กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-10-2023, 18:04
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,896 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-10-2023, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,872 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ หลังทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอสัตตาหะกรณียะในท่ามกลางสงฆ์ เพื่อไปทำภารกิจของตน ตลอดจนกระทั่งไปหาหมอตามที่ได้นัดเอาไว้

ระหว่างที่เดินทางผ่านเขตอำเภอไทรโยค ก็ได้แวะเข้าที่โรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม เพื่อนำปัจจัยจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาทมอบให้กับพระมหาชูศักดิ์ กิจฺจกาโร ป.ธ.๘ เจ้าอาวาสวัดไตรรัตนาราม เจ้าคณะตำบลศรีมงคล ในฐานะผู้ถือใบอนุญาตโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม เพื่อให้ท่านสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม

เงินจำนวนนี้ ก็คือเงินที่ญาติโยมทั้งหลายร่วมกันทำบุญมาในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั่นเอง โดยที่กระผม/อาตมภาพแบ่งการจ่ายเป็น ๓ งวด ก็อยู่ในลักษณะ ๒ - ๑ - ๓ คือจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาทในงวดที่หนึ่ง ๑๐๐,๐๐๐ บาทในงวดที่สอง และกลางเดือนธันวาคมนี้ จะจ่ายงวดสุดท้ายจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท หลังจากนั้นก็จะไปทำการฉลองในวันเด็กของปี ๒๕๖๗ จากนั้นก็ได้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง

ในระหว่างนั้น มีลูกศิษย์ส่งคลิปที่มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งดำน้ำลงไปจารตะกรุดใต้น้ำ กระผม/อาตมภาพดูแล้ว ก็เห็นว่าน่าจะเป็นคนละตำรากับที่ตนเองได้ศึกษามา

การจารตะกรุดใต้น้ำ หรือว่าตะกรุดคงคาวดีนั้น กระผม/อาตมภาพศึกษามาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ผ่านทางพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลไชยสิทธิ์ (หลวงปู่สำราญ กาญจนาโภ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่ารูปถัดมา ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านสอนเอาไว้นั้น การจารตะกรุด ถ้าจะให้เกิดอานุภาพสูงสุด ให้จารในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เวลาเที่ยงคืน โดยวิธีการดำน้ำลงไปจารตะกรุดนั้นมี ๒ วิธี แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม ไม่ได้ง่ายเลย

วิธีแรกก็คือการที่เราอาศัยอากาสกสิณ (อา-กา-สะ-กะ-สิน) หรือที่หลายคนอ่านว่า อา-กาด-กะ-สิน ระเบิดน้ำเป็นช่องว่างลงไป แล้วนั่งจารตะกรุดจนกว่าจะครบตามจำนวนที่ต้องการ ลักษณะอย่างนั้น ท่านสามารถหายใจได้อย่างสะดวก เนื่องเพราะว่าอยู่ภายในช่องว่างใต้น้ำนั่นเอง ซึ่งวิชาที่ไกรทองในวรรณคดีจุดเทียนระเบิดน้ำลงไป เพื่อตามล่าพญาชาละวัน ก็เป็นการอาศัยอากาสกสิณนี้เช่นเดียวกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-10-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,872 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกวิธีหนึ่งก็คือ การเข้าฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ แบบคล่องตัว ชนิดที่จะเข้าเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น แล้วลงไปจารตะกรุดนี้ที่ใต้น้ำ

การที่เราเข้าฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ นั้น ร่างกายจะทิ้งลมหายใจหยาบโดยอัตโนมัติ เหลือเพียงปราณละเอียดเท่านั้น ซึ่งปราณละเอียดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้การหายใจทางจมูก ผิวหนังทุกส่วนในร่างกายของเราสามารถใช้หายใจได้ แล้วขณะเดียวกัน สภาพร่างกายภายนอกนั้น ถ้าให้หมอตรวจก็คือตายไปแล้ว..! เนื่องเพราะว่าไม่สามารถที่จะจับชีพจรใด ๆ ได้เลย เหลือเพียงปราณละเอียด ที่มีลักษณะเหมือนอย่างกับใยแมงมุมเส้นใส ๆ บางนิดเดียว อยู่ระหว่างจมูกกับศูนย์กลางกาย หรือถ้าหากว่าทั่ว ๆ ไป ก็จะอยู่ระหว่างจมูกกับใต้สะดือลงไป ๓ นิ้ว ถ้าหากว่าปราณนี้ยังอยู่ ร่างกายนี้ก็อยู่ได้ ไม่ตาย ไม่เน่าเปื่อย อย่างเด็ดขาด

ถ้าหากว่าจะทำในลักษณะนี้ ต้องถึงขนาดสามารถบังคับร่างกายให้ทำงานได้ ก็คืออยู่ในลักษณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า "ฌานใช้งาน" ลักษณะนี้ก็แบบเดียวกัน คือเมื่อลงไปอยู่ใต้น้ำแล้ว ร่างกายก็อาศัยปราณละเอียด ซึ่งก็คืออากาศที่เข้ามาจากทุกส่วนของร่างกายในการหายใจ แล้วก็จารตะกรุดไปจนกว่าที่จะเสร็จเรียบร้อย

ส่วนวิธีที่พระอาจารย์หรือว่าหลวงพ่อท่านนั้นทำ เป็นการดำน้ำกลั้นหายใจลงไปจารตะกรุดแค่ชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้น แล้วก็โผล่ขึ้นมาหายใจ หลังจากนั้นก็กลั้นหายใจใหม่ ลงไปจารตะกรุดอีก ซึ่งตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะนั้น จารตะกรุดบนบก หรือว่าจารบนโต๊ะทำงานก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าแค่กลั้นลมหายใจเท่านั้น

การกลั้นลมหายใจนั้นเป็นอุปเท่ห์หรือวิธีการอย่างหนึ่งที่คนโบราณใช้สร้างสมาธิกัน เนื่องเพราะว่าทันทีที่เรากลั้นลมหายใจ สภาพจิตจะรู้ว่าตอนนี้เราไม่หายใจ อาจจะตายก็ได้ จิตก็จะนิ่งสงบลงชั่วคราว ทำให้มีพลังขึ้นมา ก็สามารถที่จะว่าพระคาถา หรือว่ากระทำวัตถุมงคลต่าง ๆ บางส่วนให้เข้มขลังขึ้นมาได้ เพียงแต่ว่าการกลั้นลมหายใจนั้น ถ้าหากว่าเป็นท่านที่มีความชำนาญจริง ๆ ก็จะไม่ใช่การกลั้นลมหายใจแล้ว อย่างเช่นว่าต้องกลั้นลมหายใจเพื่อว่าพระคาถาให้ครบ ๑๐๘ จบ ในชั่วอึดใจเดียว ถ้าลักษณะนั้น แปลว่าท่านทรงฌานได้แล้ว ไม่ใช่การกลั้นลมหายใจตามปกติ

คราวนี้การกลั้นลมหายใจเพื่อให้เกิดสมาธินั้น เป็นสิ่งที่ใช้ในเวลาฉุกเฉิน ไม่สมควรที่จะทำบ่อย ๆ เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าเราเคยชินแล้ว เมื่อถึงเวลาจะภาวนา ก็จะไปกลั้นลมหายใจอัตโนมัติ เป็นการทำให้ตนเองไม่สามารถที่จะใช้อานาปานสติ ก็คือลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งสมาธิทรงตัวเป็นฌานสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ก็คือคิดจะทำสมาธิเมื่อไร ก็ไปกลั้นลมหายใจอัตโนมัติ อย่างเก่งก็ได้แค่อารมณ์อุปจารฌาน คือใกล้จะเป็นปฐมฌานละเอียด ไม่ก็ได้แค่อุปจารสมาธิเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-10-2023, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,872 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จึงเป็นเรื่องของผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงกำลังใจอย่างแท้จริง ไม่ควรที่จะไปทำ หรือว่าถ้าใครทำก็ต้องพยายามเลิก แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ฝึกหัดจนกระทั่งเราเกิดอารมณ์สมาธิทรงตัวขึ้นมาโดยอานาปานสติกรรมฐาน ไม่ใช่ได้แค่อุปจารสมาธิ หรือว่าอุปจารฌาน ดังนั้น..ท่านที่เคยทำเอาไว้แล้ว ส่วนใหญ่มักจะเสียผลไปเลย เพราะว่าเคยชินกับการกลั้นลมหายใจ ถึงเวลาก็ไปกลั้นอีก

ใครที่จะฝึกวิชาจารตะกรุดคงคาวดี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซักซ้อมฌานสมาบัติของตน อย่างน้อยต้องได้ถึงระดับปฐมฌานละเอียด ไม่เช่นนั้นแล้วท่านไม่สามารถที่จะอยู่ใต้น้ำจนจารตะกรุดสำเร็จได้ ถ้าหากว่าทรงฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ คล่องตัวได้ จะยิ่งดีมาก เนื่องเพราะว่าท่านสามารถที่จะอยู่ได้นานเท่าไรก็ได้ อย่างหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า บางทีท่านก็เดินเล่นใต้น้ำ หรือว่าเดินจากท่าน้ำฝั่งวัด ไปขึ้นที่แม่น้ำอีกฝั่งหนึ่ง เป็นต้น

จึงเป็นเรื่องที่ผู้หวังความเจริญในการปฏิบัติธรรม ควรที่จะเพียรพยายามศึกษา เนื่องเพราะว่าถ้าให้ปฏิบัติโดยตรงแล้ว บางคนก็รู้สึกว่าจืดชืด แห้งแล้ง ไม่มีอารมณ์ที่จะปฏิบัติ แต่ถ้าหากว่ามีการปลุกเสกเลขยันต์ พร้อมด้วยพระคาถา หลายท่านกำลังใจชื่นชอบทางด้านนี้ ก็สามารถทำได้ จนทรงอัปปนาสมาธิระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป

ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ก็จะปรับให้ท่านทั้งหลายกลับมาอาศัยกำลังสมาธิสมาบัตินั้น ในการพิจารณาวิปัสสนาญาณต่าง ๆ ให้เห็นว่าสภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ก็ตาม เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้

ถ้ายึดถือเมื่อไร ก็จะเกิดความทุกข์ทันที เมื่อเห็นชัดเจนแล้ว สภาพจิตก็จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจากการยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของเราออกมา ถอนได้มาก ก็เป็นพระอริยเจ้าระดับสูงมาก ถอนได้น้อย ก็เป็นพระอริยเจ้าระดับสูงน้อย


ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายตนเอง ก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายคนอื่น ไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายสัตว์อื่น ไม่ยึดมั่นถือมั่นในวัตถุธาตุต่าง ๆ พร้อมที่จะสละไปได้ตลอดเวลา อารมณ์ใจก็จะอยู่ตรงจุดที่ว่า รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ แต่ว่าไม่เกาะทั้งความดีและความชั่ว ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะนำกำลังใจของตน หลุดพ้นจากวัฏสงสาร เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-10-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,872 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสิ่งที่ครูบาอาจารย์ ซึ่งสอนพวกเราให้ปลุกเสกเลขยันต์ แล้วท่านทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ไปตำหนิว่าเป็นไสยศาสตร์ ทำให้งมงาย ยึดติด แต่หารู้ไม่ว่าครูบาอาจารย์ท่านชาญฉลาดยิ่งนัก สามารถสอนลูกศิษย์ที่ไม่มีอารมณ์ใจอยากจะภาวนาตามสายวิสุทธิมรรค ให้หลุดพ้นจากกองกิเลสเข้าสู่พระนิพพานไปแล้วมากต่อมากด้วยกัน

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าสนใจในเรื่องพวกนี้ ต้องพยายามเลี้ยวกลับมาในช่วงสุดท้าย ไม่อย่างนั้นแล้วอย่างดีท่านก็ได้แค่เกิดเป็นพรหม หรือไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าพลาด ยังมีโอกาสลงสู่อบายภูมิได้..! จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเลี้ยวกลับในจุดสุดท้าย หันมาพิจารณาวิปัสสนาญาณอย่างจริง ๆ จัง ๆ ท่านถึงจะสามารถเอาตัวรอดจากวัฏสงสารนี้ได้ แม้ว่าไม่สามารถรอดได้อย่างเด็ดขาด ก็ให้การเกิดของท่านให้เหลือน้อยที่สุด อย่างแย่ ๆ เหลือแค่ ๗ ชาติก็ยังดี

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว