#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ทุกวันศุกร์กระผม/อาตมภาพต้องเข้าอบรมตามโครงการ Upskill การสอนวิชาพระพุทธศาสนา ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เข้าเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น..!
พวกเราต้องไม่ลืมว่า บรรดาท่านที่เข้าโครงการอบรมทั้งหมด คือครูบาอาจารย์ที่สอนวิชาพระพุทธศาสนาอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยแม่ วิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งหน่วยวิทยบริการในสังกัด คราวที่แล้วที่มีอาจารย์ท่านหนึ่งแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกว่า "ไม่ได้ฌาน ไม่ได้สมาบัติ ไม่สามารถแสดงฤทธิ์ได้" กระผม/อาตมภาพอธิบายให้ทุกท่านฟังไปแล้ว สำหรับวันนี้ก็มีอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ถามในวิชาพระอภิธรรมว่า มีผู้กล่าวว่า "การดื่มสุรา ถ้าไม่เมา ไม่ถือว่าเป็นบาป ใช่หรือไม่ ?" คราวนี้ท่านอาจารย์ผู้เป็นวิทยากรท่านอธิบายมานั้นใช่ แต่ยากมาก เพราะว่าอธิบายตามแนวพระอภิธรรม อย่างเช่นว่า คิดจะกระทำ จิตประกอบไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีผู้ชักชวนก็ลงมือกระทำ คิดจะกระทำ จิตไม่ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ ลงมือกระทำเอง ไม่คิดจะกระทำ จิตไม่ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ มีผู้ชักชวน ลงมือกระทำ ฯลฯ กูฟังแล้วจะบ้า ก็คือว่าจนครบตามสภาพจิต ๘๙ ดวง..! เอาง่าย ๆ ว่าในเรื่องของการดื่มสุรา ถ้ายังไม่เมาบาปหรือไม่ ? คำว่าบาปนี่เราเอาหมายถึงสูงสุดเลย คราวนี้ถ้าเอาอย่างนั้น เราต้องมาเปลี่ยนคำว่าบาปเสียใหม่ว่า การดื่มสุรา โดยไม่เมา มีความผิดหรือไม่ ? ทันทีที่สุราซึ่งเป็นแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกาย ร่างกายเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีพิษ ก็พยายามที่จะขจัดออกโดยตับ โดยไต ถ้าสามารถขจัดออกได้ทันก็ไม่เมา ถ้าขจัดออกไม่ทันก็เริ่มเมา และเมามากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนที่ดื่มเข้าไป ในเมื่อร่างกายเห็นว่าเป็นสิ่งมีพิษ ต้องขจัดออก แล้วเรากรอกพิษนั้นเข้าไปในร่างกาย ผิดไหม ? อันดับแรกเลยก็คือผิด เพราะว่าเราไม่เมตตาต่อตนเอง แล้วยังไม่เมตตาต่อคนรอบข้าง ไม่ว่าจะครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนรับใช้ ประการต่อไป ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นยาพิษ กินเข้าไปไม่มาก แม้ว่าจะไม่ออกฤทธิ์ถึงตาย แต่ถ้ากินบ่อย ๆ ก็สะสมไปเรื่อย แล้วท้ายที่สุดถ้าพิษมีมากพอ ออกฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไรก็ตาย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2022 เมื่อ 03:06 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ประการต่อไป เป็นวิทยาศาสตร์มาก ฝรั่งเขาทดลองแล้ว ให้คนขับรถกินเบียร์ ๒ กระป๋อง ซึ่งมีแอลกอฮอล์แค่ ๓ เปอร์เซ็นต์ เบียร์บ้านเรานี่แอลกอฮอล์ดุที่สุด ๕ เปอร์เซ็นต์ เบียร์ต่างประเทศเขาให้แค่ ๓ เปอร์เซ็นต์ กินเบียร์ ๒ กระป๋อง ถอยรถเข้าซองไม่ได้ ชนกรวยกระจายทุกทีเลย..! นั่นเขาไม่เมานะ แต่กะระยะผิดหมดแล้ว ก็แปลว่า แอลกอฮอล์ถึงดื่มแล้วไม่เมา ก็เป็นโทษแก่ตัวเอง
ประการต่อไป เปรียบเทียบว่า ถ้าเป็นเขื่อน มีรูรั่วเล็ก ๆ ปล่อยให้น้ำไหลผ่านได้ แรงดันน้ำดันไปเรื่อย ดันไปเรื่อย ปล่อยน้ำไหลผ่านไปเรื่อย รูนั้นก็จะกว้างขึ้นเรื่อย แล้วท้ายที่สุด ถ้ากว้างพอเขื่อนก็พัง ซึ่งจะมาโยงกับประการสุดท้ายว่า เราเปิดโอกาสให้ตัวเองทำชั่วโดยหาเหตุผลว่ากินแล้วไม่เมา ไม่ผิด กิเลสนั้นมีมายามาก ถ้าครั้งต่อไปอยากกินอีก กิเลสก็จะบอกว่า คราวที่แล้วยังได้เลย เอาอีกหน่อยเถอะ ไม่เมาหรอก ก็กินต่อ แล้วข้ออ้างก็จะมากขึ้นไปเรื่อย ไอ้จากที่ไม่เมาก็จะเริ่มเมา จากที่บอกว่าไม่ผิดก็จะเริ่มผิด แล้วในเมื่อผิดมาก ๆ บาปไหม ? ก็บาป เพราะบาปแปลว่าชั่ว..! เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าจะอธิบายให้ชัด ต้องไปทีละขั้น อยู่ในลักษณะของวิภัชชพยากรณ์ แยกแยะเป็นส่วน ๆ แล้วค่อยตอบ พอไปถึงประการสุดท้าย พระพุทธเจ้าตรัสถึงโทษของการดื่มสุรา หรือโทษของการเป็นนักเลงสุรา ท่านที่เรียนนักธรรมชั้นตรีก็ดี ธรรมศึกษาชั้นตรีก็ดี ทราบซึ้งมาก เสียเงินทอง เสียสุขภาพ เสียชื่อเสียง ไม่มีใครให้ความเชื่อถือ มีโอกาสโดนใส่ร้ายได้ตลอดเวลา แย่พอหรือยัง ? ฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าจะอธิบายตามหลักของอภิธรรมก็ใช่อย่างที่พระอาจารย์ท่านว่า แต่ก็ยากเกินไป เอาง่าย ๆ อย่างที่กระผม/อาตมภาพว่าไปดีกว่า ชัดเจนด้วย ไม่ต้องเสียเวลานั่งเถียงกันอีกว่า "กินโดยมีเจตนา จิตเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะตั้งใจกระทำผิด" โอ๊ย..ฟังแล้วเครียด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2022 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ใครเรียนพระอภิธรรมจบนี่ กระผม/อาตมภาพยอมกราบเลยนะ..เก่งโคตร..! แต่เรียนแล้วเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ง่ายที่สุด เพราะคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ว่าวิชานี้ก็ดันบังคับให้เรียนในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยด้วย ๓ หน่วยกิตอีกต่างหาก..! ฟังแล้วเครียดไหม ?
เมื่อออกไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ์ พระบรมราชินี กระผม/อาตมภาพก็ต้องแบกโน้ตบุ๊กไปเสียบคาไว้ด้วย เพราะว่ายังอบรมไม่จบ เมื่อเสร็จจากพิธีกรรมพิธีการทุกอย่าง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแล้ว ขากลับกระผม/อาตมภาพแวะดูตลาดชุมชนริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ซึ่งตั้งใจจะเปิดช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เห็นญาติโยมจำนวนมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไปเที่ยวแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นตลาดเปล่า ๆ อยู่ โดยเฉพาะถ่ายรูปเซลฟี่บ้าง ให้คนอื่นถ่ายบ้าง เพราะว่าทิวทัศน์ตรงนั้นสวยมาก โดยเฉพาะถ้าช่วงเช้าระยะนี้ ทะเลหมอก "ตรึม" เลย..! แต่เสียอย่างเดียว เวทีที่ตั้งใจจัดเอาไว้เพื่อใช้เป็นที่ชมการแสดง ผู้ออกแบบตั้งใจจะให้คนดูนั่งได้มากหน่อย ก็เลยทำชั้นอัฒจันทร์ อัฒ ครึ่งหนึ่ง จันทร์ก็คือพระจันทร์ อัฒจันทร์ก็คือพระจันทร์ครึ่งหนึ่ง หรือพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำอัฒจันทร์หลายชั้นไปหน่อย กินพื้นที่การแสดงไป ถ้าเป็นการแสดงชุดใหญ่ ๆ อย่างชุดชาติพันธุ์ทองผาภูมิคงจะยาก เพราะว่าต่ำสุดต้องใช้นักแสดงถึง ๒๒ คน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2022 เมื่อ 03:18 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
ช่วงนั้นก็จะตรงกับงานถนนคนนั่งยองทองผาภูมิของทางเทศบาลด้วย มีงานสวดมนต์ข้ามปีที่วัดท่าขนุนด้วย ช่วงนี้ก็เลยเป็นช่วงแย่งกันจองที่พัก เพราะว่าวันรุ่งขึ้นก็ยังมีการใส่บาตรรับปีใหม่อีกต่างหาก ซึ่งทุกคนจะรอฟังว่ากระผม/อาตมภาพจะบอกว่าปีนี้จะเจออะไรกันบ้าง..!
ดังนั้น..ถ้าหากว่าจะประกันความเสี่ยง ใครสามารถที่จะจองที่พักได้ก็จอง ถ้าขี้เกียจจอง ก็จองทัวร์ของกิฟท์จังพลังเวทย์ไปเลย จะเป็นประเภทแรลลี่ขับรถมาเองก็ดี หรือว่าจะนั่งรถทัวร์วีไอพีมาก็ตาม เขาเที่ยวกันมาตลอดทาง ทำกิจกรรมมากันตลอดทาง แล้วกระผม/อาตมภาพก็ตั้งใจอยู่แล้วว่า ลูกทัวร์ทุกคนที่มาในโครงการแรลลี่ทัวร์ เที่ยวชุมชน ยลวิถี จะแจกวัตถุมงคลวัดท่าขนุนให้ฟรี ถือเป็นงบประมาณในการโฆษณาวัด คุณต้องเข้าใจว่าทุกหน่วยงานจะมีงบประชาสัมพันธ์ งานนี้ชุมชนของเราร่วมกับวัด จัดโครงการเที่ยวชุมชน ยลวิถี ทางด้านเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ก็มาร่วมโครงการด้วย ความจริงตอนแรกเขาจะขอร่วมโครงการกับทางการท่องเที่ยวประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี แต่ทางด้านโน้นบอกว่าไม่มีโครงการ และไม่มีงบประมาณสนับสนุน ก็เลยมาร่วมงานกับทางวัดท่าขนุนของเราแทน ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้แบ่งสันปันส่วนไว้แล้วว่า ถ้ามาน้อยจะต้องพักที่ไหน ถ้ามามากจะต้องพักที่ไหน ดังนั้น..ถ้าหากว่าเขาโทรไปจอง ก็น่าจะได้ง่ายกว่าที่อื่นเขา แต่ถ้าจองเอง โอกาสที่จะพลาด แล้วต้องมานอนวัดมีสูงมาก นอนวัดเมื่อไรก็ลำบาก หมาเป็นร้อยตัว ผลัดกันเห่าก็ไม่ต้องนอนแล้ว..! สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2022 เมื่อ 03:20 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|