กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #161  
เก่า 25-12-2018, 08:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้บ้างว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฮิตเลอร์บันทึกชื่อชาวยิวอยู่เกือบ ๓๐๐ ชื่อ กะว่าถ้ายึดโลกได้ ๓๐๐ คนนี้ตายหมด..!

มายุคอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็มีการทำบัญชีรายชื่อบรรดาผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น อยู่ในลักษณะของการป้องปรามว่าให้อยู่ในกรอบ อยู่ในลู่ อยู่ในทาง ไม่อย่างนั้นจะโดน เล่นเอาท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุนคนปัจจุบัน ก็คือท่านนายกจิระชัย ถนอมวงศ์ เครียดเสียจนผอม ปกติท่านเป็นคนอ้วน ถามว่า "นายกฯ เป็นอะไรวะ ?" ท่านบอกว่า "เครียดครับ อยู่ ๆ มาขึ้นบัญชีผมเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น" ช่วงนี้ท่านเริ่มอยู่ดีกินดี อ้วนขึ้นมาอีกหน่อย

ที่พูดถึงเรื่องนี้เพราะว่าปัจจุบันนี้ มีบางหน่วยงานขึ้นรายชื่อบุคคลที่คิดว่ามาถ่วงความเจริญของประเทศชาติไว้ ถ้าหากว่ามีอำนาจเต็มในมือ หรือว่าได้รับคำสั่งเมื่อไร จะมีการกวาดล้างใหญ่ อันนี้เป็นการบอกเหตุล่วงหน้า เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะได้ไม่ตกใจกันมาก"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2018 เมื่อ 15:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #162  
เก่า 25-12-2018, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราจะเห็นว่ายังไม่ทันที่จะมีการเลือกตั้งเลย ก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว ก็แสดงว่าสิ่งที่ คสช. พยายามจะสร้างความปรองดองและสมานฉันท์นั้นเป็นไปไม่ได้ แล้วสิ่งที่ คสช. กระทำมาโดยตลอดในสายตาชาวบ้านทั่วไป ก็อยู่ในลักษณะ ๒ มาตรฐาน นี่ว่ากันตรง ๆ อย่างชนิดไม่เข้าข้างใครเลย

ในเมื่อเป็นในลักษณะนี้บ้านเราจะไปไม่ได้ ในเมื่อบ้านเราจะไปไม่ได้ ก็จะต้องมีผู้เสียสละ แต่ว่าผู้เสียสละนี่ อย่างเช่นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็แบกชื่อของความโหดเหี้ยมติดตัวไปจนตาย สมัยนี้ถ้าใครทำตัวเป็นผู้เสียสละ “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ก็คงจะอยู่ในลักษณะเดียวกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2018 เมื่อ 15:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #163  
เก่า 25-12-2018, 08:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ต้องบอกว่า คสช. ทำผิดตั้งแต่แรก ที่ให้ร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะทำลายพรรคใหญ่ให้เป็นพรรคเล็ก ไม่ว่าประเทศใดในโลก ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ต่างพยายามให้พรรคการเมืองในประเทศเหลือแค่ ๒ พรรค แล้วก็ยอมรับว่า ถ้าชาวบ้านเลือกใครมากกว่า คนนั้นต้องมีอำนาจตามระยะเวลาที่ชาวบ้านเขาให้ ถ้าพ้นจากระยะนั้นไป ก็ให้ชาวบ้านเขาตัดสินกันใหม่

เราจะเห็นว่า
แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในสายตาชาวโลก เขาเหมือนกับตัวตลกบ้า ๆ บอ ๆ แต่คนอเมริกันก็ต้องยอมรับ เพราะว่าเลือกเขาเข้ามา ในเมื่อเลือกเขาเข้ามาก็คือ คุณก็ทำงานไปตามระยะเวลา แต่หลังจากพ้น ๔ ปีไปแล้ว เราจะเลือกคุณหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา นี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริง คือเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของประชาชน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2018 เมื่อ 15:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #164  
เก่า 25-12-2018, 09:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ในปัจจุบันของบ้านเรา แทนที่จะให้เหลือพรรคใหญ่แค่ ๒ พรรค ซึ่งในสมัยท่านนายกฯ ทักษิณเกือบจะทำสำเร็จแล้ว แต่เขาไปเห็นว่าเป็นลักษณะของการผูกขาดแบบเผด็จการสภา แล้วลักษณะการผูกขาดก็คือ อีกฝ่ายหนึ่งอิ่มหมีพีมัน แต่ฝ่ายของตัวเองอดอยากปากแห้ง ก็เลยต้องเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ แล้วเขาก็ก่อกวนทำจนสำเร็จ นี่คือสิ่งที่จะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปชั่วฟ้าดินสลายเลย ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้

ผิดก็คือผิด ในเมื่อร่างกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญออกมา ก็กลายเป็นทำลายพรรคใหญ่ให้เหลือพรรคเล็ก เพื่อที่จะจัดการกับอีกฝ่ายหนึ่ง แม้กระทั่งการแบ่งเขตเลือกตั้งปัจจุบัน ก็มีการโวยวายกันว่าเอื้อบางพรรค ขณะเดียวกันก็ทำลายบางพรรค เป็นต้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2018 เมื่อ 15:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #165  
เก่า 25-12-2018, 09:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเมื่อลักษณะอย่างนี้ ประชาธิปไตยบ้านเราจะอ่อนแอไปอีกหลายปี ๘๐ กว่าปีที่ประชาธิปไตยบ้านเราล้มลุกคลุกคลานมา ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ มาจนถึงบัดนี้ กำลังจะเข้าสู่ภาวะของประชาธิปไตยที่ชาวโลกทั่วไปยอมรับ ก็มาโดนการปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วก็ทำลาย จนกระทั่งพรรคการเมืองต้องแตกสลายออก ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่พรรคการเมืองจะจดทะเบียนได้มากเท่ากับยุคนี้ แล้วชาวบ้านจะเลือกกันอย่างไร ? ในเมื่อมาพรรคโน้นคนหนึ่ง พรรคนี้คนหนึ่ง ก็เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่สามารถที่จะเป็นสิทธิ์เป็นเสียงให้กับชาวบ้านได้ และนักการเมืองก็กลายเป็นเหยื่อให้ถูกชักจูง ให้ถูกดึงไปเป็นพวกได้ง่าย

เพราะฉะนั้น..บ้านเราถ้าอยู่ลักษณะนี้จะพิกลพิการไปอีกนาน โดยเฉพาะ คสช. วางแผนสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญถึง ๒๐ ปี เป็นเรื่องที่น่าสงสารบ้านเราเมืองเรา บรรดาท่านที่มองเห็นความผิดพลาดใหญ่ตรงจุดนี้ ก็น่าจะอยู่ในลักษณะของการที่เรียกว่าล้างบาป ก็คือทำอย่างไรที่จะจัดการแก้ไขความผิดพลาดตรงนี้ให้ได้ ก็จะต้องมีอะไรที่ใช้กำลังหรือความรุนแรงขึ้นมา ถึงจะสามารถจัดการตรงนี้ลงไปได้ เมื่อถึงเวลาพวกเราก็อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน นึกถึงพระเอาไว้ อะไรจะเกิดขึ้นช่างมัน อาตมาบอกได้แค่นี้ ถ้าหากไม่เกิด...ถือเป็นกรรมของประเทศชาติ ถ้าเกิด...ก็ถือเป็นบุญของประเทศชาติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2018 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #166  
เก่า 26-12-2018, 08:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะมีฮีโร่ไหมคะในยุคนี้ ?
ตอบ : สมัยนี้ไม่มีฮีโร่ เพราะว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยกิเลส ถึงเวลาก็แค่กบเลือกนาย หรือไม่ก็เปลี่ยนเหลือบฝูงใหม่เท่านั้น

ข้าราชการไทยที่จะสำนึกตัวว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีน้อย ส่วนใหญ่ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อพวกพ้อง อะไรที่สามารถกอบโกยเป็นผลประโยชน์เข้ามาได้ก็จัดการทันที น่าเสียดายข้าราชการดี ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงบ่มเพาะเอาไว้ ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมามีอำนาจอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็เกษียณอายุบ้าง พ้นตำแหน่งไปบ้าง ต้องบอกว่าโอกาสที่ประเทศเราจะดีขึ้นมีน้อยมาก

ปีหน้าเริ่มหล่อพระทองคำแล้ว คาดว่าอะไรอะไรจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่แหม...นี่ตกต่ำอยู่ใต้สะดือทะเลเลย กว่าจะขึ้นมาถึงพื้นทะเลก็ยาก อย่าว่าแต่โผล่พ้นทะเลมาบนบก แล้วยังจะต้องขึ้นเขาอีก อาตมาเองไม่รู้จะได้อยู่ดูตอนสำเร็จจริง ๆ หรือเปล่า ได้ยินก็แค่ทำใจ

อย่าไปตื่นเต้นมาก หัดปล่อยวางให้ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเครียดตาย ทำมาหากินไปตามปกติ ปฏิบัติไปตามกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรมตามปกติ อะไรจะเกิดก็ย่อมเกิด Whatever will be, will be. ต้องยอมกันบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2018 เมื่อ 08:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #167  
เก่า 26-12-2018, 08:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จริง ๆ แล้วสำนวนฝรั่งบางสำนวนก็สุดยอดจริง ๆ ต้องบอกว่าทุกชาติเขามีคำคมของตัวเอง แบบเดียวกับกะเหรี่ยง กะเหรี่ยงตัวเล็ก แต่คำคมกะเหรี่ยงนี่แสบมาก บอกว่า “ตัวใหญ่ย่อมไร้ปัญญา” เราถ้าไปยืนเทียบกัน เขาสูงไม่ถึงไหล่ พวกเราเลยกลายเป็นคนไร้ปัญญาไป

แต่ว่าไปเจอกะเหรี่ยงจริง ๆ ในเขตพะอาง หรือว่าในเขตลอยกอ คือพะอางเป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ลอยกอนี่เป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยงแดง ก็คือรัฐกะยา กะหยิ่นกับกะยา ก็คือกะเหรี่ยงขาวกะเหรี่ยงแดง ปรากฏว่ากะเหรี่ยงทางนั้นสูงใหญ่เป็นฝรั่งเลย ถ้าหากว่าไม่เคยเห็นว่ากะเหรี่ยงสูงใหญ่เป็นอย่างไร ก็ให้ดูตัวอย่างท่านโมเช่ ท่านมาจากที่นั่น สูงกว่าอาตมาอีก

ตอนนี้พม่าว่าน่าสงสารแล้ว ประเทศเรายิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ สองประเทศที่เป็นอันดับต้น ๆ เลยของมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกยุคนั้น ปัจจุบันนี้แข่งกันตกต่ำ ขณะเดียวกันประเทศอื่น ๆ กลายเป็นว่าแซงหน้าไป ๆ ของพม่าต้องบอกว่าอองซานซูจีต่อให้เก่งขนาดไหน
ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็ไปไม่รอด อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือทหาร เราจะเห็นว่าซูจีโดนยึดรางวัลสันติภาพโลก โดนยึดรางวัลนั่นรางวัลนี่ จริง ๆ แล้วชาวโลกเขาก็ต้องเห็นว่าซูจีไม่มีอำนาจ เพราะว่าอำนาจอยู่กับปากกระบอกปืน ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เขาใช้วิธียึดรางวัลเพื่อกดดัน ซึ่งกดดันไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัวซูจีเองสมัยก่อนก็โดนกักอยู่ในบ้าน ๒๐-๓๐ ปี

อาตมาไปพม่าใหม่ ๆ เพื่อนพระพม่าท่านเตือนเลย ห้ามพูดถึงเด็ดขาด ๒ คำ “อองซานซูจี กับ Democracy” พูดถึงเมื่อไรเตรียมติดคุกได้เลย แต่เขาไม่เรียกคุกนะ เขาเรียกว่าสวรรค์ บอกว่าจะส่งไปขึ้นสวรรค์ที่อินเส่ง ก็คือคุกที่ขังนักการเมือง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2018 เมื่อ 08:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #168  
เก่า 26-12-2018, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อริสโตเติ้ลบอกมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณว่า “ความดีของคนหมดไปทันทีที่เข้าไปเล่นการเมือง” เป็นอมตะวาจามาได้จนถึงทุกวันนี้

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าไม่มีหลักธรรมในการยึดโยง อย่างข้าราชการสมัยโบราณมีอะไรเป็นเครื่องยึดโยง ? มีสัจจะ สัจจะตรงไหน ? ถวายสัจจะปฏิญาณด้วยการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ว่าจะซื่อสัตย์ต่อราชบัลลังก์ ว่าจะทุ่มเทให้กับการถวายการรับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท พูดง่าย ๆ คือทำงานราชการยอมสละแม้แต่ชีวิต นั่นคือหลักธรรมที่คนโบราณเขามี ปัจจุบันนี้หลักธรรมหายหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2018 เมื่อ 08:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #169  
เก่า 26-12-2018, 08:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าที่กล่าวถึงท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา ที่เป็นผู้ประสานงานในการสอบธรรมศึกษาโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา บอกว่าไปนั่งสมาธิที่พระเจดีย์วัดท่าขนุนแล้วเห็นพระฤๅษีมา ถามว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ? อาตมาก็บอกว่า อันดับแรกอาจารย์ต้องนึกก่อนว่าตัวเรามานั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

ส่วนใหญ่การเจริญสมาธิของเราก็หวังอยู่ ๒ อย่าง คือความสุขในปัจจุบัน กับการพ้นจากกองทุกข์ เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการนั่งสมาธิ สิ่งที่มารบกวนอย่างหนึ่งคือนิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นสายวัดป่านี่ท่านให้ทิ้งหมดเลย สายพองยุบก็ให้ทิ้งหมดเลยเช่นกัน "เห็นหนอ..เห็นหนอ" อย่างเดียวแต่ไม่สนใจเลย ก็เลยบอกว่าอาจารย์ต้องดูว่าเราตั้งใจนั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

เรานั่งสมาธิเพื่อความสงบก็ตัดทิ้งไปเสีย อาจารย์ธรรมจักรถามว่าแล้วในเรื่องของมโนมยิทธิละครับ ? ก็บอกว่ามโนมยิทธินั่งเพื่อการรู้เห็น รู้เห็นเพื่อให้ละวาง ก็คือเราจะรู้ว่าภพไหนภูมิไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลายังไม่หมดกิเลสก็ยังเวียนว่ายตายเกิด ต้องทุกข์ยากอีก เมื่อเรารู้ว่าภพภูมิที่หมดกิเลสอย่างแท้จริงคือพระนิพพาน ก็ต้องตั้งเป้าหมายว่าเราต้องไปที่พระนิพพาน แต่ส่วนใหญ่พอเราไปรู้แล้วก็มักจะหลงทาง

อาตมาเคยเตือนหลายคนแล้วเขาไม่ฟัง ที่ไม่ฟังเพราะว่าการรู้เห็นเหมือนกับว่าดึงดูดพาเราให้ถลำลึกเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ในสมัยก่อน ทำให้เกิดความรู้สึกปลื้มใจ ภูมิใจ ว่าเราทำได้ เรารู้ได้ โดยที่ลืมสังเกตไปว่าการรู้เห็นนั้น ๆ ไม่ได้ช่วยในการละกิเลสเลย"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2018 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #170  
เก่า 26-12-2018, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ดังนั้นถ้าจะปฏิบัติให้ถูกต้องมีวิธีเดียวก็คือ ไม่ต้องใส่ใจ เราภาวนาอย่างไรก็ภาวนาต่อไป ถ้าหากว่าท่านใดเมตตามาสงเคราะห์ มีอะไรว่ามาตรง ๆ อย่ามาให้เห็นเฉย ๆ ถ้าให้เห็นเฉย ๆ ก็แค่รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ ก็นิมนต์ท่านอยู่ตรงนั้นแหละ เราก็ปฏิบัติของเราต่อไป

เพราะว่าการรู้เห็นนั้นมีโทษมากกว่าประโยชน์ ที่ว่ามีโทษก็คือ หลายเรื่องเป็นเรื่องเกินกฎของกรรม ถ้าเรารู้แล้วไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดเท่าไรนี่ เดือดร้อนมาเยอะแล้ว คนที่รู้แล้วจะรู้ว่าพูดได้เท่าไรก็มีน้อยเสียด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่รู้เห็นแล้วก็ว่าไปเรื่อย บางอย่างรู้ ๑๐๐ ท่านให้พูดได้แค่ ๑ แค่ ๒ อกจะแตกตาย...!

อาตมาสมัยฝึกใหม่ ๆ เจอมาแล้ว บอกใครไม่ได้แล้วมาให้รู้ทำไม ? เสร็จแล้วก็พากันหลงเตลิดเปิดเปิงไปก็เยอะ พอคนเขาชม แหม...รู้เห็นได้แม่นจริง ๆ เลย อะไรจะชัดเจนแจ่มใสขนาดนี้ พูดทุกอย่างเหมือนกับตาเห็นเลย เราก็หลงเตลิดเปิดเปิงไป เป้าหมายที่แท้จริงในการที่จะละกิเลส ก็เลยกลายเป็นเพิ่มกิเลสขึ้นมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2018 เมื่อ 13:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #171  
เก่า 27-12-2018, 19:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราทำยังไม่ถึงที่สุด แล้วมีท่านมาสงเคราะห์เราในนิมิต แนะนำเราอยู่ในขอบเขตทาน ศีล ภาวนา เราควรจะเอาไปปรับใช้ หรือควรจะวางไว้ก่อน หรือเราอาจจะคิดไปเอง ?
ตอบ : ระมัดระวังทุกลมหายใจว่าอาจจะพลาด อาตมาเสียพระอภิญญาไป ๑ รูปเพราะอย่างนี้ เพราะสิ่งที่เขาบอกคือความจริง ๘๐-๙๐% แล้วเขาแทรกตรงที่ไม่ใช่ไว้แค่นิดเดียว แต่ท้ายสุดเราลองคิดดูว่า ถ้าเราเริ่มต้นเบี่ยงออกจากเป้าหมาย ๑ องศา อีก ๑๐๐ กิโลเมตรข้างหน้าเราจะห่างเป้าหมายไปเท่าไร ? เขาหลอกได้ขนาดนั้น เสียไปแล้วก็เสียดาย

ทุกวันนี้ที่เสียดายก็คือท่านเป็นฆราวาสแล้วท่านยังคงปฏิบัติเป็นปกติ แต่คนอื่นเห็นว่าท่านผิดปกติ เพราะว่าไปไหนก็นั่งเงียบ ไม่อย่างนั้นเราจะมีพระอภิญญาอีกหนึ่งองค์เอาไว้สำหรับเป็นเนื้อนาบุญของเราได้ ดังนั้น..การรู้เห็นจึงมีโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะว่าทุกคนจะมีความเชื่อมั่น จะเรียกว่าดื้อก็ได้ ตรงที่ว่าเราเห็นเราจึงเชื่อ พอเราเชื่อ คนอื่นเตือนก็ไม่ฟังแล้ว ก็ในเมื่อเห็นชัด ๆ ได้ยินชัด ๆ แล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นไปตามนั้น ๘๐-๙๐% แล้วก็เชื่อว่าที่เหลือ ๑๐ หรือ ๒๐% นั่นต้องใช่ด้วย...ก็เตลิดเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2018 เมื่อ 19:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #172  
เก่า 27-12-2018, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยที่อาตมาปฏิบัติอยู่นี่ เหมือนอย่างกับเดินอยู่บนผิวน้ำแข็งบาง ๆ ระวังตัวอยู่ทุกฝีก้าวยังเกือบตาย เพราะว่าบางทีสภาพจิตก็สุดยอด ปีหนึ่งก็แล้ว ๒ ปีก็แล้ว ๓ ปีก็แล้ว กิเลสไม่เกิดเลย นี่เราท่าจะบรรลุแล้วกระมัง ? กว่าจะรู้ตัวอีกทีเหมือนกับแผ่นดินค่อย ๆ ลดลงทีละมิลลิเมตรโดยที่เราไม่รู้ตัว เดินไป ๆ หันมามองอีกที...ตายห่า..! ลงไปอยู่ก้นเหวตอนไหนไม่รู้ ?!?

ต้องระมัดระวังสุดชีวิต ตราบใดที่เป็นนักปฏิบัติ ไอ้ที่จะไม่หกล้มหกลุก ไม่ผิดไม่พลาดนั้นไม่มีหรอก แต่พลาดแล้วให้รีบแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขเดี๋ยวก็ไปไกลอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2018 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #173  
เก่า 27-12-2018, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วถ้าเราสนนิด ๆ พอให้กระชุ่มกระชวยได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าระวังเอาไว้ทุกลมหายใจ พลาดเมื่อไรก็เดี้ยงเมื่อนั้น เราจะเห็นว่าทำไมสายหลวงปู่มั่นพระท่านได้มรรคได้ผลกันมาก ? เพราะว่าท่านทิ้งเรื่องพวกนี้เลย ท่านไม่เอาเลย แต่พอถึงเวลาแล้วถ้าหากว่าวิสัยเดิมของท่านมี ถึงเวลาเรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาก็จะเกิดขึ้นเอง

ถาม : อย่างฤทธิ์ทางกายอย่างนี้ ?
ตอบ : ก็ติดอยู่ตรงนั้นเยอะแล้ว เพราะว่าพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา พอเราทำได้แล้วสายตาคนทั่วไปจะเห็นเป็นผู้วิเศษ พอถึงเวลาชื่อเสียงลาภยศไหลมาเทมา เราก็เสียหมาเองโดยไม่รู้ตัว ไปหลงยึดติดอยู่ตรงนั้น มีหลายคนที่เตือนแล้วไม่ฟังเพราะว่า "ชอบที่มีคนมาห้อมล้อม" บางคนก็ว่าอาตมาไร้น้ำใจ ใครมาผิดท่าไล่กระเจิงหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2018 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #174  
เก่า 27-12-2018, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถามท่านอาจารย์บ๊ะว่าท้าวแสนโกฏิดีตรงไหน ? ท่านบอกว่าเน้น ๆ เลยนะครับ ใครพกเอาไว้ก็เป็นโรคน้อยหน่อย สรุปแล้วท่านคงเบื่อที่จะรักษาพวกเราแล้ว เอาท้าวแสนโกฏิไปก็แล้วกัน

เกิดเป็นคนจะไม่มีโรคเป็นไปไม่ได้ บาลีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลย สังขารัง โรคะนิทธัง ปะภังคุณัง สังขารทั้งหลายเป็นรังของโรค มีการเน่าเปื่อยเป็นธรรมดา สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ สัพเพ ธัมมา อะนัตตา ทุกอย่างไม่สามารถยึดมั่นเป็นตัวเป็นตนได้ ถึงเวลาก็พังราบ อาตมาแปลตามใจตัวเอง...ฟังง่ายหน่อย"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2018 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #175  
เก่า 27-12-2018, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (พิจารณาร่างกายแบบใช้ปัญญา)
ตอบ : ก็คือดูร่างกายของเรา ทั่ว ๆ ไปก็สายตาเริ่มยาว ฟันคลอน...หลุด ผิวหนังเหี่ยว ร่างกายเคลื่อนไหวยาก จากที่เคยกระฉับกระเฉง ก็เริ่มปวดนั่นเจ็บนี่ จากที่เคยเดินได้คล่อง ก็ชักจะกระย่องกระแย่ง จริง ๆ แล้วร่างกายแสดงให้เห็นชัด ๆ เลย ว่าก้าวไปหาความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่มีสิ่งที่ปิดบังเอาไว้มาก อย่างเช่น ความสืบเนื่อง ที่บาลีเรียกว่า สันตติ ปิดบังความอนิจจัง คือความไม่เที่ยง เกิดดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา เซลล์ร่างกายของเราวันหนึ่ง ๆ ดับเป็นแสนเป็นล้าน แต่ร่างกายก็สร้างขึ้นมาใหม่ ในเมื่อเป็นสันตติ ก็คือสร้างใหม่ต่อเนื่อง ๆ ๆ ๆ ก็เลยปิดบังความเสื่อมของร่างกาย จนบางทีเราก็นึกไม่ถึง

แล้วก็อิริยาบถ ก็คือการเคลื่อนไหว ปิดบังความทุกข์ เพราะว่าถึงเวลาเราเมื่อยเราก็ขยับ ไปยืน ไปเดิน ไปทำอย่างอื่น ก็เลยไม่เห็นว่าจริง ๆ แล้วร่างกายมีทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลา แล้วท้ายที่สุด ฆนะ คือความควบแน่น ความจับเป็นก้อน ความเป็นตัวตน ปิดบังอนัตตาไว้

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2018 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #176  
เก่า 27-12-2018, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างตึกทั้งหลังนี้เราก็เห็นว่าแข็งแรงดี แต่ลองจับแยกออกดูสิ นี่คือทรายเป็นเม็ด ๆ นี่คือปูน นี่คือเหล็ก ร่างกายของเราก็เหมือนกัน นี่คือดิน นี่คือน้ำ นี่คือลม นี่คือไฟ แต่พอรวมกันเป็นตัวเป็นตน เป็นก้อนขึ้นมา เป็นแท่งขึ้นมา เราก็มองไม่เห็นแล้ว เพราะว่าปัญญาไม่ถึง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ปิดบังความจริง ทำให้เราเข้าไม่ถึงอริยสัจ ลองนึกถึงตึกหลังนี้แล้วเราก็รื้อสิ เอาอิฐออก เอาปูนออก เอาทรายออก เอาเหล็กเส้นออก ก็ไม่เหลืออะไร ท้ายสุดก็กลายเป็นส่วน ๆ ไป แล้วในแต่ละส่วนมาจากไหน ? ก็มาจากดิน มาจากน้ำ มาจากลม มาจากไฟ

สมัยก่อนที่อาตมาฝึกใหม่ ๆ แยกจนไม่มีอะไรเหลือแม้แต่นิดเดียว กว่าจะรู้ตัว อ้าว...เป็นอรูปฌานไปตอนไหนวะ ? รู้แต่ว่าตัวเองชอบแยกก็แยกไปเรื่อย ด้วยความที่เคยทำทางด้านนี้มาในอดีต ถึงเวลากลายเป็นอรูปฌานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ? ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว พอไม่เหลืออะไรก็เหลือแต่ความว่าง อารมณ์นี้เป็นอารมณ์ของอรูป ก็คือไร้รูป

บางทีเวลานำญาติโยมเจริญกรรมฐาน โยมไม่รู้ว่าโดนลากไปอรูปฌานแล้ว เพราะว่าท้ายสุดอาตมาก็ปิดด้วยพุทธานุสติ อุปสมานุสติ นึกถึงพระ นึกถึงพระนิพพาน เลยรอดตายไป แต่ถ้าหากว่าให้ไปทำเอง ดีไม่ดีก็หลงเตลิดเปิดเปิง เพราะว่าอรูปฌานนิ่งและสงบมาก ๆ ถ้านิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวก็เจ๊ง

หลวงพ่อพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) วัดดอน ยานนาวา ท่านบอก “ข้าวบูดของดาบส” อะไรล่ะ? “ดาบสคือนักปฏิบัติ ส่วนข้าวบูดกินได้ไหมเล่า ?” อรูปฌานเป็นข้าวบูด ถึงเวลาต้องรีบใช้ในการตัดกิเลส ถ้าไม่ได้ใช้อรูปฌานก็เป็นข้าวบูดของดาบส คือนักบวชถึงมีก็กินไม่ได้ กินเมื่อไรก็ติดอยู่แค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2018 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #177  
เก่า 27-12-2018, 20:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอใช้อรูปฌานในการตัดกิเลสทำให้มีกำลังสูงมาก เพราะว่ามีการพิจารณาเหมือนวิปัสสนาญาณ เพียงแต่ว่าตอนท้ายไม่มีตัวสรุปจบเท่านั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าอ่านตามวิสุทธิมรรคท่านว่าแค่ชั่วเคี้ยวหมากแหลกก็สามารถสำเร็จอรหันต์ได้ แต่ท่านบอกว่าพิจารณาให้ดีนะ หมากแข็งหรือหมากอ่อน คนเคี้ยวมีฟันหรือมีแต่เหงือก..!

สมัยก่อนเวลาหลวงพ่อวัดท่าซุงคุยเรื่องพวกนี้ พวกเราก็นั่งน้ำลายหยดติ๋ง เมื่อไรจะทำได้บ้างวะ ? กลายเป็นเอากิเลสนำหน้า แต่ว่าเป็นกิเลสในด้านดี เพราะอยากดีถึงได้ทำ ถึงเวลาท้าย ๆ ท่านก็จับเราหันตรงทาง แล้วปล่อยเราเดินเอง ตอนหลงทาง บางทีท่านก็ปล่อยหลงเตลิดเปิดเปิงไป จะได้บทเรียนเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นดื้อนัก

อาตมาถึงได้บอกว่า บางอย่างหลงอยู่ ๓ ปี พอเข้าทางได้วิ่งไปหาหลวงพ่อ “เออ...ให้รู้จักฉลาดเสียบ้าง จะดูว่าเอ็งโง่ได้นานเท่าไร” ไม่มีเลยที่จะบอกดี ๆ ปล่อยให้หลงเตลิดเปิดเปิงอยู่เรื่อย อาตมาก็เลยติดนิสัย ถ้าเห็นลูกศิษย์หลงทางจะมีความสุขมาก แหม...ช่างเหมือนกันดีจริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2018 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #178  
เก่า 27-12-2018, 20:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ไปล้มตอนไปกฐินปลดหนี้ เอ็นช่วงแขนซ้ายขึ้นมาถึงคอพลิก ต้องไปให้เขาแคะออก เจ็บมากขนาดดิ้นเลย ก็เลยลองพิจารณาดูว่ามีร่างกายแล้วต้องเจ็บแบบนี้ ให้จิตมันปล่อยร่างกาย โดยไม่ใช้วิธีหลบให้หายเจ็บเฉย ๆ ...รู้ทั้งรู้ว่าปล่อยไปจะหายเจ็บ แต่ก็ยังไม่ปล่อย ยึดไว้อยู่อย่างนั้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่ายึดมาไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติแล้ว ในเมื่อยึดเสียขนาดนั้นกลายเป็นวสีคือความชำนาญ แปลว่าเกิดความชำนาญในการยึด ที่จะไปทิ้งมันยาก ทิ้งไม่ได้เพราะหวง รักมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-12-2018 เมื่อ 08:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #179  
เก่า 27-12-2018, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมรู้สึกว่าหลายปีที่ผ่านมากรรมฐานไม่ก้าวหน้าครับ กราบขอคำแนะนำครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไร ที่ไม่ก้าวหน้าส่วนใหญ่ยังทำขาด อาตมาว่าคนที่ไม่ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำเกินก็ทำขาด ของเราที่ในปัจจุบันนี้ทำขาดทั้งนั้น เพราะว่าเราไม่ได้สังเกตดูว่า สิ่งที่เราทำผ่านมานั้นเราทำอะไรบ้าง บางอย่างอยู่ในระยะที่ว่าต้องสะสมกำลังให้เพียงพอที่จะก้าวหน้า หรือว่าก้าวผ่านจากจุดปัจจุบันนี้ไป ซึ่งต้องใช้ความเพียรพยายามมากและสม่ำเสมอ คราวนี้ของเราถ้าตัวความเพียรก็คือขยันให้มากขึ้น และทำให้สม่ำเสมอ ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งก็เจ๊งเลย

เพราะฉะนั้น...เหลือแค่นี้เท่านั้นแหละ ว่าต้องขยันและสม่ำเสมอ ทำย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ตรงจุดเดิม เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ ถ้ากำลังพอจะก้าวผ่านไปได้เอง นี่เป็นปัญหาที่เจอกันเยอะมาก

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2018 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #180  
เก่า 27-12-2018, 21:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,263
ได้ให้อนุโมทนา: 153,667
ได้รับอนุโมทนา 4,439,010 ครั้ง ใน 34,867 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : รู้สึกว่าตัวเองในชีวิตมีหน้าที่จะต้องทำ ตราบใดที่หน้าที่ของเรายังไม่บรรลุ ก็จะทำให้ไม่ก้าวหน้าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เราต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อการปฏิบัติ แบบเดียวกับอาตมาเป็นฆราวาสตื่นตั้งแต่ตี ๓ เพื่อที่จะเอาเวลาตี ๓ ถึง ๖ โมงเช้ามาปฏิบัติ ขนาดเป็นทหารอยู่นอนตี ๒ พอตี ๓ ยังต้องตื่น เพราะว่าถ้าเราขาดความสม่ำเสมอเมื่อไรจะเหมือนกับถอยหลัง เราจึงต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อการปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นแล้วจะก้าวหน้ายาก

ถาม : ผมควรจะไปเข้าป่าสักพักหนึ่งไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีภาระอะไรที่ต้องรับผิดชอบ หรือสามารถทิ้งได้โดยมีคนจัดการแทน ไปเสียหน่อยก็ดี ไปแล้วจะรู้ว่าเรามาทำไม อยู่บ้านก็ทำได้เหมือนกัน...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2018 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว