กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-09-2023, 17:48
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 354
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,242 ครั้ง ใน 833 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-09-2023, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,155
ได้รับอนุโมทนา 4,420,046 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดราษฎร์ประคองธรรมตั้งแต่เช้า เพื่อไปร่วมงานฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี หลวงพ่อตี๋ (พระครูกิตติวิริยาภรณ์) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประคองธรรม เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ และร่วมงานฉลอง ๓๑๐ ปี วัดราษฎร์ประคองธรรม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

สำหรับหลวงพ่อตี๋นั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ที่กระผม/อาตมภาพสอนตอนท่านเรียนปริญญาโทอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็คือเรียนในขณะที่ยังเป็นหน่วยวิทยบริการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ทุกคนตลอดจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพก็เข้าใจว่าหลวงพ่อตี๋นั้นอายุกาลพรรษามากกว่ากระผมทั้งสิ้น

วันนี้เพิ่งจะความลับแตกว่า ท่านเพิ่งจะอายุ ๖๐ ปี และพรรษาการบวชก็น้อยกว่ากระผม/อาตมภาพถึง ๗ พรรษา เจอหน้าถึงได้หัวเราะใส่กัน หลวงพ่อตี๋ออกปากว่า "นี่คิดว่าผมแก่กว่าละสิ..!" ก็แน่นอนละครับพระเดชพระคุณ ใครจะไปนึกว่า "ไป" แต่ใบหน้า อายุและพรรษาตามหน้าไม่ทัน..!

งานวันนี้เป็นงานหลวง เนื่องเพราะว่าได้รับผ้าไตรพระราชทาน พวกเราจึงต้องเอาตาลปัตรพัดยศของแต่ละคนติดรถไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว พระราชาคณะและพระครูสัญญาบัตร ตลอดจนกระทั่งพระมหาเปรียญและพระฐานานุกรมที่ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ในงานนี้นั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นกรรมการ หรืออนุกรรมการในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ นั่นเอง ก็แปลว่าหลวงพ่อตี๋นั้นนิมนต์แต่พรรคพวกตัวเองล้วน ๆ..!

เมื่อเสร็จพิธี ซึ่งทุกขั้นตอนต้องบอกว่าเรียบร้อยมาก ยกเว้นอยู่ขั้นตอนเดียว ก็คือเจ้าหน้าที่จากกองพิธีฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี มัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูงานในโทรศัพท์ พอพระท่านเจริญพระพุทธมนต์ ลงท้ายด้วย ภวตุ สัพฯ จึงต้องม้วนสายสิญจน์เก็บเอง ว่ากันไปตั้งครึ่งต้องค่อนแล้ว เจ้าหน้าที่เพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมาดู แล้วก็วิ่งตาลีตาเหลือกมารับสายสิญจน์จากมือของพระเถระ จัดการม้วนเก็บให้ ซึ่งเรื่องนี้
กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะว่าบางทีงานสำคัญของเขาก็เข้ามาในจังหวะเวลานั้นพอดี

เมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางต่อไปยังวัดชลประทานรังสฤษดิ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อที่จะตรวจประเมินชุมชนบางตลาดพัฒนา ยกขึ้นเป็นชุมชนหมู่บ้านรักษาศีล ๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2023 เมื่อ 01:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-09-2023, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,155
ได้รับอนุโมทนา 4,420,046 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อไปถึง พระเดชพระคุณพระราชวัชรธรรมภาณี, ดร. (สง่า สุภโร ป.ธ. ๓) เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง หรือท่านเจ้าคุณอาจารย์สง่า ได้นำพาพวกเราเดินดูการบริหารจัดการวัด ซึ่งท่านทำได้เรียบร้อย ร่มรื่น น่าอยู่มาก อาคารทุกอย่างดูเรียบร้อยแข็งแรง และโดยเฉพาะ สะอาด สว่าง สงบ

ท่านเจ้าคุณอาจารย์สง่านั้น ตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดปัญญานันทาราม ยังมีสมณศักดิ์ที่พระครูสีลวัฒนาภิรม ท่านก็เป็นอาจารย์สอนเทศน์ให้กระผม/อาตมภาพมาแล้ว ภายหลังเมื่อสิ้นหลวงพ่อปัญญานันทะแล้ว ท่านก็ได้รับการโยกย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง แล้วก็เจริญด้วยสมณศักดิ์ขึ้นมาตามลำดับ จนเป็นเจ้าคุณชั้นราชเมื่อไม่นานนี้เอง

ในเรื่องฝีมือการบริหารจัดการ ตลอดจนการเทศน์การสอนประชาชนนั้น ถือว่าอยู่ในระดับสุดยอดผู้หนึ่งของประเทศไทย เนื่องเพราะว่าได้รับกลเม็ดเด็ดพรายต่าง ๆ จากพระเดชพระคุณพระพรหมมังคลาจารย์ หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่าหลวงพ่อปัญญานันทะ ดังนั้น..งานที่ท่านทำไม่ใช่งานระดับชุมชนรักษาศีล ๕ หากแต่เป็นงานศีล ๕ รักษาโลก ก็คือโลกทั้งใบ ถ้าหากว่าทุกคนมีศีล ๕ ก็แปลว่าโลกเราจะมีแต่ความสงบร่มเย็น

โดยเฉพาะในส่วนของเด็กน้อย คือเด็กหญิงฌาโป ซึ่งญาติโยมทั้งหลายตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรต้องไปหาข้อมูลกันเอง ว่าชื่อจริงนามสกุลจริงคืออะไร น้องหนูมาบรรยายธรรมเกี่ยวกับศีล ๕ เป็นที่ประทับใจมาก พิธีกรยังไม่ทันจะบอกให้ปรบมือ ทั้งพระทั้งฆราวาสก็ปรบมือกันดังสนั่นลั่นอาคารปัญญานันทานุสรณ์ไปแล้ว..!

โดยเฉพาะทางด้านพยาบาล ซึ่งเป็นอิสลามิกชน ก็เข้ามาร่วมงานด้วย และชี้แจงแสดงเหตุเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับชุมชนชาวพุทธ ซึ่งมีศีล ๕ เป็นเครื่องอยู่ บอกว่าทุกอย่างไม่มีอะไรต่างกันกับศาสนาอิสลามเลย ยกเว้นศีลข้อแรก ก็คือทางศาสนาพุทธห้ามฆ่าสัตว์ แต่ทางศาสนาอิสลามอนุญาตให้ฆ่าสัตว์ได้ โดยเฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากทางด้านศาสนาของตนเท่านั้น ดังนั้น..การที่จะกินเนื้อสัตว์ ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่ได้รับการเชือดอย่างถูกต้องตามหลักอิสลาม แต่เราก็ประเภท
"หาจุดร่วม สงวนจุดต่าง" แล้วก็ทำงานร่วมกัน โดยที่ไม่มีอะไรมาขัดขวาง

การบรรยายวิธีการทำงานต่าง ๆ ทำให้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสิทธ์ (พระเทพปวรเมธี, รศ.ดร.) ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ไม่มีข้อสงสัยอะไรหลงเหลือแล้ว จึงกลายเป็นกล่าวสัมโมทนียกถาไปแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2023 เมื่อ 01:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-09-2023, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,155
ได้รับอนุโมทนา 4,420,046 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกระผม/อาตมภาพส่งใบประเมินแล้วก็ต้องรีบวิ่งกลับที่พัก แต่ก็ยังไม่รอด เจอฝนเข้าไปเต็ม ๆ โดยเฉพาะในส่วนของการที่กรำงานต่อเนื่องมาหลายวัน เมื่อกระทบไอฝนเข้า อาการน้ำมูกไหลก็เริ่มปรากฏอีกแล้ว หลังจากที่บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้เสร็จสิ้น ก็จะไปฉันยาและนอนพัก

ในส่วนที่อยากจะกล่าวเพิ่มเติมในวันนี้ก็คือ มีพระผู้เฒ่ารูปหนึ่ง ซึ่งลงไปนั่งอยู่ในบาตรสเตนเลสขนาดยักษ์ แล้วก็ฉันอาหารอยู่ในนั้น โดยที่กล่าวว่า "ฉันในบาตร" กระผม/อาตมภาพและเพื่อนพระสังฆาธิการทั้งหลายเห็นแล้วก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล..!"
นี่แหละคือการที่ขาดครูบาอาจารย์คอยอบรมให้ความรู้ แล้วตนเองก็ไม่ขวนขวายในการเรียนรู้เพิ่มเติมด้วย นอกจากตีความไปเรื่อยเปื่อยตามความเข้าใจของตนเอง

การฉันในบาตรนั้นก็คือการที่เราตักเอาอาหารทั้งคาวทั้งหวาน ทั้งข้าวทั้งกับ ในจำนวนที่กะแล้วว่าพอประมาณที่เราจะฉันอิ่ม ใส่รวมกันไว้ในบาตร เรียกง่าย ๆ ว่าฉันภาชนะเดียว ฉันอาสนะเดียว ก็คือส่วนใหญ่ผู้ที่ฉันในบาตรก็มักจะฉันมื้อเดียวไปด้วย แล้วโปรดอย่าได้คิดว่าอาหารแบบนั้นจะไม่อร่อย เมื่อคลุกเคล้าเข้าไปจนกระทั่งสีสันเละเทะดูไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องประหลาดมากว่า ตักเข้าปากแล้วกลับอร่อยผิดปกติ ไม่ทราบว่าเป็นที่กระผม/อาตมภาพรูปเดียวหรือเปล่า ?

สมัยที่ปฏิบัติเข้มงวดอยู่ในวัดท่าซุงนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้โอวาทว่า
"พวกคุณสามารถที่จะถือธุดงควัตรได้หลายข้อ โดยที่ไม่ต้องออกป่า อย่างเช่นว่าการถือผ้า ๓ ผืนเป็นวัตร การบิณฑบาตเป็นวัตร การบิณฑบาตไปตามลำดับบ้านเป็นวัตร การฉันมื้อเดียวเป็นวัตร เหล่านี้เป็นต้น" ซึ่งมีกระผม/อาตมภาพกับท่านอาจารย์สมปอง สุธมฺมสนฺตจิตฺโต อยู่ ๒ รูปที่ใช้ผ้า ๓ ผืนเป็นวัตรอยู่นานมาก แล้วในส่วนของการบิณฑบาตเป็นวัตร การบิณฑบาตไปตามลำดับบ้านเป็นวัตร และฉันอาหารมื้อเดียวเป็นวัตร กระผม/อาตมภาพก็ทำอยู่ตลอดจนถึงวันนี้ ยกเว้นการฉันอาหารมื้อเดียว

เนื่องเพราะว่าการฉันมื้อเดียวนั้น กระผม/อาตมภาพฉันมากกว่า ๒ มื้อหลายเท่า อาจจะเป็นเพราะว่าถึงเวลาหิวมากก็ฉันไปเรื่อย โดยที่ไม่ได้ระมัดระวัง กว่าที่ร่างกายจะรู้ว่าได้รับอาหารเข้าไปแล้ว อาหารที่ตักมาครึ่งค่อนบาตรเบอร์ ๘ ครึ่ง ก็หายลงไปอยู่ในท้องจนหมดแล้ว ถ้านับเป็นข้าวปลาอาหารตักมาในจานมาตรฐาน ก็น่าจะได้ ๖ - ๗ จานทีเดียว แต่ถ้าหากว่าฉัน ๒ มื้อ มื้อละจานเดียว รู้สึกว่าลดลงไปมากกว่า กระผม/อาตมภาพจึงเลิกในการฉันมื้อเดียวตั้งแต่ช่วงนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2023 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-09-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,155
ได้รับอนุโมทนา 4,420,046 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ว่าหลวงตารูปนี้ท่านไปเข้าใจว่าการฉันในบาตร ก็คือการลงไปนั่งฉันอยู่ภายในบาตร ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายวัดได้รับความนิยมตรงที่สร้างบาตรสเตนเลสขนาดใหญ่ เพื่อให้ญาติโยมได้ทำบุญใส่บาตร แต่คราวนี้หลวงตาท่านเห็นว่าบาตรใหญ่พอ จึงลงไปนั่งฉันอยู่ข้างใน เป็นเรื่องของบุคคลที่ขาดการศึกษา แล้วตั้งใจที่จะทำความดี แต่กลายเป็นทำผิดพลาดไป

ดังนั้น..แทนที่จะก่อให้เกิดศรัทธาขึ้นในหมู่พุทธศาสนิกชน ก็กลายเป็นคนเขาเห็นว่า บุคลากรของศาสนาพุทธนั้น ช่างเป็นบุคคลที่มาจากระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ขาดทั้งการศึกษา ขาดทั้งการอบรมจากครูบาอาจารย์ จึงมาทำอะไรที่ผิดที่พลาดให้ญาติโยมได้เห็นแล้วรู้สึกสมเพชเวทนา

แต่จะว่าไปแล้ว ก็เป็นภาระของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ หรือว่าเจ้าอาวาส ที่จะบอกจะกล่าวให้ทราบว่าสิ่งที่ถูกต้องแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร แต่ถ้าหากเจ้าอาวาสบอกว่า "กระผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์บวชให้แล้วก็ไม่ได้อยู่อบรมสั่งสอน ท่านกลับวัดของท่านไป กระผมก็อยู่กันมาด้วยความรู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ถ้าหากว่าอย่างนี้" พระพุทธศาสนาของเราก็เป็นที่น่าสงสารมาก..!

เนื่องเพราะว่าส่วนหนึ่งในปัจจุบันนี้ที่พระภิกษุสามเณรของเราไปทำผิดทำพลาด ก็เพราะว่าขาดการอบรมจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์อย่างหนึ่ง ขาดการศึกษาเพิ่มเติมความรู้ด้านนักธรรมบาลี หรือว่าศึกษาพระไตรปิฎกอีกอย่างหนึ่ง จึงควรที่จะเร่งรัดในเรื่องของการอบรมสั่งสอนจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนกระทั่งเรียนความรู้เพิ่มเติม เพื่อที่ถึงเวลาจะได้ไม่ทำผิดทำพลาดกันแบบนี้อีก

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2023 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว