กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-01-2024, 20:07
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,897 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-01-2024, 22:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,887 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีเรื่องมากมายหลายเรื่องอยากจะบอกอยากจะกล่าวกับพวกเรา แต่ว่าเอาแค่ที่ได้ตามเวลาก็แล้วกัน

เรื่องแรกมีผู้แชร์มาในกลุ่มไลน์ว่า มีการไถ่ชีวิตนักโทษออกจากคุก โดยใช้ชื่อหลวงปู่เสน ปัญญาธโร วัดป่าหนองแซง โดยการไถ่ชีวิตนักโทษนั้น เจตนาก็คือเอามาบวช ตามรายละเอียดที่เขาลงไว้ก็คือ หลวงปู่เสนท่านรู้ว่ามีพระอรหันต์ที่ติดคุกอยู่ จึงต้องการที่จะไถ่ตัวออกมาบวช ในราคาคนละ ๒๖,๐๐๐ บาท..!

เรื่องนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีสติสัมปชัญญะเป็นปกติ ก็ต้องรู้ว่าไม่ชอบมาพากลอยู่แล้ว เนื่องเพราะว่า
ยังไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการใช้กฎหมายประเทศไทย คำว่าไถ่ชีวิต แปลว่าต้องใช้กับนักโทษประหาร ซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะว่าการที่ศาลตัดสินให้รับโทษ จะมากจะน้อยก็ตาม เป็นไปโดยพระราชอำนาจด้านตุลาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บุคคลที่จะอภัยโทษให้ มีแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ถ้าหากว่าจะมีการอภัยโทษ ก็ยังต้องมีการส่งรายชื่อขออภัยโทษขึ้นไปตามลำดับ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ไปไถ่ชีวิตออกมาได้ เหมือนกับเราไปไถ่ชีวิตวัวควาย..!

ประการที่สอง นักโทษที่อยู่ในคุกก็แปลว่าเป็นฆราวาสธรรมดา เพราะว่าต้องออกมาบวช ในความเป็นฆราวาสธรรมดา ไม่มีใครทรงความเป็นพระอรหันต์ได้ แค่พระอนาคามีก็แย่มากแล้ว คำว่าแย่มากในที่นี้ก็คือ จะก่อทุกข์ก่อโทษให้คนอื่นอย่างสาหัส

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายศึกษาในธรรมบท เรื่องของนางสิริมาที่เป็นหญิงแพศยา เพราะว่าในอดีตชาติเคยด่านางภิกษุณี ซึ่งเวียนเทียนอยู่แล้วท่านบ้วนน้ำหมาก แต่พอดีลมกรรโชกมา ทำให้น้ำหมากส่วนหนึ่งกระเซ็นไปติดผ้าที่ตนเองห่มอยู่ จึงด่าไปว่า "นางหญิงแพศยาที่ไหนบ้วนน้ำหมากมาเปื้อนผ้าของเรา" โดยที่ไม่รู้ว่าภิกษุณีนั้นเป็นพระอรหันต์ การด่าเพียงเท่านั้น ทำให้ต้องเกิดเป็นหญิงแพศยาถึง ๕๐๐ ชาติติดต่อกัน..!

ดังนั้น..การที่พระอรหันต์จะทรงอยู่ในร่างฆราวาส จึงเป็นเรื่องที่จะสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นมากโดยใช้เหตุ โดยเฉพาะมีโทษหนักมาก อย่างนางขุชชุตตรา แค่เลียนแบบทำท่าว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าที่มาแสดงธรรมนั้น ท่านถือบาตรแล้วเดินหลังค่อม แค่ทำท่าให้เจ้านายดูเท่านั้นว่าเป็นแบบนี้ แต่ว่าเป็นกรรมในการปรามาสพระปัจเจกพุทธเจ้าท่าน จึงต้องไปเกิดเป็นหญิงหลังค่อม
ทำให้พระอรหันต์ไม่สามารถที่จะทรงอยู่ในร่างของปุถุชนได้ เพราะว่าจะสร้างกรรมใหญ่ให้เป็นที่เดือดร้อนของผู้อื่น ส่วนใหญ่จึงโดนตัดให้ตายลงไป ถ้าตามตำรา ท่านว่าจะต้องเสียชีวิตภายใน ๗ วัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2024 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-01-2024, 22:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,887 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่า จากประสบการณ์ของท่านเองนั้น ถ้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในเวลากลางวัน ก็จะไม่ได้เห็นตะวันตกดิน ถ้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในเวลากลางคืน ก็จะไม่ได้เห็นตะวันขึ้น จะต้องมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งให้เสียชีวิตลงไป โดยที่ผู้อื่นไม่ได้รับทุกข์รับโทษจากการเสียชีวิตของท่าน

แม้กระทั่งพระอนาคามีบางท่าน ถ้าอยู่ในสถานะล่อแหลม อาจจะก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ผู้อื่นมาก ก็โดนตัดให้ตายได้เช่นกัน แต่ถ้าเราดูอย่างท่านเจ้ามหานามศากยะ ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ เป็นพระอนาคามี ท่านอยู่ในฐานะอันสูงอยู่แล้ว สามารถที่จะดำรงอยู่ได้เป็นเรื่องปกติ เพราะก็คงไม่มีใครที่จะหาเรื่องไปด่าพระมหากษัตริย์ เหมือนไอ้พวก "สามกีบ" สมัยนี้ ขออภัย..ไปไกลเกิน..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ขอให้มั่นใจว่าน่าจะเป็นเรื่องการหลอกลวงกัน โดยอาศัยชื่อหลวงปู่เสนท่านนำหน้าเพื่อขอรับบริจาคเงิน บุคคลที่เห็นดีเห็นงามทำบุญไปแล้ว ก็นึกเสียว่าเราทำบุญบวชพระไปก็แล้วกัน ส่วนท่านใดที่ยังไม่ได้ทำก็ขอให้ทราบว่า
เราไม่สามารถที่จะไปไถ่ใครออกจากคุกได้ ยกเว้นว่ารัฐบาล ก็คือทั้งรัฐสภาและวุฒิสภาออกเป็นพระราชบัญญัติ คือกฎหมายใหม่ขึ้นมา แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธย ก็สามารถที่จะไถ่ออกมาได้ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว..!

ประการต่อมาก็คือในเรื่องของคณะสงฆ์เรา เวลาเกิดเรื่องขึ้น มักจะหาคนออกมาชี้แจงได้ยาก ที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกกับพวกเราหลายหนว่า คณะสงฆ์ของเราขาดส่วนที่สำคัญที่สุด ก็คือส่วนประชาสัมพันธ์ คำว่าประชาสัมพันธ์นี้ นอกจากการงานคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง การศาสนศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การศึกษาสงเคราะห์ และการสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งคณะสงฆ์ทำกันอยู่อย่างมากมายมหาศาล แต่ว่าข่าวคราวแทบจะไม่มีออกมาถึงชาวบ้านเลย

อย่างปัจจุบันนี้ ฝ่ายการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ไทย ซึ่งมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานอยู่ กำลังช่วยบรรดาผู้ที่เดือดร้อนเพราะน้ำท่วมที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยกันทั้งวันทั้งคืน แต่เราแทบจะไม่เห็นข่าวปรากฏขึ้นให้ประชาชนทั่วไปได้รู้เลย นอกจากข่าวในกลุ่มไลน์ของพระสงฆ์ด้วยกันเท่านั้น

คราวนี้
ถ้าหากว่ามีส่วนประชาสัมพันธ์นี้ขึ้นมา เวลาเกิดเรื่องอะไร กระผม/อาตมภาพอยากให้มีการชี้แจงเรื่องที่ถูกและผิด ให้กับญาติโยมทั้งหลายได้ฟังอย่างชัดเจน จะได้เข้าใจและปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะเข้าใจผิด และทำผิด ๆ กันต่อไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2024 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-01-2024, 22:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,887 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าบุคคลที่แนะนำผิด ๆ เริ่มมีฐานะ เริ่มเป็นครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงขึ้นมา ก็จะมีการอ้างว่าครูบาอาจารย์ท่านนั้นทำแบบนี้ ครูบาอาจารย์ท่านนี้ทำแบบนี้ แล้วลูกศิษย์ลูกหาก็อาจจะแบ่งฝ่ายทะเลาะกันเองแบบภิกษุโกสัมพี ที่ฝ่ายวินัยธรและฝ่ายธรรมธรมีปากมีเสียงกัน จนกระทั่งภายหลังก็แตกร้าวไปหมด ถึงขนาดเทวดาก็พลอยเป็นไปด้วย จนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องหลีกไปอยู่ที่ป่าปาลิไลยกะ เพราะว่าตักเตือนแล้ว บรรดาสงฆ์ที่มืดหน้าตามัวทะเลาะกันอยู่ ไม่มีใครฟัง

ถ้าเรามีหน่วยงานประชาสัมพันธ์ ก็ควรจะมีบุคคลที่มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นบุคคลที่คอยชี้แจงเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์ของเรา ให้เป็นไปโดยชอบตามหลักธรรมวินัย เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างวันนี้ ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่าบรรดาโรงเรียนต่าง ๆ มาขอของขวัญวันเด็กจากวัดท่าขนุนกันมากมายหลายโรงเรียน ซึ่งในส่วนนี้กระผม/อาตมภาพไม่ได้รังเกียจ แต่อยู่ในลักษณะที่ว่า "มีมากก็ให้มากหน่อย มีน้อยก็ให้น้อยหน่อย" เพียงแต่เกรงว่าทางโรงเรียนคิดไปเองว่า ปีนี้ได้เท่านี้ ปีหน้าคาดว่าจะต้องได้เท่านี้อีก ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็หาเรื่องเครียดเอง..!

อีกเรื่องหนึ่งก็คือการศึกษาของพระภิกษุสามเณรของเรา เพราะว่าพระมหาเอกชัย สุทฺธิธมฺโม กลับมา แล้วตอนนี้ท่านไม่ได้เรียนบาลี แต่ว่าไปเรียนพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาครุศาสตร์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่จะเรียนอะไร ควรที่จะบอกกล่าวให้ชัดเจน ไม่ใช่แอบไปเรียนเป็นปี แล้วให้ข่าวมาถึงกระผม/อาตมภาพเอง ถ้าลักษณะอย่างนั้นถือว่าทำไม่ถูกต้อง

กระผม/อาตมภาพไม่เคยคัดค้านในเรื่องการศึกษาอยู่แล้ว ยกเว้นบางท่านที่เห็นว่าไม่ไหวจริง ๆ ก็จะบอกตรง ๆ ว่าไม่ส่ง เพราะว่าส่งไปก็เสียเงินเปล่า ไปกินงบประมาณที่จะส่งเสียคนอื่นเขาได้ด้วย อย่างเช่นว่าเรียนปริญญาตรีมา ๗๕ วิชา ได้ D ทุกวิชา แล้วจะไปเรียนปริญญาโท ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องเพราะว่าระดับปริญญาโท ทางมหาวิทยาลัยสงฆ์เขากำหนดไว้ว่า อย่างต่ำคุณต้องได้เกรด ๒.๕ ขึ้นไป ถ้าปริญญาเอกก็ต้องเกรด ๓ ขึ้นไป แล้วขณะเดียวกันเราต้องมีสำนึกด้วยว่า ภาษาอังกฤษของเราไปรอดหรือไม่ ?
เพราะว่าระดับปริญญาโท ปริญญาเอก นอกจากต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารแล้ว ยังต้องค้นคว้าตำราต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จะเรียนอะไรบอกกระผม/อาตมภาพก่อน อย่างน้อย ๆ จะได้รู้ว่าตอนนี้แต่ละท่านศึกษาอะไรกันอยู่บ้าง ? จะเรียนต่อบาลีหรือไม่เรียน จะเรียนต่อปริญญาหรือไม่เรียน ควรบอกให้ชัดเจน ไม่จำเป็นจะต้องไปหลบ ๆ ซ่อน ๆ กัน เพราะว่าอย่างไรเสียกระผม/อาตมภาพก็ไม่เคยคัดค้านอยู่แล้ว ดูท่าว่าเวลาจะไม่พอแล้ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกรฺที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2024 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว