กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-03-2023, 19:50
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,557 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-03-2023, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,641 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ของพวกเราที่มีนาคเพิ่มเข้ามานั้น ความจริงเขาจะบวชกันเอง แต่กระผม/อาตมภาพเป็นคนไม่ค่อยมีเวลา แม้แต่การนั่งพระอุปัชฌาย์ที่เขาถือว่าเป็น "ช่องทางทำเงิน" ก็ไม่เคยรับกับใครเหมือนกัน เพราะว่าส่วนใหญ่ก็บวชให้ฟรี ก็เลยขอให้ไปบวชพร้อมกันในวันที่ ๖ มีนาคมนี้ทีเดียว

ดังนั้น..การอุปสมบทหมู่เพื่อปฏิบัติธรรมช่วงสัปดาห์วันมาฆบูชาของพวกเรา มีนาครวมกับสามเณรแล้ว ๑๒ รูป แบ่งได้ ๔ ชุดพอดี แต่คราวนี้นาคเมื่อจับคู่เข้าไปแล้ว ต้องซักซ้อมในระหว่างชุดของตนเองให้คล่องเข้าไว้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพอถึงเวลารวมกันทีเดียว ๑๐ กว่าราย เรามักจะว่าได้คล่อง แต่พอเหลือ ๓ คน ใครสะดุดสักคนหนึ่ง อีก ๒ คนก็มักจะร่วงไปด้วย..!

แบบเดียวกับการสวดมนต์ทำวัตรของพวกเรา ที่กระผม/อาตมภาพเคยเน้นว่าให้ทุกคนว่าจนได้คล่องตัวด้วยตนเอง เพราะว่าถ้าคนอื่นสวดผิด เราจะไม่ล่มตามเขาไปด้วย แต่ถ้าไม่สามารถว่าให้คล่องได้ด้วยตนเอง ถึงเวลาคนอื่นสวดผิด เราที่ไม่มีความมั่นใจก็จะล่มตามเขาไปด้วย อย่าคิดว่าเรื่องของการสวดมนต์ล่มจะมีแค่ระดับพวกเรา ขนาดวัดใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ ก็ยังล่มมาแล้ว

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทุกคนขาดสติในระหว่างที่สวดมนต์ เมื่อว่าคล่องปากตามกันไปก็พอไปได้ แต่พอมีใครสะดุดหรือว่าผิดแม้แต่คนเดียว ที่เหลือก็พลอยร่วงกันหมด..!

นาคของพวกเราเมื่อรวมเข้าชุดละ ๓ รูปแล้ว ก็ให้ซักซ้อมระหว่างชุดให้คล่อง แล้วก็อย่าลืมซ้อมรวมทั้ง ๑๒ รูปด้วย เพราะว่ามีบางขั้นตอนที่เราต้องว่าพร้อมกัน ยกเว้นสามเณรที่จะไปเริ่มในการ "ขอนิสัย" เลยเพราะว่าเป็นสามเณรแล้ว ก็ถือว่าเบาแรงไปเยอะ

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-03-2023, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,641 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ก่อนที่จะถึงเวลาบวช นาคทั้งหลายก็จะต้องตามพระออกบิณฑบาต อันดับแรกเลยก็คือ เดินเท้าเปล่าให้เคยชิน อันดับที่สอง พูดแบบไม่น่าฟัง ก็คือให้รู้ว่าทำมาหากินทางไหนบ้าง อันดับที่สามก็คือ ดูความคล่องตัวในการทำงานของพวกเรา สิ่งที่ทุกคนทำจะอยู่ในสายตาของครูบาอาจารย์ ตลอดจนกระทั่งพระรุ่นพี่ อย่างวันนี้ที่พวกเราไปเดินบิณฑบาตกับพระ ต่อให้โง่ขนาดไหนก็ต้องมองเห็นว่าพระเดินเป็นแถวเดียวกัน แต่ว่านาคเดินกระจัดกระจายไปหมด แค่เดินเข้าแถวตามกันนั้นลำบากมากใช่ไหม ?

แล้วการเก็บกับข้าวที่ญาติโยมเขาใส่บาตร ให้รู้จักใช้ไหวพริบของตนเองด้วยว่าเก็บอย่างไรที่จะไม่ขวางการใส่บาตรของคนอื่น หรือว่าถ้าหากว่าพระท่านเดินต่อแล้วเราจะเก็บได้สะดวก ไม่ใช่ถึงเวลาก็เอื้อมผ่านหน้าโยมที่กำลังใส่บาตรอยู่ ทำให้เขาใส่บาตรไม่ได้ แล้วจากการที่พวกเราส่วนใหญ่ลงไปเดินบนพื้นผิวจราจร คือบนถนน มั่นใจได้เลยว่าไม่เคยขับรถยนต์กัน เพราะว่าถ้าคนที่เคยขับรถยนต์ จะรู้ว่าที่เราลงไปเดินนั้นสร้างความลำบากให้กับคนขับขนาดไหน ?!

ถนนในอำเภอทองผาภูมิเป็นถนนที่ทั้งแคบและเล็ก เพราะว่ามาทีหลังบ้านเรือน ไม่สามารถที่จะขยายได้อีกแล้ว เมื่อคนขับรถขับมาแล้วเราเดินอยู่ ในสายตาของเราก็คือห่างจากรถตั้งเยอะ แต่คนขับรถเขาจะมีมุมอับที่มองไม่เห็น ทำให้รู้สึกเหมือนอย่างกับว่าขับติดกับตัวเราหรือว่าอาจจะชนเราเข้า กลายเป็นว่าพวกเราไปเดินเกะกะเต็มถนนไปหมด ทำให้คนอื่นเขาขับรถลำบาก
บาทวิถีเขาก็มีให้ ถ้าหากว่าเดินตามกันไปก็จบแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2023 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-03-2023, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,641 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอถึงเวลาก็คอยดูไว้ ถ้ามีญาติโยมจะใส่บาตร คนหน้าสุดที่ต้องทำหน้าที่รับก็ตรงเข้าไปได้เลย ที่เหลือก็เดินแถวไปตามปกติ พอคนหน้าสุดรับเสร็จก็ไปต่อท้าย คนที่สองก็ขึ้นมารอจังหวะกันใหม่ ก็จะดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ไม่ใช่เหมือนทหารแตกทัพอย่างเมื่อเช้านี้..!

การที่เรามาบวช เพื่อที่จะขัดเกลา กาย วาจา และใจ ของเราให้ดีกว่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นเรื่องที่เราต้องฝึกหัดทั้งนั้น ไม่ใช่อยากสบายทำอะไรตามใจตัวเอง ถ้าหากว่าอยากทำอะไรตามใจตัวเองก็กลับบ้านไป..ไม่ต้องมาบวช..!

เรื่องง่าย ๆ ที่ดูเหมือนกับ "หญ้าปากคอก" แต่กลายเป็นเรื่องยากของพวกเรา เพราะว่าสองสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือขาดปฏิภาณไหวพริบอย่างแรง ไม่รู้ว่าควรที่จะทำตัวอย่างไร ประการที่สองก็คือ ทำอะไรตามสบายด้วยความเคยชิน ซึ่งความเคยชิน ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรมก็คือ "ทรงฌานสมาบัติ" แต่ความเคยชินของชาวบ้านคือ "สันดานเสีย" ทำอะไรตามใจตนเองอยู่ตลอดเวลา พอมาโดนตีกรอบเข้าก็อกจะแตกตาย..!

นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะลำบากใจในขณะที่บวช บวชเข้ามาแล้วจะลำบากใจมากกว่านี้อีก เพราะว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราเคยทำได้ตอนเป็นฆราวาส จะโดนตีกรอบด้วยศีลของพระ กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบว่า ชีวิตฆราวาส ถ้าเปรียบกิเลสเป็นเสือตัวหนึ่งในป่า เราเดินเข้าป่าไปบางทีทั้งปีก็ไม่เจอเสือ แต่ชีวิตของความเป็นพระ เขาเอาเสือตัวนั้นขังไว้ในกรงแคบ ๆ กับเรา เสือก็จะฟัดเราอยู่ทุกวัน เพราะว่าขยับไปทางไหนก็ผิด จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้สติ สมาธิ และปัญญาเป็นอย่างสูง ว่าทำอย่างไรที่เราจะรักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้

เป็นเรื่องที่นาคทั้งหลายเมื่อบวชเข้ามาแล้วต้องปรับตัวกันเอง ต้องพยายามระมัดระวังจนตัวเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับศีล จะคิดเมื่อไร จะพูดเมื่อไร จะทำเมื่อไร แค่ขยับตัวก็รู้แล้วว่าศีลจะขาดหรือไม่ ? ถ้าลักษณะนั้นถึงจะเอาตัวรอดได้ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าพอ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ระดมเข้ามาแล้วเราจะอยู่ได้ไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2023 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-03-2023, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,641 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..สมัยก่อนจึงนิยมว่า "ให้บวชก่อนเบียด" ก็คือบวชแล้วค่อยไปแต่งงานมีครอบครัว แล้วการบวชสมัยก่อนก็นิยมบวชเอาพรรษา เพราะว่าการที่เราต้องอดทนอดกลั้นอยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบตลอดระยะเวลาหนึ่งพรรษา ถ้าสามารถผ่านพ้นไปด้วยดี เขาจึงจะเชื่อว่าเรามีวุฒิภาวะและความอดทนอดกลั้นเพียงพอที่จะมีครอบครัวได้

ในสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ ถ้าคนไหนไม่บวช ก็คงได้แต่ไปขอเมียต่างบ้านต่างเมืองโน่น คนหมู่บ้านเดียวกัน ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน ไม่ต้องไปหวัง เขาใช้คำว่า "คนดิบ" ก็คือยังไม่สุกพอที่เขาจะยกลูกยกเมียให้ไปดูแล

เรื่องของการที่พวกเรามาฝึกฝนตนเอง จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพบกับการกระทบกระทั่งอยู่ตลอดเวลา ใหม่ ๆ ก็เหมือนกับสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ โยนโครมลงไปก็ตายนิ่งอยู่ตรงนั้น เราต้องค่อย ๆ ขัดเกลาตัวเอง จนกระทั่งเหลี่ยมมุมเล็กลงไปเรื่อย ๆ ถ้าสามารถขัดจนกระทั่งกลายเป็นกลมเกลี้ยง กลิ้งไปทางไหนก็ได้ ถ้าอย่างนั้นถึงจะถือว่าใช้ได้ เพียงแต่ว่าของเรามีศีลเป็นกรอบ กลิ้งไปถึงกรอบก็กลับมาเสียดี ๆ ละเมิดกรอบเมื่อไร ความซวยจะมาเยือน..!

ในเรื่องของการประพฤติปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือว่าเป็นพระภิกษุสามเณรก็ตาม ทำอย่างไรที่เราจะรักษาใจของตนเองให้ได้เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัวหรือใบบอน ไม่ว่าจะกลิ้งไปมุมไหนก็ไม่ได้ติดอยู่เลย เป็นเรื่องที่พวกเราต้องหามุม หาที่ หาทาง เข้าถึงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ประมาณว่า "วางได้ก่อนก็สบายก่อน" แต่อย่าไป "วางใส่หัวคนอื่น" ต้องระมัดระวังอยู่เสมอว่า กาย วาจา ใจ ของเราจะเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่นเขาหรือเปล่า ? ยิ่งถ้าใครมีเป้าหมายว่าบวชแล้วจะอยู่นาน ก็ยิ่งต้องขัดเกลาตนเองให้ดีที่สุด

เคล็ดลับอยู่ตรงคำว่า "ธรรมดา" กระทบกระทั่งกับใครก็ตาม ให้รู้สึกทันทีว่าธรรมดาของการเกิดมาต้องเจอกับเรื่องอย่างนี้ หรือถ้าหากว่ายังโกรธอยู่ ก็ธรรมดาที่กูเกิดมาเจอกับมึง จึงต้องเจอเรื่องอย่างนี้ ทำอย่างไรให้ลงคำว่าธรรมดาให้ได้ ถ้าสามารถเข้าถึงคำว่าธรรมดาได้ สามารถเป็นได้ตั้งแต่ปุถุชนยันพระอริยเจ้าเลย..!

เพียงแต่ว่าธรรมดาของแต่ละระดับนั้นไม่เท่ากัน ธรรมดาของปุถุชนอาจจะอยู่ระดับแค่นี้ ของกัลยาณชนสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ของอริยชนสูงขึ้นไปกว่านั้นอีก จนกระทั่งของพระอรหันต์ ถึงจะธรรมดาจริง ๆ เพราะว่าวางทิ้งหมดทุกอย่างแล้ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2023 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว