได้ แต่พอพิจารณาแล้วว่า ถ้าขืนซื้อมาก็คงจะพังในเวลาอันรวดเร็ว ต่อให้เป็นการลดราคามากกว่าปกติสักเพียงใดก็ตาม ถ้าต้องพังไปในเวลาไม่นานก็ยังนับว่าราคาแพงอยู่ดี จึงไม่ได้ซื้อหามา

เมื่อพวกเราออกเดินทางมานอกสนามบิน ก็ต้องสะท้านวูบไปทั้งตัว เนื่องเพราะว่าอากาศแค่ ๑๔ องศาเซลเซียสเท่านั้น ขึ้นรถบัสที่มารอรับอยู่ทั้ง ๒ คัน เมื่อขึ้นไปถึงก็เจอ "อาหลัน" ซึ่งความจริงต้องออกเสียงว่า "ลาน (Lan)" ซึ่งเป็นคำเดียวกับ "หลัน" ของภาษาจีนกลางที่แปลว่ากล้วยไม้นั่นเอง มารอต้อนรับคณะของเราอยู่แล้ว

อาหลันที่เป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นมาแนะนำตัว แจกน้ำ แจกแซนด์วิช ซึ่งแซนด์วิชนั้น ตอนแรก กระผม/อาตมภาพก็ติว่า "ชิ้นใหญ่มาก น่าจะกินไม่หมด" แต่พอกัดเข้าไปแล้ว กลับรู้สึกว่าอร่อยมาก ก็เลยเผลอกินหมดโดยไม่รู้ตัว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-03-2024, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,652 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รถบัสของพวกเราออกเดินทางตอน ๘ โมง ๔๐ นาที เพื่อมุ่งตรงไปยังเมืองซาปา ทางเวียดนามเหนือ ต้องขึ้นทางด่วนซึ่งเพิ่งจะสร้างเสร็จก่อนเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดแค่ ๒ ปีเท่านั้น แล้วแทบจะไม่มีใครใช้งาน เนื่องเพราะว่าช่วงที่โควิดระบาด ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศเวียดนาม เพิ่งจะมาใช้งานได้เมื่อปีกว่าที่ผ่านมานี่เอง พวกเราจึงได้ลองของใหม่ รถยนต์ทางด้านประเทศเวียดนามวิ่งชิดขวา แซงซ้าย เช่นเดียวกับประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นของยุโรปมาก่อน

แม้ว่าระยะทางจะวิ่งหลายชั่วโมงก็ตาม แต่ว่าทางอาหลันก็มีลูกเล่นสนุก ๆ มาเล่าให้พวกเราได้ฟังไปตลอดทาง โดยที่กระผม/อาตมภาพซึ่งดูฟ้าดูดินไปตลอดทาง รู้สึกทึ่งตรงที่ว่าทางด้านประเทศเวียดนามนี้ มีการสร้างสุสานให้แก่บุคคลที่ล่วงลับไปแล้วอยู่ในที่ดินที่นาของตนเอง ตรงไหนที่เป็นหมู่บ้าน หรือว่าตระกูลใหญ่ ก็มีสุสานเรียงรายกันหลายสิบหลัง จนกระผม/อาตมภาพเรียกว่า "เมืองผี" ส่วนบางที่ตระกูลเล็ก หรือว่าเพิ่งมีคนตายไม่กี่คน ก็มีสุสานหลังเดียวบ้าง สองหลังบ้าง เป็นระยะไป

ประเทศเวียดนามนั้นปลูกข้าวมากที่สุด โดยเฉพาะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ว่าพื้นที่สำหรับปลูกข้าวนั้นกลับมีน้อยจนเหลือเชื่อ เพราะว่าพื้นที่ ๑ ใน ๓ ของประเทศนั้นเป็นภูเขาและแม่น้ำ ส่วนแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่เห็นนั้น บางทีไม่ใช่บึง ไม่ใช่บ่อทั่ว ๆ ไป หากแต่ว่าเป็นหลุมที่เกิดจากการโดนทิ้งระเบิดยามสงคราม..! แล้วเมื่อสงครามจบสิ้นลงแล้ว บริเวณนั้นมีน้ำขัง ก็กลายเป็นบ่อหรือสระน้ำไปโดยปริยายนั่นเอง

พวกเราใช้เวลาเดินทางมาจนถึงเมืองหล่าวกาย ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกง่าย ๆ ว่า "เมืองเล้าไก่" เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน โดยจอดแวะพักเข้าห้องน้ำกันครั้งเดียวเท่านั้น การเข้าห้องน้ำที่ประเทศเวียดนามนี้ เราต้องจ่ายทีละ ๓,๐๐๐ ด่อง ทำเอาสะดุ้งสุดตัวไปเหมือนกัน แต่พอเรามาคิดถึงว่ายังไม่ถึง ๕ บาทดีก็แล้วไปเถอะ..! โดยมีอาหลันเป็นผู้ "เลี้ยงฉี่" จ่ายให้กับทุกคน..!

เมื่อกลับขึ้นรถมา วิ่งต่อไปเริ่มใกล้เขตเมืองหล่าวกาย อากาศก็ลดลงเหลือแค่ ๙ องศาเซลเซียสเท่านั้น พวกเราเลี้ยวขวาตรงข้ามกับทางไปเมืองซาปา เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองเมืองหล่าวกายแล้ว ก็ตรงไปภัตตาคารชื่อว่าเลอบอร์โดซ์ เหตุที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส ก็เพราะว่าชาวเวียดนามของเรานั้น เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสอยู่เป็นร้อยปีเหมือนกัน

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย พวกเราออกเดินทางออกจากภัตตาคาร ตรงไปยังยอดเขา เพื่อที่จะไปชมสะพานแก้วมังกรเมฆ ปรากฏว่ายิ่งขึ้นก็ยิ่งสูง หมอกลงหนักมากแทบมองทางไม่เห็น และถนนหนทางบางช่วงก็มีหินถล่มอยู่ โดยเฉพาะสิ่งที่อันตรายมากก็คือ มีหินถล่มลงมายังไม่พอ แต่ว่าไม่มีสัญญาณอะไรที่ชัดเจนเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยทำให้รถต้องระวังกันเองจนไปได้ช้ามาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-03-2024, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,652 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นพวกเราเดินทางฝ่าทั้งหมอก ทั้งสายฝนที่พรำ ๆ ลงมาเป็นระยะ ขึ้นไปจนถึงด้านบนก็เป็นเวลาเกือบ ๔ โมงเย็น ต้องไปต่อรถตู้ จากรถตู้วิ่งขึ้นไปไม่ถึง ๒ นาที ซึ่งอาหลันบอกว่า "ตดไม่ทันจะหายเหม็น" ก็ต้องลงจากรถตู้ไปขึ้นลิฟท์ จากลิฟท์ที่น่าจะประมาณ ๒ หรือ ๓ ชั้นตึกเท่านั้น เราก็ต้องไปต่อรถตู้ใหม่ คราวนี้วิ่งไม่ถึง ๑ นาที ประมาณว่า "ยังไม่ทันจะได้ตด" เสียด้วยซ้ำไป ก็ขึ้นไปถึงสถานที่ซึ่งต้องรอลิฟท์ใหญ่ ที่จะบรรทุกคนครั้งละ ๒๐ คน เพื่อขึ้นไปชมสะพานแก้วมังกรเมฆ

พวกเราต้องไปเข้าแถวร่วมกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อที่จะรอในการขึ้นลิฟท์ไปด้วยกัน มีการขยับไปเป็นระยะ ๆ ให้ชื่นใจอยู่เหมือนกัน ในขณะเดียวกันอาหลันก็เล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่า นี่นับเป็นมัคคุเทศก์มืออาชีพเลยทีเดียว โดยเฉพาะพูดไทยได้ชัดมาก แม้ว่าหลายต่อหลายคำนั้นจะเป็นการออกเสียงจากการเรียนภาษาไทยโดยตัวเขียนภาษาอังกฤษก็ตาม อย่างเช่น ฝ.ฝา ออกเสียงเป็น ผ.ผึ้ง เป็นต้น

เมื่อได้คิวพวกเราขึ้นไป ก็ได้ยินนักท่องเที่ยวคณะหนึ่ง ซึ่งมีคนไทยอยู่ด้วย บอกว่า "พวกเราไม่น่าจะได้เห็นอะไร เพราะว่าข้างล่างหมอกหนักขนาดนี้" แต่ปรากฏว่าทันทีที่ลิฟท์ใหญ่ซึ่งขึ้นไปสูงถึง ๓๐๐ กว่าเมตร พ้นจากชั้นหมอกขึ้นไป แสงแดดด้านบนก็จัดจ้าให้พวกเราได้เฮกันตรึม..! สรุปก็คือไม่ว่าจะถ่ายรูปที่ไหน ก็ดูสวยดูงามไปเสียหมด ต้องกราบขอบพระคุณเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ที่ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ในครั้งนี้

ครั้นเมื่อถ่ายรูปหมู่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินเลาะไปทางด้านซ้ายมือ ตามสะพานแก้วมังกรเมฆไปเรื่อย ๆ เนื่องเพราะว่าเป็นบุคคลที่ไม่กลัวความสูง จึงหยุดถ่ายรูปเป็นระยะไป เมื่อเดินไปจนสุดสะพานแล้ว ก็เป็นทางเดินลาดซีเมนต์ อ้อมภูเขาไปทางด้านหลัง มีสะพานซึ่งมีขั้นห่าง ๆ อยู่ให้ได้เล่นกันสนุกและหวาดเสียว แต่เขาไม่ให้พระเล่นด้วย..! โดยเฉพาะสะพานข้ามวัฏสงสารนั้น เขาปิดสระน้ำอยู่ แต่ต่อให้ไม่ปิด ก็คงไม่มีใครลงไปเล่น เพราะว่าอากาศแค่ ๙ องศาเซลเซียสเท่านั้น..!

พวกเราเดินเลาะขึ้นไป จนกระทั่งเจอวัดวาอารามอยู่ข้างบนภูเขา จึงได้ไปอาศัยเข้าห้องน้ำก่อน แล้วค่อยเข้าไปกราบพระ กระผม/อาตมภาพทำบุญแบบเศรษฐี ก็คือหยอดธนบัตรใบละ ๕๐,๐๐๐ ด่องลงตู้ไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 02-03-2024, 01:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,652 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกลับลงมาจากวัดแล้ว ก็เดินเลาะภูเขาต่อไป จนกระทั่งมาออกทางด้านหลังสะพานสายรุ้งที่ได้ถ่ายรูปหมู่ตั้งแต่ต้น เมื่อนั่งรอพวกเราอยู่ครู่หนึ่ง เสียงอาหลันตะโกนบอกว่า "มังกรผงาดแล้ว" พวกเราหันไป ก็เห็นหมู่เมฆปั่นป่วนเหมือนอย่างกับมังกรกำลังขยับขึ้นลง แล้วท้ายที่สุดก็มีการยกตัวขึ้นมา เหมือนมังกรผงกเศียร..!

แต่ว่าเหตุการณ์อัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้ เกิดขึ้นแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แม้แต่กระผม/อาตมภาพที่มัวแต่เดินอ้อมเครื่องกั้นเพื่อที่จะไปถ่ายรูป ก็ยังถ่ายแทบไม่ทัน ติดแค่หัวมังกรที่กำลังลดลงเหนือนิดเดียวเท่านั้น น่าเสียดายมาก..! แต่ว่าพวกเราก็ได้เห็นทุกอย่างที่ควรเห็น ก็คือได้เห็นทั้งทะเลหมอก ได้เห็นทั้งมังกรผงกเศียร ได้เห็นทั้งพระอาทิตย์ตกดิน

เมื่อพวกเราลงมาพร้อมแล้ว อาหลันก็ให้ทยอยกันนั่งลิฟท์ลงมา จากลิฟท์ใหญ่ก็มาต่อที่ลิฟท์เล็ก จากลิฟท์เล็กมาขึ้นรถ จากขึ้นรถก็มาลงรถ จากลงรถก็มาลงลิฟท์ จนกระทั่งมาถึงรถบัสของเราเวลา ๖ โมงเย็นพอดี รออยู่ประมาณ ๒๐ นาที คณะถึงได้ลงกันมาครบถ้วน

พวกเราเดินทางลงจากภูเขาสะพานแก้วมังกรเมฆด้วยความหวาดเสียว เนื่องเพราะว่าเป็นเวลาค่ำคืนและหมอกลงหนักมาก จนกระทั่งมาถึงสถานที่หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นที่ไหน เพราะว่าหมอกลงหนัก และฝนตกปรอย ๆ ลงมาคล้ายกับฝน "เยี่ยวจั๊กจั่น" เขาให้เรามาเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสตรงนี้ เพื่อขึ้นไปยังโรงแรมที่พัก

คราวนี้ได้วิ่งฝ่าเข้าไปในตัวเมืองซาปาอย่างแท้จริง แล้วก็ทำให้เห็นว่าถนนเล็ก ๆ แคบ ๆ นั้น ถ้าหากว่ารถบัสใหญ่เข้ามา ก็คงจะติดอยู่โค้งใดโค้งหนึ่งอย่างแน่นอน ประมาณ ๑๐ กว่านาที พวกเราก็มาถึง Sapa Charm Hotel กระผม/อาตมภาพยังไม่ทันที่จะหายใจ ลูกกิฟท์ก็จัดแจงเบิกห้องมาให้เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าสู่ห้องพัก
กระผม/อาตมภาพรู้สึกหนาวมาก จึงรีบสรงน้ำอุ่น แต่งตัวโดยการใส่เสื้อฮีทเท็คด้วย แล้วค่อยมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน หลังจากบันทึกเสียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อากาศอยู่ที่ ๘ องศาเซลเซียส จึงต้องใส่ทั้งถุงมือ ถุงเท้า ฉันยาแล้วก็คงจะเข้านอน เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปตามโปรแกรมแต่เช้า

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว