กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-11-2022, 17:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,652
ได้ให้อนุโมทนา: 216,916
ได้รับอนุโมทนา 747,869 ครั้ง ใน 36,439 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-11-2022, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,479 ครั้ง ใน 34,255 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ งานสำคัญของวันนี้ก็คือ กระผม/อาตมภาพไปร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี นำโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันอัญเชิญศพพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นสู่จิตกาธาน ณ บริเวณที่ตั้งเมรุชั่วคราว วัดกาญจนบุรีเก่า เพื่อเตรียมการพระราชทานเพลิงศพในวันพรุ่งนี้

ส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ผู้ที่ไปร่วมงาน ไม่ว่าพระภิกษุสามเณรหรือว่าญาติโยมก็ตาม มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยกันเลย อยู่ในลักษณะที่ว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไม่น่าจะทำอันตรายอะไรตนเองได้ กระผม/อาตมภาพดูแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ความประมาทแบบนี้แหละที่ทำให้เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดแล้วระบาดอีก ตายกันแล้วตายกันอีก..!

เพียงแต่ว่าในระยะนี้ ข่าวคราวด้านนี้จะไม่นำเสนอออกอย่างเป็นทางการ เพราะว่าอยู่ในช่วงการประชุมเอเปค ซึ่งถ้าเสนอออกไปแล้ว อาจจะก่อให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีไม่งามแก่ประเทศชาติของเรา

ตรงจุดนี้หลายท่านอาจจะคิดว่าเป็นเพียง "ผักชีโรยหน้า" ทำไมเราถึงไม่เสนอความจริงให้ชาวโลกได้ประจักษ์ ? ถ้าหากว่าคิดในลักษณะอย่างนั้น เราก็สามารถที่จะคิดได้ แต่ว่าเราต้องคิดดูว่า สิ่งหนึ่งประการใดที่เหมาะสมกับประเทศชาติของเราในระยะนี้ ?

เนื่องเพราะว่าชาวต่างชาตินั้นไม่ได้มีความเกรงกลัวเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ มาตั้งแต่แรกแล้ว ในยุโรปและอเมริกาก็ล้วนแล้วแต่ประท้วงรัฐบาลของตนที่บังคับให้ฉีดวัคซีนหรือว่าใส่หน้ากากอนามัย เพราะมีความรู้สึกว่าการฉีดวัคซีนนั้นอันตรายต่อชีวิตมากกว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เสียอีก..!

ในเมื่อชาวต่างชาติเขาไม่เกรงกลัว และประจวบเหมาะกับประเทศไทยของเรามี Soft Power หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้องลิซ่า (ลลิษา มโนบาล) หรือว่าน้องเทนนิส (พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ) ตลอดจนกระทั่งทีมวอลเล่ย์บอลหญิงไทย หรือว่ามวยไทย อาหารไทย รอยยิ้มสยาม

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วเป็นปัจจัยสำคัญ ดึงนักท่องเที่ยวมาบ้านเราแบบถล่มทลาย แม้กระทั่งการประชุมเอเปคครั้งนี้ บางประเทศมีผู้ติดตามมาเป็นร้อย ๆ คน แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็คือมาเที่ยว มาสัมผัสชีวิตในบ้านเราเมืองเรา ปล่อยให้ผู้นำเข้าประชุมไปแค่คนสองคนเท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2022 เมื่อ 00:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-11-2022, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,479 ครั้ง ใน 34,255 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เขาไม่กลัวเกรง เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำเสนอเพื่อให้ภาพพจน์ของตนเองเสื่อมเสีย เพราะว่าอย่างไรเสีย เขาก็ตั้งใจที่จะมาอยู่แล้ว และเขาก็รู้อยู่แล้วว่า ถ้ามีความเสี่ยงในด้านนี้ เขาจะต้องยอมรับอย่างไรบ้าง

ดังนั้น..ในสิ่งที่บางคน บางคณะ ทำการประท้วงในช่วงนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นการหาเหตุ หรือว่าสร้างเหตุขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงอย่างแน่นอน เนื่องเพราะว่าเวลาอื่นมีเวลาประท้วงมากมาย แต่ท่านทั้งหลายไม่ประท้วง ท่านทั้งหลายมาประท้วงในลักษณะที่ทำลายภาพพจน์ของประเทศเรา ไม่รู้จักช่วยกันรักษาหน้าตาของประเทศ อยู่ในลักษณะที่ทำไปเพื่อที่จะ "ดิสเครดิต" ทำให้บ้านเราเมืองเราเป็นที่เสื่อมศรัทธาของชาวโลกเขา

ในส่วนนี้ก็ต้องบอกว่า ท่านทั้งหลายทำอะไรแบบไม่ถูกกาลเทศะ โดยเฉพาะบรรดาท่านที่สักแต่ว่าเป็น "ผ้าเหลืองห่มตอ" คณะสงฆ์ของเรา ตลอดจนกระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีกฎระเบียบข้อบังคับเอาไว้ ถ้าท่านประกาศตัวว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แต่ท่านไม่ทำตามในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามหรือว่าทรงอนุญาต แล้วอย่างนั้นท่านจะบอกว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรสได้อย่างไร ?

โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ราชูนํ อนุวตฺติตุํ เราขอให้คล้อยตามพระราชา คำว่า คล้อยตามพระราชา ในที่นี้ก็คือปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคำสั่งของพระราชาในอดีตก็คือกฎหมายนั่นเอง

ในเมื่อบ้านเราเมืองเรายังไม่อนุญาตให้พระภิกษุสามเณรมีการแสดงออกทางการเมือง เพราะว่าไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป ต่อให้ท่านทั้งหลายมีแนวคิดที่ก้าวหน้าขนาดไหนก็ตาม ท่านก็ต้องคำนึงถึงสมณสัญญา ความรู้สึกว่าตนเองเป็นนักบวช สมณสารูป การที่เราเป็นนักบวชแล้วต้องปฏิบัติอย่างไร จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชน ต้องคำนึงถึงพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีอีกด้วย

ท่านทั้งหลายแสดงออกอยู่ในลักษณะที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า "เวอร์วังเกินไป" ลักษณะแบบรับงานมาอย่างชัดเจน แบบนั้นต่อให้ใช้หัวแม่เท้าข้างซ้ายคิด เขาก็รู้อยู่แล้วว่า "มีงานแน่" สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำจึงกลายเป็นว่า "ปืนด้าน" ไม่สามารถที่จะสร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดขึ้นแก่ส่วนรวมได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ถ้าหากว่าเต้นตามท่านทั้งหลายไป ก็เท่ากับว่าโดนจูงจมูกดี ๆ นี่เอง ถ้าพูดตามภาษาวัยรุ่นสมัยนี้ก็คือ "ไม่ได้กินหญ้า" เพราะฉะนั้น..อย่ามาจูงจมูกกัน เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2022 เมื่อ 00:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-11-2022, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,479 ครั้ง ใน 34,255 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องเหล่านี้องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติพระธรรมวินัยเอาไว้ ถ้าเราทั้งหลายมีความเคร่งครัดเพียงพอ ความเสียหายต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะว่าสิ่งที่พระองค์ท่านบัญญัติเอาไว้นั้น สมบูรณ์พอเพียงแล้ว แต่ว่าเป็นความสมบูรณ์พอเพียง สำหรับผู้ที่มีหิริ โอตัปปะ คือมีความละอายแก่ใจ ไม่กล้าทำชั่ว มีความเกรงกลัวผลของความชั่วนั้นจะกลับมาสนองตนเอง เป็นต้น

กระผม/อาตมภาพนั้น ในระยะแรกโยมแม่ขอให้บวชทุกปี ต้องปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก ปฏิเสธกันอย่าง "สุดลิ่มทิ่มประตู" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าก่อนอายุครบบวชก็บังเอิญได้ไปเห็นนรก และเห็นอย่างชัดเจนว่า นรกแต่ละขุมนั้นนักบวชลงไปจนแน่นขนัดไปหมด ถ้าถามว่าแน่นขนาดไหน ? คนรุ่นเก่าที่เคยใช้ไม้ขีด ถ้าเปิดกล่องไม้ขีดออกมา แล้วหัวไม้ขีดแน่นขนาดไหน นักบวชในนรกก็มากประมาณนั้น ทำให้กระผม/อาตมภาพกลัวมากว่า การบวชเข้าไปแล้ว ถ้าหากว่าเราไม่สามารถทรงความดีเอาไว้ได้ เราก็จะกลายเป็นเหยื่อของอบายภูมิแบบท่านทั้งหลายที่ลงไปให้เห็น..!

ตรงจุดนั้นอรรถกถาจารย์ท่านกล่าวเอาไว้ว่า ปากทางลงสู่ขุมนรกนั้นมีการพาดราวเหล็กเอาไว้ สำหรับเป็นที่แขวนจีวรของบรรดานักบวชที่โดนนำตัวไปลงโทษ เพราะว่าประพฤติทุจริต คิดไม่ชอบด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ แล้วต้องรับโทษทัณฑ์ไปนั้น ราวเหล็กที่ว่านั้นมีขนาดใหญ่เท่าลำตาล

เราลองนึกดูว่าใหญ่โตขนาดไหน ? ต้นตาลอย่างไม่มี ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อยก็ต้อง ๑ ฟุต แต่ท่านบอกไว้ว่า ราวเหล็กทั้งหลายเหล่านั้นรับน้ำหนักจีวรจนแอ่นแทบจะติดพื้น ก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า บรรดานักบวชของเรานิยมลงสู่อบายภูมิมากมายขนาดไหน..! กระผม/อาตมภาพจึงได้กลัวจนหัวหด ไม่กล้าที่จะรับปากโยมแม่ว่าบวชให้

ผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนอายุ ๒๗ ปี พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ถึงได้ปรารภว่า "เล็ก..ข้าต้องการพระบวชแก้บน ๓ องค์ แกบวชให้ข้าได้ไหม ?"

ปกติแล้วที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านถาม ได้ต้องตอบว่า "ได้" ไม่ได้ก็ต้องตอบว่า "ไม่ได้" แต่ว่างานนี้กระผม/อาตมภาพกลับบอกว่า "ขออนุญาตคิดดูก่อนครับ" ท่านก็หัวเราะแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไร รอพ่อกลับจากนิวซีแลนด์ก่อนค่อยให้คำตอบก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2022 เมื่อ 00:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-11-2022, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,479 ครั้ง ใน 34,255 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านกลับจากนิวซีแลนด์ในวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๙ กระผม/อาตมภาพไปรับท่านที่สนามบินนานาชาติดอนเมือง เมื่อกราบเสร็จเรียบร้อย ก็กราบเรียนถวายท่านว่า "ผมยินดีบวชขอรับ จะให้ไปอยู่วัดวันไหนขอรับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่า "ถ้าพร้อมก็ไปได้เลย" กระผม/อาตมภาพจึงกระโดดขึ้นรถตู้ของทางวัดท่าซุง ไปวัดเดี๋ยวนั้นเลย..!

โดยมีโยมแม่ซึ่งรู้ใจลูกที่สุด เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น ปกติถ้าวัดมีงาน ก็จะไปก่อนงาน ๒ วัน เพื่อช่วยเตรียมงาน และจะกลับหลังงาน ๑ วัน เพื่อช่วยเก็บงาน แต่ว่าครั้งนี้ไปเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่กลับบ้าน โยมแม่ก็หอบเอาอัฐบริขารไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนว่า "ดิฉันขอบวชลูกชายเจ้าค่ะ"

พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่า "โยม..ตั้งใจเสียใหม่ งานนี้เป็นการอุปสมบทหมู่ ตอนนี้สมัครมา ๓๐ กว่าคนแล้ว ขอให้โยมตั้งใจว่า ขอเป็นเจ้าภาพบวชพระรุ่นนี้ทุกรูป" โยมแม่จึงตั้งใจใหม่ และนำบริขารถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อไป

กระผม/อาตมภาพบวชตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ได้เพราะรู้สึกว่า ในสมัยพุทธกาลศีลทุกข้อสมบูรณ์บริบูรณ์ ยังมีพระสามารถไปพระนิพพานกันได้มากมายขนาดนั้น ตัวเรามาบวชในยุคนี้ มีกำไรมากมายมหาศาล

ศีลเกี่ยวกับการสร้างสิ่งของ อย่างเช่นว่าหล่อสันถัด หรือว่าเย็บผ้าไตรจีวร ตลอดจนกระทั่งทำข้าวของเครื่องใช้ และศีลที่เกี่ยวกับนางภิกษุณีนั้น ปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติแล้ว เพราะว่าข้าวของเครื่องใช้ ส่วนใหญ่ญาติโยมก็ถวายมาเหลือเฟือ นางภิกษุณีก็ไม่มี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรามีกำไรตั้งมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่สามารถที่จะไปพระนิพพานได้ก็ยอมลงนรกไปเถอะ..! แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาบวชปฏิบัติธรรมมาจนถึงทุกวันนี้


ดังนั้น..ในส่วนที่ท่านทั้งหลายมีการแสดงออกที่น่าเกลียดน่าชัง โดยเฉพาะในส่วนของนักบวชที่ห่มจีวร ประกาศตนเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะหลงผิด โดนคนกล่อมเกลาให้หลงเชื่อก็ดี หรือว่ารับงานมาก็ตาม ขอให้ท่านได้ทราบว่า สิ่งที่ท่านกระทำนั้น ถึงเวลาก็ย่อมส่งผลต่อท่านเอง กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เวทนา มองดูอยู่ไกล ๆ ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ด้วยประการทั้งปวง ใครทำใครได้ ไม่สามารถที่จะรับแทนกันได้เสียด้วย..!

วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2022 เมื่อ 00:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว