กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-12-2023, 19:44
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 351
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,096 ครั้ง ใน 829 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-12-2023, 01:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,808 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ บางท่านก็อาจจะเห็นข่าวที่อาจจะสร้างความยุ่งยากให้กับวัดท่าขนุน ก็คือตัวประกันคนไทยที่หลุดจากมือฮามาสมา บอกว่าพกพระขุนแผนเกราะเพชรพิมพ์เล็ก กับสมเด็จองค์ปฐมนั่งบัวเสวยสุข เนื้อสเตนเลส มีติดตัวอยู่แค่ ๒ องค์เท่านั้น ของบางอย่าง โบราณเขาใช้คำพูดประมาณว่า "อยู่ใต้ฟ้าอย่างไรเสียก็ต้องเปียกฝน" ก็คืออยู่เฉย ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไร ฝนก็ตกลงมาให้เปียกได้เหมือนกัน

สมัยก่อนพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล ป.ธ.๕) วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคุณชั้นราชอยู่วัดป่าดาราภิรมย์ ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าอยากดัง ก็อย่าหวังความสงบ" เนื่องเพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้น คนที่ไม่เชื่อก็แล้วไป แต่ถ้าคนที่เชื่อ จะเห็นท่านเป็นผู้วิเศษ แล้วก็จะแห่กันมาหัวไม่วางหางไม่เว้น โดยเฉพาะจะต้องเอาวัตถุมงคลรุ่นนั้น แบบนั้น เท่านั้น

กระผม/อาตมภาพเคยโดนล้อมกุฏิมาแล้ว ตชด.มากันเป็นหมวดเลย..! เพราะว่าเพื่อน ตชด.ที่ชุมพร เจออาก้าเข้าไป ๔๐ กว่านัด ไม่เป็นอะไรเลย วัตถุมงคลรุ่นนั้นหมดไป ๑๐ กว่าปีแล้ว เขาจะเอารุ่นนั้นให้ได้ แล้วกระผม/อาตมภาพจะเอาที่ไหนให้ ? แต่ยังโชคดีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือเขาคิดว่าหลวงพ่อเล็กจะต้องแก่กว่านี้ คุยกันเสร็จ อาตมภาพก็เลยเดินหนีไปเลย ปล่อยให้พวกเขาล้อมกุฏิต่อไป..!

เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าตราบใดที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ก็จะมีมาเรื่อย ๆ แล้วคนจำนวนมากก็จะไม่ใส่ใจว่าท่านมีภาระหน้าที่อะไรบ้าง มาถึงต้องได้เจอเท่านั้น หลายรายถึงขนาดโทรมาต่อว่ายังไม่พอ โทรมาด่าอีกด้วย..! ว่าพบยาก เรื่องมาก ก็เลยสงสัยว่า
เขามาวัด มาเพื่ออะไร ? มาเพื่อสร้างบุญสร้างกุศล หรือว่ามาสร้างบาป ? ของบางอย่าง ถ้าหากว่าญาติโยมไม่มีจิตสำนึกเอง ต่อให้บ่นปากเปียกปากแฉะ หรือพูดจนปากฉีกถึงใบหู ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวของเขาหรอก เพราะว่าเขาต้องการอย่างนั้น

แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเตือนนักเตือนหนาว่า ถ่ายรูปครูบาอาจารย์ ให้ถ่ายรูปที่ท่านรู้ตัว และอยู่ในท่าที่เรียบร้อย ก็มีคนจำนวนมากจ้องถ่ายแต่เบื้องหลัง ประมาณว่าภูมิใจที่มีรูปต่างจากคนอื่นเขา แล้วบางรูปพอโพสต์ลงไปในโซเชียลเมื่อไร ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น เนื่องเพราะว่าคนดูก็จะไม่พินิจพิจารณา เขาเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-12-2023 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-12-2023, 01:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,808 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างล่าสุดที่ไปประเทศลาว ตากล้องประจำคณะถ่ายรูปสาวหนึ่งนาง ซึ่งนั่งอยู่ห่างจากที่กระผม/อาตมภาพยืนไม่หนี ๗ - ๘ เมตร แต่ดันเล็งตรงเป๊ะเลย กลายเป็นว่าผู้หญิงอยู่ในอ้อมอกของพระ..! นั่นก็คือสิ่งที่เราต้องระวังตัวเอง เพราะฉะนั้น..ช่วงที่ไปลาว บางทีญาติโยมก็คิดว่ากระผม/อาตมภาพทำอะไรเร็ว เขายังตั้งหลักไม่ทันเสร็จเลย ถ่ายรูปไปแล้ว ความจริงไม่ใช่ อาตมภาพดูท่าว่าไม่ดีก็เดินหนีจากจุดนั้นไปเลย เพราะว่าถ้าขืนให้ถ่ายรูปออกไป เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก..!

แม้แต่เตือนว่ารูปของครูบาอาจารย์ควรจะเป็นรูปที่ดูดีที่สุด แต่คราวนี้ คำว่าดูดีที่สุด มาตรฐานของคนก็ดันไม่เท่ากันอีก..! ก็คือเขารู้สึกว่ารูปแบบนั้นดีแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่า ครูบาอาจารย์บางท่านเสียหายเพราะการกระทำของลูกศิษย์ ที่บอกว่ารักและเคารพตนเอง ทำไปด้วยความไม่รอบคอบ ขาดสติ แต่คิดว่าดี แล้วพอเรื่องเสียหายขึ้นมา จะไปโวยกับใคร ก็ตัวเองทำเอง..!

สมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง พอมีข่าวคราวในด้านที่ไม่ดี ท่านก็เฉย ๆ ด้วยความที่ยังเป็นบุคคลที่กิเลสอยู่ กระผม/อาตมภาพก็เรียนถามท่านว่า "หลวงพ่อจะไม่แก้ข่าวนี้หรือครับ ?" ท่านบอกว่า "ถ้าคนไม่เชื่อ เราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปแก้ข่าว แต่ถ้าคนที่เชื่อไปแล้ว แก้ข่าวให้ตาย เขาก็เชื่อ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็เสียเวลาที่จะไปพูด"

ปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพก็ทำแบบเดียวกัน ถึงเวลามีอะไรขึ้นมาก็รอให้เขารู้เอง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พอรู้ความจริงแล้ว คำขอโทษแม้แต่นิดเดียวก็ไม่เคยได้รับ ตอนที่ด่าที่ว่าก็ใส่ซะเต็มที่ กลัวโลกจะไม่รู้..! แต่ตอนจะขอโทษ..อาย..กลัวคนอื่นรู้..! เป็นเรื่องที่เราต้องทำใจเอง ก็คือ เป็นธรรมดาของการเกิดมา ที่จะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้

ในเมื่อธรรมดาของโลกเป็นเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกที่มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้ ก็ไม่พึงมีกับเราอีก มีสถานที่เดียวซึ่งพ้นตายพ้นเกิด ก็คือพระนิพพาน ก็เปลี่ยนเป็นเอากำลังใจไปเกาะพระนิพพานแทน ไม่ต้องไปยุ่งกับอะไรทางโลก ๆ กันต่อไป

เรื่องที่บอกที่กล่าวพวกเรา ก็เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่ได้คิดเผื่อคนอื่น สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราทำ เราใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางทั้งหมด ไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็คือไม่เคยคิดว่าคนอื่นต้องการแบบใด เข้ามาถึง กูก็ดึงพัดลม เปิดก่อนแล้ว ไอ้คนข้าง ๆ หนาวแทบตาย ไม่เคยถามสักคำว่าเขาหนาวหรือเปล่า..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-12-2023 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-12-2023, 01:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,808 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสิ่งที่ยกตัวอย่างเพื่อให้เรารู้ว่า ปกติของปุถุชนธรรมดา ก็คือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสิ่งรอบข้างทั้งหมด ถ้าเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ก็รู้สึกว่ามีความสุข พอกระทบกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ ก็รู้สึกว่ามีความทุกข์ สภาพจิตก็เลยเหมือนกับเส้นกราฟหัวใจ เด้งขึ้นบ้าง เด้งลงบ้าง หาความสงบราบเรียบได้ยาก จนกลายเป็นเครียด บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้า บางคนคิดไม่รู้จักแล้วไม่รู้จักเลิก คิดจนหน้าเหี่ยว แก่เร็วอีกต่างหาก..!

คราวนี้การที่เราจะเข้าถึงคำว่าธรรมดาได้ อันดับแรกเลยต้องมีศีล ไม่ว่าใครจะรักษาศีล ๕ หรือว่าศีล ๘ เป็นปกติ ถ้าเป็นสามเณรก็ศีล ๑๐ เป็นพระก็ศีล ๒๒๗ ต้องพยายามรักษาทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ การที่เราระมัดระวังสิกขาบทของตนเองไม่ให้บกพร่อง สมาธิย่อมเกิดได้ง่าย เพราะใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับการกระทำของตนเอง

ถ้าสมาธิทรงตัวได้ระดับ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น เนื่องเพราะว่าสภาพจิตของเราเมื่อสงบระงับ ก็เหมือนกับน้ำนิ่ง น้ำที่กระเพื่อมอยู่ เราจะมองอะไรเห็นไม่ถนัด แต่พอน้ำนิ่ง ก็จะสะท้อนสิ่งต่าง ๆ รอบข้างลงไปเหมือนกับของจริงทุกประการ เราก็จะมีปัญญาแยกแยะว่าต้นเหตุเกิดมาจากอะไร แล้วแก้ไขตรงนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย

ในเมื่อปัญญาเกิดขึ้น ก็จะไประมัดระวังศีล ยิ่งระมัดระวังศีล สมาธิยิ่งทรงตัว สมาธิยิ่งทรงตัว ปัญญายิ่งเกิด ลักษณะเหมือนกับเราไขน็อต ยิ่งไขก็ยิ่งสั้นไปทุกที ๆ จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ไขจนสุดน็อตตัวนั้นไปเลย

ดังนั้น..
ในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา จึงต้องเป็นหลักในการปฏิบัติของเรา ส่วนใหญ่แล้วพวกเราหลักลอย บางคนทำอยู่เต็ม ๆ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร ?! บางคนเรียกไม่ถูกเสียด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากว่าเรียกไม่ถูกแล้วทำถูก ก็ยังพอให้อภัยได้

ดังนั้น..การที่เราจะมีสติ สมาธิ ปัญญา เพียงพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ทางโลก หรือว่าแก้ไขปัญหาทางธรรม จึงเป็นเรื่องของการที่ต้องขยันหมั่นเพียร ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ รักษาอารมณ์ไว้ให้ได้กับเราให้นานที่สุด ความก้าวหน้าถึงจะมีขึ้นตามลำดับไป


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-12-2023 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว