กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-07-2023, 19:59
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 351
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,116 ครั้ง ใน 830 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-07-2023, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีข่าวที่น่าเสียใจของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ก็คือหลวงพ่อจอน (พระอธิการพรพจน์ กิตฺติวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดดงโคร่ง มรณภาพด้วยโรคมะเร็ง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นท่านไปผ่าตัดและให้คีโม บอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว

กระผม/อาตมภาพก็ย้ำแล้วย้ำอีกกับญาติโยมหลายครั้งว่า เรื่องของมะเร็ง ถ้าหากว่าพูดกันตามแบบของเรา ไม่ใช่แบบของหมอ ก็คือ "มะเร็งนั้นมีตัว" ก็แปลว่าก้อนมะเร็งนั้นเป็นรัง เหมือนกับรังมดหรือว่ารังผึ้ง ถึงเวลาเราไปทำลายรังมดหรือว่ารังผึ้ง มดหรือผึ้งนั้นก็จะแตกฮือออกไป ก็แปลว่าถ้าไม่ได้ทำด้วยความระมัดระวัง จนสามารถกำจัดเชื้อได้หมดจริง ๆ โอกาสตายมีสูงมาก..! เพราะว่าเมื่อเชื้อแตกฮือออกไปทั่วตัว ก็กลายเป็นว่ามีการแพร่ระบาดหนักยิ่งขึ้น

เรื่องพวกนี้พูดไปแล้วหมอสมัยใหม่มักจะไม่เชื่อ เนื่องเพราะว่าหมอสมัยใหม่ไม่มีความเข้าใจ แม้กระทั่งเรื่องปกติ อย่างเช่นธาตุภายในร่างกายของเรา การเจ็บไข้ได้ป่วยคือธาตุใดธาตุหนึ่งบกพร่อง หมอสมัยใหม่ไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้มา ก็จ่ายยาให้มาตามอาการ

ดังนั้น..หลายเรื่องที่ทางโบราณรักษาได้ แต่ว่าช้าหน่อย เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วยาสมุนไพรให้ผลในการออกฤทธิ์ทีละน้อย เพื่อที่จะรักษาสภาพร่างกายของผู้ป่วยเอาไว้ ไม่ให้กลายเป็นจ่ายยาแรง อยู่ในลักษณะของ "ช้างสารชนกันแล้วหญ้าแพรกแหลกกระจาย" ก็ต้องค่อย ๆ กินยา เพิ่มฤทธิ์ยาขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนฤทธิ์ยามากกว่าก็รักษาโรคนั้นหาย แต่ว่าคนยุคนี้ใจร้อน ใจเร็ว จึงรับเอายาฝรั่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีสารเคมีตกค้าง ก่อให้เกิดโรคภัยหรือว่าผลข้างเคียงได้ง่าย

ในเรื่องของโรคภัยพวกนี้คงไม่ต้องพูดถึง เนื่องเพราะว่าถ้าว่ากันตามตำราแพทย์จีน จะบอกว่า โรคภัยเข้าทางปาก ก็คือส่วนใหญ่เกิดจากเรากินดื่มเข้าไป ในเมื่อขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ รักษาสุขภาพไม่เป็น กลายเป็นกินล้น กินเกิน แต่ขาดสารอาหาร..! โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็ถามหาได้ง่าย โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ พวกโรคต่าง ๆ ที่ไม่มีการติดเชื้อ อย่างเช่นว่า โรคอ้วน ความดัน ไขมัน เหล่านี้เป็นต้น

วัดท่าขนุนของเรามีพระไปอบรมพระคิลานุปัฏฐากหลายรูปด้วยกัน มีอะไรพอที่จะถวายคำแนะนำ หรือว่าช่วยดูแลเพื่อนพระภิกษุของเราก็ช่วย ๆ กันหน่อย โดยเฉพาะพระชราอายุมากที่มีอยู่หลายราย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2023 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-07-2023, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างที่กระผม/อาตมภาพได้ถามไปตอนกำลังฉันเช้าอยู่ว่า "ได้ข่าวพระมรณภาพแล้วคิดถึงตัวเองบ้างหรือไม่ ?" เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะคิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว ทั้ง ๆ ที่ความตายอยู่ใกล้เราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายอีกเช่นกัน..!

ควรที่เราจะไม่ประมาท เร่งรัดกระทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อถึงเวลา เราจะได้ไปให้ไกลที่สุด ก็คือไปสู่สุคติภูมิให้สูงที่สุด ถ้าสามารถพ้นตายพ้นเกิดไปได้ก็ถือว่าดีที่สุด ถ้าไม่ได้ ก็ให้การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของเรา เหลือระยะสั้นที่สุด

คราวนี้ด้วยความประมาท ขาดสติ ขาดปัญญา เราทั้งหลายก็มักจะเห็นว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว "คนอื่นตาย ไม่ใช่เราตาย" พอถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ ขึ้นมาทีหนึ่งก็ได้สติทีหนึ่ง ตั้งหน้าตั้งตาเร่งเกาะความดีเป็นการใหญ่ อยากจะบอกว่าไม่น่าจะทัน อยู่ในลักษณะที่ภาษิตจีนเขาบอกว่า เกิดอันตรายขึ้นแล้วค่อยกอดบาทพระ พูดง่าย ๆ ก็คือความตายมาถึงแล้วค่อยนึกถึงความดี

แล้วที่สมควรด่ายิ่งกว่านั้นก็คือ พออาการเจ็บไข้ได้ป่วยดีขึ้นมาหน่อย ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ประมาท ขาดสติ ลืมไปแล้วว่าคราวที่ผ่านมาเราเกือบจะตาย แล้วทุกครั้งเราก็วนอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็คือครั้งนี้เป็น ได้สติขึ้นมา พอหายก็ลืม คราวหน้าเป็นใหม่ ค่อยนึกถึงใหม่ จะว่าไปแล้วถ้าใครอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ต้องบอกว่าสมควรตาย..! ประมาทจนเกินไป ไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร ?

พระพุทธเจ้าตรัสถามพระอานนท์ว่า "อานันทะ..ดูก่อน อานนท์ เธอระลึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง ?" พระอานนท์ทูลตอบว่า "ประมาณ ๗ ครั้งพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ ๗ ครั้งยังน้อยเกินไป ตถาคตระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก"

ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็นึกเหมือนกับพวกท่าน ว่าการนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออกนั้น "เว่อร์" เกินไป แต่พอทำไปถึงตรงจุดนั้นจริง ๆ แล้วถึงได้รู้ว่า สติ สมาธิ ปัญญา แค่หางอึ่งของเรา การระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ยังไม่ใช่ของยากเลย แล้วระดับพระพุทธเจ้าท่านทำไมถึงจะทำไม่ได้..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2023 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-07-2023, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าการระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ต้องประกอบไปด้วย สติ สมาธิ และปัญญา อย่างพร้อมเพรียงกัน ถ้าเป็นภาษาสายวัดป่า เขาเรียกว่า "มัคคสมังคี" ก็คือทุกอย่างต้องรวมกันพอดีอย่างพร้อมเพรียง ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะระลึกได้ตลอดรอดฝั่ง

ขาดสติไม่ต้องพูดถึง ขาดสติเมื่อไร ทุกอย่างก็พังหมด ดีไม่ดีก็เผลอไปทำความชั่วหนักเข้าไปอีก ขาดสมาธินี่เป็นตัวหลักเลย เพราะสมาธิช่วยให้สติมั่นคง ช่วยให้ปัญญาแหลมคม แต่ถ้าหากว่าขาดปัญญา ก็ไม่คิดที่จะระลึกถึง เพราะว่าประมาท ไม่ได้คิดว่าเราจะตายลงไปในเวลานี้

เรื่องของมรณานุสติ พระพุทธเจ้าจึงจัดให้สำหรับบุคคลที่เป็นพุทธิจริต มีความฉลาดเป็นเจ้าเรือน เพราะว่าถ้าเป็นบุคคลทั่ว ๆ ไปก็ไม่สามารถที่จะระลึกได้ บุคคลที่เป็นพุทธิจริตนั้น เหมาะกับกรรมฐานประเภทมรณานุสติ กายคตานุสติ เหล่านี้เป็นต้น เพราะว่าต้องใช้ปัญญาประกอบไปด้วย อนุสติระดับอื่น ๆ มีสมาธิแค่เบื้องต้น ก็เพียงพอใช้งานแล้ว

แต่ถ้าสำหรับพุทธิจริต กรรมฐานเหล่านี้เป็นของยาก อย่างเช่นว่า มรณานุสติ กายคตานุสติ หรือว่าพรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกูลสัญญา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องใช้ปัญญาประกอบอย่างมาก พรหมวิหาร ๔ เราต้องเห็นว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นคุณเป็นประโยชน์อย่างไร ต้องใช้ปัญญาอย่างสูง อาหาเรปฏิกูลสัญญา ต้องมองไปถึงต้นกำเนิดว่าอาหารทุกอย่างมีพื้นฐานมาจากความสกปรก แล้วเกิดความรังเกียจ กินเพื่ออยู่เท่านั้น

ดังนั้น..ในเรื่องของการระลึกถึงความตาย แม้แต่พระอานนท์ที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ระลึกประมาณวันละ ๗ ครั้ง พระพุทธเจ้ายังตรัสว่าน้อยเกินไป แล้วพวกเราได้ถามตัวเองหรือไม่ว่า ได้นึกถึงกี่ครั้งต่อวัน ? ไม่ใช่ได้ข่าวใครตายมาก็สักแต่ว่ารับรู้ ยังไม่ถึงตัวกูก็แล้วไป ถ้าลักษณะอย่างนั้น ท่านทั้งหลายก็ดำเนินชีวิตแบบประมาทจนเกินไป ประมาณว่าเป็นบุคคลผู้เมามัว เมาในวัย เมาในความไม่มีโรค แล้วท้ายที่สุดก็เมาชีวิต ไม่เคยระลึกว่าตนเองจะต้องตาย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2023 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-07-2023, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความประมาท ถ้าไม่ใช่บุญเก่าดีจริง ๆ โอกาสรอดจากอบายภูมินั้นยากมาก ขนาดบุคคลที่บุญเก่าดีจริง ๆ ยังลงไปนับไม่ถ้วนแล้ว เพราะว่าถึงเวลาก็มีอกุศลกรรมอื่นมาตัดรอน

ดังนั้น..การที่เราได้ข่าวว่าหลวงพ่อจอนมรณภาพ ต้องคิดว่าตัวเราก็จะต้องเป็นเช่นนั้น

สัพเพ สัตตา มะรันติ จะ มะริงสุ จะ มะริสสะเร สัตว์ทั้งหลายมีความตายเป็นเบื้องหน้า จักต้องถึงความตายเป็นแน่แท้ ตะเถวาหัง มะริสสามิ นัตถิ เม เอตถะ สังสะโย แม้กระทั่งตัวเราก็เช่นกัน ไม่อาจที่จะล่วงพ้นความตายไปได้

ระลึกได้แล้วก็ไม่ใช่นึกถึงเฉย ๆ แต่เร่งปฏิบัติเพื่อสั่งสมความดี หนีความชั่ว ตั้งหน้าตั้งตาเอามรรคเอาผลกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ใช่ว่าทำด้วยความประมาท ถ้าลักษณะอย่างนั้น ตายแล้วลงอบายภูมิ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เราทำตัวเองแท้ ๆ เลย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว