มหายาน
เรื่องของพระจีน จริง ๆ เริ่มมาจากอินเดีย มันเกิดนิกายมหายานขึ้นมา อย่างของพวกเราเรียกว่า หินยาน หรือเถรวาท คำว่า หินยาน แปลว่ายานเล็ก ยานแคบ ส่วนมหายาน คือยานใหญ่
เขาบอกว่าพวกเราตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคผล เอาตัวรอดอยู่คนเดียว มันก็เลยเหมือนพาหนะเล็ก ๆ ไปได้แค่คนเดียว แต่พวกเขาตั้งใจปฏิบัติสายพระโพธิสัตว์ จะเป็นพระพุทธเจ้า ขนถ่ายสัตว์โลกเพื่อข้ามวัฏสงสาร เขาก็เลยเรียกตัวเองว่า มหายาน คือ ยานใหญ่ สามารถบรรทุกคนไปได้มาก
ทีนี้พออยู่ลักษณะนั้นมันก็เหมือนกับว่าหินยาน โดนเหยียบ เพราะเขาบอกว่าเป็นของหยาบ ของต่ำ เขาก็เลยเปลี่ยนมาเรียกเป็น เถรวาท คือ คำพูดของพระเถระ หมายถึงพระที่ร่วมกันสังคายนาพระไตรปิฎก ๕๐๐ รูปแรก เป็นมหาเถระทั้งหมด
จากการที่นักวิชาการศาสนาศึกษาวิเคราะห์กัน เขาบอกว่ามหายานเกิดขึ้นมาเพื่อสู้กับฮินดู เนื่องจากพระพุทธเจ้าของเราปรินิพพานแล้วไปเลย แต่ว่าฮินดูพระเจ้าของเขายังอยู่ ยังร้องขออยู่ได้ทุกวัน คนจึงรู้สึกว่าพระเจ้าของเขาใกล้ชิดมากกว่าก็เลยไปเลื่อมใสฮินดู ดังนั้นจึงต้องตั้งมหายานขึ้นมา มีพระโพธิสัตว์คอยสงเคราะห์คนอยู่ ส่วนพระพุทธเจ้าของเขาปรินิพพานแล้วไม่ได้ไปไหน ไปรออยู่ที่พุทธเกษตร ถ้าหากใครตั้งใจทำความดี แม้นึกถึงพระนามของพระองค์ท่านก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีพุทธเกษตรร่วมกับท่าน
เขาไปตีความว่าตั้งขึ้นมาเพื่อสู้กับฮินดูที่เขามีพระเจ้าอยู่ แต่เรามางง ๆ ว่า อาจไม่จริง มหายานไม่ใช่ตั้งขึ้นมาสู้กับฮินดู หากแต่ว่าคนที่ตั้งนิกายนี้ขึ้นมาเขาไปเห็นจริง ๆ ไปเห็นว่ามีพระโพธิสัตว์ ไปเห็นจริง ๆ ว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่ แต่เขาเรียกไม่ถูกว่าที่นั่นเรียกอะไร เขาก็เรียกว่า สุขาวดีพุทธเกษตร แล้วก็มาบัญญัติว่าแต่ละคนต้องทำความดีแบบไหน จึงได้ไปเกิดที่นั่น ถ้าหากเราจะเปรียบเทียบแล้วพุทธเกษตรของเขาก็เหมือนกับสวรรค์ชั้นดุสิต ที่มีพระโพธิสัตว์อยู่เยอะแยะ และแดนสุขาวดีก็คือนิพพาน อย่างพวกเราถ้าหากศึกษาธรรมมาระดับหนึ่งจะเห็นว่าทุกอย่างลงตัวหมด แต่นักวิชาการเขาไม่เชื่อตรงจุดนี้ เขาก็เลยพยายามที่จะโยงเรื่องเข้าไปให้ได้ว่า
มหายานเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ถ้าหากไปดูในสีสปาสูตร ที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกจากป่าประดู่ลาย ท่านถามว่าใบประดู่ในมือท่านกับใบประดู่ในป่าอย่างไหนมากกว่า พระภิกษุก็ตอบว่าใบประดู่ในป่ามีมากกว่าจนประมาณไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่าสิ่งที่ท่านสอนคือใบประดู่ในกำมือหนึ่ง แต่ที่ท่านรู้คือใบประดู่ในป่า ท่านเลือกเอาธรรมะมาสอนพวกเราเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์สุขในอนาคต เพื่อประโยชน์สูงสุดคือพระนิพพาน ธรรมอันเป็นส่วนเนิ่นช้าท่านไม่สอน ไม่ใช่ว่าไม่มี ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่ไม่สอน
คราวนี้พอบรรดาครูบาอาจารย์ยุคหลังพอได้ทิพจักขุญาณบ้าง ได้อภิญญาบ้าง ท่านไปเจอเข้าว่ามีพระโพธิสัตว์ ท่านคงชอบใจปฏิปทานั้น ตัวท่านเองอาจมาสายพระโพธิสัตว์ด้วย ก็เลยเอามาสอน ว่าการจะเป็นพระโพธิสัตว์อย่างน้อยต้องสร้างบารมี ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป กว่าจะบรรลุพระพุทธเจ้าช้าขนาดไหน พระพุทธเจ้าท่านไม่สอนเพราะว่าทำให้ช้า แต่ว่าอาจารย์ที่ท่านชอบใจท่านเอามาสอน ก็เลยกลายเป็นสายมหายานขึ้นมา ถ้าเรารู้ที่มาที่ไปอย่างนี้มันจะจบ แต่ถ้าเราไม่รู้ที่มาที่ไป ก็ไปนั่งเถียงอยู่นั่นแหละ ว่าเกิดขึ้นมาเพราะอะไร ทำไมมหายานจึงได้นอกทุ่งนอกท่าบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนขึ้นมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|