|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การให้ทานนี่ ที่สุดของจาคะ อยู่ตรงไหน?
ตอบ : ที่สุดของจาคะก็คือ แม้แต่ชีวิตก็สละได้เพื่อธรรม ประเภทเดียวกับยอมตายดีกว่าศีลขาด ถาม : แล้วถ้าอย่างกลาง? ตอบ : ถ้าหากว่าอย่างกลาง ก็ถอยลงมาหน่อยหนึ่ง ถ้าหากเพื่อธรรมะ เราสละทรัพย์ทั้งหมดได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ตัวอธิษฐานบารมี ถ้าเต็มนี่มันเป็นอย่างไรครับ?
ตอบ : ถ้าเต็มก็ไม่ต้องทำต่อ ถาม : วิริยบารมีเต็ม เป็นอย่างไรครับ? ตอบ : เป็นบุคคลที่ไม่ท้อถอยต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย คืออาการของวิริยบารมีที่เต็ม อาการของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในทุกเรื่องที่ปรารถนา ก็คือ การที่อธิษฐานบารมีเต็ม การที่บารมีทั้งสองตัวนี่จะเต็ม ก็แปลว่าอีก ๘ ตัวต้องเต็มด้วย แปลว่าถ้าไม่เป็นพระพุทธเจ้าไปเลย ก็ต้องเป็นพระอรหันต์ไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เมื่อสัปดาห์ก่อนผมฝันว่า โดนกลั่นแกล้งด้วยอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ เขาตามแกล้งไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายฟ้าผ่าไล่เลย แล้วก็เจอหลวงพ่อฤๅษี ท่านบอกว่า อสุรกายที่อยู่ในที่พักอาศัย ต้องการความเคารพจากผม ให้ผมสร้างศาลให้ ผมก็สงสัยว่าศาลแบบไหน ในฝันหลวงพ่อท่านก็ตอบว่า ศาลแบบ ๖ เสา ผมก็โอ้โห...แบบเดียวกับอากาศเทวดาเลยหรือครับ แล้วผมก็ตื่นมา
ตอบ : รอฝันใหม่ คือ ถ้าเขามาทวงสัก ๘ - ๑๐ ครั้ง ค่อยแน่ใจ หรือไม่เดินไปไหนฟ้าผ่าจริง ๆ แล้วค่อยว่ากัน ถาม : ทีนี้เขามาแทรกแซงเราจะทำอย่างไร? ตอบ : ฝันก็คือฝัน อย่าเอาสาระกับมันมากนัก ถ้าฝันดีเก็บเอาไว้เป็นกำลังใจ ฝันไม่ดีลืมทิ้งไปตรงนั้นแหละ โบราณเขาให้ล้างหน้า แก้ฝันไปกับน้ำเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:32 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ที่สุดของอภัยทานคืออะไรครับ?
ตอบ : แม้แต่ศัตรูที่เกลียดที่สุด ก็อภัยให้เขาได้ ถาม : แล้วถ้าอย่างกลาง? ตอบ : ก็ที่เกลียดน้อยหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:33 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ตอนนี้ท่านปู่ท่านย่ายังรักษาหน้าที่อยู่ หรือเข้านิพพานแล้วครับ ?
ตอบ : เหมือนเดิม ถ้าหากว่าเป็นคนทั่วไป ๆ ก็คือ เตรียมเก็บข้าวของ แต่ของท่านไม่มีอะไรให้เก็บ ท่านไปอยู่ตรงไหนก็สมบูรณ์ทุกที่ ไม่ต้องเสียเวลาเก็บ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:33 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "วันก่อนทางระยอง บอกว่าเทวทัตมาเกิดแล้ว คนก็ตาลีตาเหลือกมาส่งข่าว อาตมาก็บอกว่า ขอบคุณที่บอกให้ทราบ แต่ถ้าเป็นเทวทัตที่ผมทราบ ยังอยู่ข้างล่างเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:33 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : วิชาโสฬส หรือพิธีมงคลโสฬส จริง ๆ แล้วเป็นวิชาเกี่ยวกับอะไร?
ตอบ : โบราณ คำว่า โสฬส เขาแทนพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น ซึ่งมาจากศาสนาพราหมณ์ เขาถือว่าสูงสุดสำหรับเขาแล้ว แต่ว่ามีที่มาในคัมภีร์ที่ ๔ พราหมณ์เขามีคัมภีร์อยู่ ๓ เล่ม เขาเรียกว่า ไตรเพทหรือไตรเวท ประกอบไปด้วย ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท ตอนหลังพัฒนาการเพิ่มขึ้นเป็น อาถรรพเวท เล่มที่ ๔ ขึ้นมา บรรดาสิ่งต่าง ๆ ที่เขาเอามาใช้กัน กลายเป็นเรื่องขลัง เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ไป จากที่อธิบายความเป็นมาเกี่ยวกับพระเจ้า จากพิธีการปฏิบัติตนให้เข้าถึงพระเจ้า จากการอธิบายพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ทำเพื่อพระเจ้า ก็เพิ่มเป็นพวกของศักดิ์สิทธิ์ พวกคาถาศักดิ์สิทธิ์อะไรพวกนี้ ในเมื่อพัฒนามาอย่างนี้ ของเราเองที่รับเอาศาสนาพราหมณ์มาแต่แรก ๆ แล้ว ก็เลยพลอยมีความเชื่อเช่นเดียวกันในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ แต่ของเราก็มาติดตรงที่ศาสนาพราหมณ์หรือบางคนเขาเห็นว่าศาสนาพุทธไปเหยียบย่ำพราหมณ์ ก็คือไปเห็นว่าพระเจ้าของเขาเป็นแค่คนรับใช้พระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง อย่างเช่นบางพระสูตรจะบอกว่า สนังกุมารพรหมไปเฝ้าประตูให้พระพุทธเจ้า ท้าวสหัมบดีพรหมก็เปรียบดั่งทายก เพราะเป็นผู้อาราธนาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม ต้องบอกว่าปัญญาดี แต่คิดสั้นไปหน่อย เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่าเป็นการแก่งแย่งชิงดีทางศาสนา ต้องพยายามเหยียดศาสนาอื่นให้ด้อยลงเพื่อยกศาสนาของตนเองขึ้น โดยที่เขาไม่คิดว่าเป็นความจริงหรือเปล่า จะว่าไปแล้วศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่ค่อนข้างจะรักสันติ เพราะว่าเขาเข้ามาในบ้านเมืองเรา ตามที่มีหลักฐาน ก็ตั้งแต่สมัยสุโขทัย และเข้าถึงพระเจ้าแผ่นดินมาตลอด เราจะเห็นว่าพระราชพิธีต่าง ๆ เป็นพิธีพราหมณ์ล้วน ๆ เราเพิ่งจะเอาพิธีพุทธแทรกไปเมื่อไม่นานนี้เอง ลองคิดดูว่าถ้าเป็นอีกศาสนาหนึ่งเข้าถึงได้ขนาดนั้น เราจะได้ผุดได้เกิดหรือเปล่า ? แต่ศาสนาพราหมณ์กลับไม่ประสบความสำเร็จในการเผยแผ่ศาสนา แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังเข้าถึงพระเจ้าแผ่นดินอยู่ แต่มีศาสนิกชนไม่มาก แทบจะนับจำนวนได้ ทั้ง ๆ ที่บรรดาครูพราหมณ์ต่าง ๆ ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าแผ่นดินอย่างเป็นทางการเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:36 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เป็นเพราะเนื้อหาแก่นสารของเขาหรือเปล่า ?
ตอบ : คาดว่าที่เป็นในเมืองไทย เพราะเราถือผีมาก่อน ในเมื่อถือผีมาก่อน พอไปนับถือศาสนาพราหมณ์ ก็เท่ากับว่าไปเหยียดความนับถือของตัวเอง แต่ละคนในใจลึก ๆ ก็ต้องละในฐานที่เข้าใจว่า ของเดิมดีกว่า แล้วศาสนาพราหมณ์ก็ไม่ได้บังคับว่าจะต้องนับถือศาสนาเขา อย่างศาสนาอื่นที่เข้าไปในอินเดีย ถ้าหากว่าใครไม่นับถือศาสนาของเขา ไม่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าเลย จะโดนกดตลอด จนกว่าจะยอมไปถือศาสนาเขา จึงจะมีความก้าวหน้า ในเมื่อพราหมณ์เขาไม่ได้ดำเนินนโยบายแบบนี้ในบ้านของเรา เขาอยู่มา ๗๐๐ - ๘๐๐ ปีแล้ว แต่ศาสนิกยังมีไม่มากเท่าไหร่ คริสต์ยังมีมากกว่า ถาม : แล้ววิชาโสฬส ? ตอบ : ก็บอกแล้ว ว่าสืบเนื่องมาจากอาถรรพเวทของพราหมณ์ เมื่อศาสนาพุทธเริ่มถือเคล็ดลางทั้งหลายเหล่านี้ เอาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง อย่าลืมว่าหลวงปู่ หลวงพ่อทั้งหลายของเรา เริ่มมาจากไสยศาสตร์ร้อยละ ๙๐ ในเรื่องของการสวด เลขยันต์ต่าง ๆ เขาถือว่าเป็นส่วนของไสยศาสตร์ แต่ว่าครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณท่านฉลาด ท่านเอาไสยศาสตร์เป็นพื้นฐานให้ก้าวถึงพุทธศาสตร์ ในเมื่อเป็นสิ่งที่ชวนให้ทำ ทำแล้วเกิดผลได้ง่าย ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ ครูบาอาจารย์ก็ป้อนให้ไปเรื่อย กว่าจะรู้ก็ได้สมาธิระดับสูง ๆ กันหมดแล้ว ถึงเวลาก็แค่เลี้ยวกลับมายึดในพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามอนุสติ ฝึกอสุภกรรมฐาน ๑๐ กสิณ ๑๐ ฯลฯ ก็กลายเป็นวางพื้นฐานเพื่อก้าวเข้ามาสู่พุทธศาสตร์ คราวนี้ในช่วงกำหนดแต่ละอย่าง ก็ยังต้องเชื่อถือตามความเชื่อเก่าของคนที่เขาเชื่อมาอย่างนั้น อย่างเช่นว่า โสฬสก็เชื่อว่าสูงสุด เป็นมงคลที่สุด ไม่มีอะไรเหนือกว่านี้อีกแล้ว ก็กำหนดเป็นวิชาการขึ้นมา แต่ถ้าเราพิจารณาดูจะเห็นหัวใจคาถาที่มาจากพระไตรปิฎกแทบทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเรียกชื่อให้คนเขาเชื่อถือ ศรัทธา และยอมรับว่าเป็นของดี ถาม : แล้วพระขรรค์โสฬสมีคุณวิเศษด้านใดบ้างครับ? ตอบ : ราคาแพง ตรงนี้เด่นที่สุดเลย ไม่มีเด่นกว่านี้อีกแล้ว เด่นชัดมาก หมดทุกเว็บ ประมูลกันทันทีทันใด เราก็นึกว่าจะอยู่สักปีสองปี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:39 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนที่ได้อภิญญาแล้วไปรักษาคน เป็นการฝืนกฎแห่งกรรม แล้วต่างกับการรักษาคนทั่วไปอย่างไรครับ ?
ตอบ : เรื่องของอภิญญานั้น แม้หมอทั่ว ๆ ไปรักษาไม่ได้ แต่คนได้อภิญญารักษาได้ ต่างกันตรงนี้แหละ ถาม : คนไปที่รักษากับคนที่ได้อภิญญา เวลาเขาต้องตรวจ นี่ต้องตรวจอะไรครับ ? ตอบ : เขาทำยิ่งกว่าตรวจอีก ทำอะไรมาจึงเป็นอย่างนั้น ? วาระหมดหรือยัง ? ถ้าวาระยังไม่หมด ก็อย่าไปยุ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะเดือดร้อนเอง ถาม : ถ้าเราอธิษฐานกับพระพุทธเจ้า ขอให้ท่านช่วยรักษาเรา ตอบ : อธิษฐานได้ แต่จะได้อย่างที่รักษาหรือเปล่า ค่อยว่ากันอีกที ส่วนใหญ่คนที่ได้อภิญญาเขาไม่ใช้ให้ตัวเองหรอก ที่ใช้ให้ตัวเองเพราะยังไม่รู้ ถาม : พระเยซู ท่านใช้กำลังอภิญญาช่วยเขาไปหมด วาระสุดท้ายต้องไปไถ่บาปให้เขา ตอบ : ท่านไม่ได้คิดจะไถ่หรอก โดนบังคับให้ไถ่ เล่นเอาไปตอกตะปูเลย เราก็ต้องยอมรับว่า ถ้าเราไปฝืนกฎของกรรม เราก็ต้องยอมรับผลด้วย ลูกปืนเขาเล็งมา แล้วเราไปยืนขวาง ก็เตรียมรับไว้ได้เลย ไม่โดนเขาก็โดนเราแน่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:40 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การจับสัตว์ไปทำหมัน ก็เป็นกรรมอย่างหนึ่ง ตัวเราเองไม่อยากมีลูก แล้วไปทำหมัน จะเกิดเป็นกรรมไหมครับ ?
ตอบ : ไม่อยากมีลูก ? อย่าไปยุ่งกับเมียก็หมดเรื่อง อะไรที่ฝืนธรรมชาติ ถ้าถามว่าผิดไหม ? ก็ผิดเหมือนกัน..ผิดธรรมชาติ จะว่าไปแล้วศาสนาพุทธของเราไม่มีบัญญัติอยู่ตรงจุดนี้ เพราะว่าศาสดาก็คือพระพุทธเจ้า สิ้นไปก่อนที่วิทยาการพวกนี้จะปรากฏขึ้น แต่ว่าสมัยก่อนวิทยาการแน่กว่านี้อีก เขาสามารถแปลงเพศผู้หญิงให้เป็นผู้ชาย แปลงผู้ชายให้เป็นผู้หญิงได้ ในบาลีบอกไว้ชัดเลย เพราะเขาบอกว่าพระห้ามทำอย่างนั้น แต่คาทอลิกเขาห้ามนะ ถ้าหากว่าทำหมันเขาถือว่าบาป มาตอนหลัง พวกเขาจะขอทำแท้ง พวกคาทอลิกต้านชนฝาเลย ขนาดทำหมันยังโดนด่า ทำแท้งไม่แย่ไปใหญ่หรือ ? ฉะนั้น..วิธีที่ปลอดภัยที่สุด..อย่ายุ่งกับเมีย..! ไม่ต้องทำหมันด้วย... ถาม : แต่ก็เป็นการฝืนธรรมชาติไม่ใช่หรือครับ? ตอบ : หลวงพ่อพรหมวังโส ไปเทศน์ให้นักโทษในคุกฟัง ว่าเป็นพระต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า ต้องสวดมนต์ทำวัตร ต้องเดินไปขอข้าวเขากิน ต้องเดินจงกรมภาวนาเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์ทั้งปวง ข้าวก็กินได้แค่สองมื้อ สรุปว่านักโทษยกมือ "หลวงพ่อมาอยู่กับพวกผมเถอะ สบายกว่าเยอะเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 16:43 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้เป็นปีเสือดุ เป็นปีวิกฤตของในหลวง ทำบุญอะไรให้อุทิศถึงพระองค์ท่าน อุทิศถึงเทวดาที่รักษาพระองค์ท่าน ช่วยประคับประคองให้พระองค์ท่านอยู่ต่อไปอีกสักหน่อย แต่ก็ต้องแลกกัน ถ้าในหลวงอยู่ หลวงปู่หลวงพ่อจะไปเป็นลูกระนาดเลย..!"
ถาม : ไม่เป็นไร หลวงพี่อยู่ก็พอแล้ว ตอบ : ตอนนี้หลายคนเขาก็เรียกหลวงพ่อแล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2010 เมื่อ 03:41 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาใส่เงินลงไปในนี้ แต่ไม่ได้ยกถังสังฆทานมา แต่ตั้งใจทำเป็นสังฆทาน ก็จัดว่าเป็นสังฆทานใช่ไหมครับ?
ตอบ : ความจริงตั้งใจทำอย่างนั้นได้กำลังใจจะสูงกว่า แต่ถ้าทำอย่างนั้นแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำ ก็ให้ไปยกถังสังฆทานมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2010 เมื่อ 03:42 |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : สมัยโบราณเขาบรรจุเจดีย์ เขานิยมใช้อะไรบ้างครับ?
ตอบ : ตามตำรา ส่วนใหญ่ที่บรรจุ อันดับแรก สิ่งของมีค่าต่าง ๆ ตั้งใจถวายเป็นพุทธบูชา อันดับที่สอง รูปเปรียบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อสืบพระศาสนา อันดับที่สาม ถ้าหาได้ เป็นสิ่งที่ต้องการสุด ๆ พระบรมสารีริกธาตุ สรุปแล้วหลัก ๆ มี ๓ อย่าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ที่พระอาจารย์ให้ผมท่องคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถ้าผมท่องอย่างนี้ทุกวัน ๑๐๘ จบ ผมจะไปนิพพานได้หรือเปล่าครับ?
ตอบ : มันขึ้นอยู่กับว่ากำลังใจของเรา ว่าละร่างกายได้ไหม? ถ้าละร่างกายได้ คาถาอะไรก็ไปนิพพานได้ ถาม : ตอนนี้ผมท่องคาถานี้ไปก่อนใช่ไหมครับ? ตอบ : ก็ท่องไปสิ เพื่อประโยชน์ปัจจุบันของเรา ส่วนประโยชน์อนาคตหรือประโยชน์สูงสุดค่อยว่ากันอีกที ว่ามีความสามารถแค่ไหน จริง ๆ ไม่ได้ให้ไปท่องส่งเดชให้มันจบ ให้ไปภาวนา ภาวนานี่มันต้องกำหนดลมหายใจควบ ยิ่งทรงฌานได้ยิ่งดี ไม่ใช่ว่าสักแต่ท่อง ๆ ให้จบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ถ้าทำถึงที่สุด นาน ๆ เข้า แค่จับหนังสือก็ถือว่าอ่าน?
ตอบ : ลองเลย ไม่ต้องถาม อาตมาไม่เคยเสียเวลาถามหรอก เขาบอกมาอย่างไรก็ลองเลย ถาม : ถึงที่สุดนี่คือฌาน ๔ คล่องตัวหรือครับ? ตอบ : ถ้าทำถึงสมาบัติ ๘ ได้ก็เอา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2019 เมื่อ 01:35 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : จิตกับอทิสมานกาย คือ ตัวเดียวกันหรือเปล่าครับ?
ตอบ : อย่างเดียวกัน มันขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการเห็นลักษณะไหน ถ้าเราต้องการดูสีของจิต จะเห็นเป็นลักษณะสีของดวงจิต แต่ถ้าเราต้องการเห็นของลักษณะกายภายใน ก็จะเห็นเป็นอทิสมานกาย ถาม : แล้วอย่างพวกอรูปพรหม เราเห็นเป็นดวงจิตอย่างเดียว ทำไมไม่เห็นเป็นกาย? ตอบ : ก็เขาไม่มีกาย อรูปแปลว่าไม่มีรูป แล้วจะเอาที่ไหนมา ถาม : ไม่มีรูปเป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้มีรูปหรือครับ ? ตอบ : เป็นผู้เห็นโทษในรูป ก็เลยละรูปเสีย แต่ดันเป็นการละที่ผิดวิธี ถาม : เรียกว่าละเอาดื้อ ๆ เลยใช่ไหมครับ? ตอบ : ปัญญาท่านน้อยไปหน่อย แต่จะบอกว่าน้อยก็ไม่ใช่ มากกว่าเรามหาศาลเลย แต่ท่านน้อยกว่าพระพุทธเจ้า ก็เลยละผิดวิธี ถาม : แล้วว่าในพระอภิธรรมที่อธิบายว่าจิตมีลักษณะอย่างนี้ ๆ หลายแบบ ตอบ : เชื่อได้ แต่ไม่จำเป็นต้องศึกษาก็ได้ เพราะว่าถ้าทำถึงจะเข้าใจเอง แต่ถ้ามัวไปท่องอยู่ว่า จิตโดยสภาพมี ๘๙ ดวง โดยพิสดารมี ๒๑ ดวง เดี๋ยวก็บ้า..! แล้วต้องไปหาว่าโลภะจิตมีกี่ดวง โทสะจิตมีกี่ดวง กามาวจรจิตมีกี่ดวง...ตายพอดี! อาตมาไม่เคยท่อง...จำเอา มีพระอยู่รูปหนึ่งเรียนพระอภิธรรมอยู่ที่ชลบุรี บิณฑบาตในตลาดหนองมน โดนรถมอเตอร์ไซต์ชน ศีรษะฟาดพื้น สลบลงไป เป็นเจ้าชายนิทรา แต่ท่านท่องอภิธรรมอยู่ตลอด ทั้ง ๆ ที่สลบไสล ลักษณะนั้นตายแล้วเป็นพรหมแน่นอน คือ มันกลายเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจตนเองไปเลย ตอกย้ำตัวเองท่องอยู่ทุกวัน ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าชายนิทราก็ท่องอภิธรรมไปด้วย ถาม : ในเมื่อจิตเป็นของบริสุทธิ์ เมื่อจิตเกิดมาทำไมไม่ไปนิพพานเล่าครับ? ตอบ : มันบริสุทธิ์แค่นั้น บริสุทธิ์ไม่พอจะไปนิพพาน คำว่าบริสุทธิ์ก็คือบริสุทธิ์แค่นั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "พระอนุรุทธ พอขอขนมไม่มี จากพระมารดาแล้ว พระมารดาให้ถาดเปล่าไป เทวดาก็ต้องบันดาลขนมให้ เพราะว่าบุญของท่าน เกิดมาจะต้องมีทุกอย่าง พอบันดาลขนมทิพย์ให้ ท่านบอกว่าพอหยิบใส่ปาก รสชาติก็กำซาบซ่าน ไปตามประสาทรับรสทั้ง ๗,๐๐๐ เส้น แสดงว่าท่านแยกรสได้ละเอียดจริง ๆ เราก็มาสังเกตว่า ทำไมเรากินอะไรก็อร่อยไปทุกอย่างเลย? สงสัยว่าลักษณะนี้เหมือนกัน ว่าประสาทรับรสมันจะดีเกินชาวบ้านเขา
พอมาระยะหลัง ๆ เราสามารถบอกได้ว่ากับข้าวมีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง คิดว่านะ...คิดว่าท่านที่รับอาชีพผสมค็อกเทล หรือไม่ก็ชิมไวน์จะต้องมีประสาทรับรสแบบนี้ ไม่อย่างนั้นจะแยกรสไม่ออก มีอยู่วันหนึ่งโยมนำข้าวต้มมาถวาย ใส่ปากปุ๊บก็บอกว่า "ตกลงว่าต้มน้ำให้เดือด แล้วเอาข้าวเย็นใส่ลงไปใช่ไหม?" เขาก็บอกว่าใช่ เขาหุงข้าวก่อน แล้วก็ต้มน้ำ ตักข้าวสวยใส่ ลิ้นเรามันแยกได้ขนาดนั้น เพราะรสชาติมันไม่เข้ากันระหว่างน้ำกับเนื้อ อันนี้ไม่ใช่ทิพจักขุญาณแน่นอนขอยืนยัน มันเป็นประสาทลิ้นธรรมดา" ถาม : แล้วคนมีประสาทรับรสขนาดนี้ ไม่เป็นดาบสองคมหรือครับ? ตอบ : ถ้าไม่ติดหนักไปเลย ก็อาจจะเบื่อไปเลย ตอนที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดแรก ๆ มันเปิดที่โรงแรมอินทรา เราก็อยากกิน ก็ไปลอง เขาบอกว่าอาหารญี่ปุ่นวิเศษเลิศเลอนักหนา พอสั่งอาหารญี่ปุ่นมา เข็ดไปตลอดชาติเลย.. เราเทโชยุซีอิ๊วญี่ปุ่นลงไปเป็นถ้วย ๆ มันก็ยังแค่หวานปะแล่ม ๆ เท่านั้น จะว่าไปแล้วญี่ปุ่นเขากินอาหารสุขภาพ เพราะว่าเขาทานไม่จัด แต่สำหรับเราแล้ว รสชาติมันจืดชืดไม่เอาอ่าวเลย อาตมาเป็นคนชอบลอง ลองแล้วรู้ก็เลิก ตอนที่หูฉลามดังนักดังหนา อาตมาก็ไปลองดู สมัยนั้นราคา ๖๐๐ บาทก็มีให้ กินเข้าไปแล้วไม่เห็นปีกมันจะงอกบินได้เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-01-2010 เมื่อ 09:14 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่เรายังไม่พร้อมที่จะแนะนำธรรมะให้แก่คนทั่ว ๆ ไป อย่างนั้นถือว่าเป็นการขาดเมตตาหรือเปล่าครับ?
ตอบ : เมตตาได้ หาหนังสือ หาเทป หาซีดีที่เรามั่นใจให้เขาไปแทน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ประเทศเรามีภิกษุณีได้หรือเปล่าครับ?
ตอบ : ประเทศไทย ต้องถามว่าคณะสงฆ์อะไร? ของเรามีทั้งมหานิกาย จีนนิกาย อนัมนิกาย ธรรมยุตินิกาย ถ้าว่ากันตามสายเถรวาทของเรามีไม่ได้ เพราะว่าขาดสายไปนานแล้ว ถ้าหากว่าอยากเป็นภิกษุณี บวชตามเถรวาทไม่ได้ แต่ทางสายมหายานเขาบอกว่ายังมีอยู่ ถ้าอยากเป็นจริง ๆ ก็ไปบวชทางสายมหายาน ได้รับการยอมรับบ้าง ถึงแม้ว่าในบ้านเราไม่ยอมรับ แต่ว่าไปร่วมสังฆกรรมกับบรรดาสายมหายานเขายังยอมรับ ถาม : เถรวาทที่ศรีลังกา ยังมีภิกษุณีอยู่ ตอบ : ศรีลังกา เขาบวชแค่สามเณรี ไม่ใช่ภิกษุณี ถาม : ทั้งที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ถ้าพระพุทธศาสนามีภิกษุณี จะทำให้พระพุทธศาสนามีอายุสั้นลงครึ่งหนึ่ง เขายังอยากจะบวชกันอีก ตอบ : อยากมาก มันเป็นสักกายทิฏฐิตัวหนึ่ง คือ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในสภาพของฆราวาส ปฏิบัติแล้วบรรลุมรรคผลได้ง่ายกว่า แต่เขาอยากทำของยาก ถนนมีหลุมอยู่แค่ ๕ หลุม เดินเลี่ยงซ้ายเลี่ยงขวาก็พ้นแล้ว อยากจะเดินทาง ๓๑๑ หลุม ถ้าผ่านไปได้คงจะดัง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-01-2010 เมื่อ 09:53 |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พวกฤกษ์ยามต่าง ๆ นั้น หลวงพ่อเคยอธิบายว่า มันเกี่ยวกับการโคจรของดวงดาว แล้วการใส่เสื้อสีตามวันต่าง ๆ มันสามารถอธิบายให้เกี่ยวข้องกับทางหลักวิทยาศาสตร์ได้หรือเปล่าครับ ว่าทำไมมันถึงมีอิทธิพลดีขึ้น?
ตอบ : จิตเราจัดเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ในเมื่อจิตมันมุ่งมั่นว่าทำอย่างนั้นแล้วดี มันก็เลยส่งผลให้ดีขึ้น ถาม : เหมือนกับคนเชื่อดวง พอไปแก้ดวงทำนั่นทำนี่ แก้ฮวงจุ้ยสารพัด แล้วเขารู้สึกว่าดีขึ้นอย่างนั้นหรือครับ? ตอบ : ถ้าทำจริง ๆ ก็มักจะรู้สึกไม่ดี เพราะหมดเงินเยอะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|