|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#181
|
||||
|
||||
![]()
"ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ งูใหญ่ที่ถ้ำกระแซนั้นโด่งดังไปทั่วโลก กินทหารญี่ปุ่นไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ใหญ่ที่เอาตัวรอดมาได้นานขนาดนั้น ต้องมีความสามารถในการพรางตัว แทบจะมีญาณหยั่งรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย
ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นงูที่พวกผีหรือเทวดาเขาแปลงขึ้นมา หรือไม่ก็พวกอชคราทิเปรต พวกนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่ต้องไปถ่ายรูปเขาหรอก ไม่ได้อย่างแน่นอน ที่อาตมาเองไปเจอก็ไม่รู้ว่าตัวใหญ่แค่ไหน เพราะว่าเป็นเวลากลางคืน อยู่ในถ้ำ มองอะไรก็ไม่เห็น รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมา ๕ ทุ่มกว่า ปวดปัสสาวะก็ไปถ่ายที่หน้าถ้ำ เสร็จแล้วก็กลับเข้ามาข้างใน กะเหรี่ยงเขาทำเป็นกระต๊อบไม้ไผ่เล็ก ๆ อยู่ในถ้ำ ความกว้างก็แค่กางกลดได้ พอกางกลดแล้วก็ชนผนังซ้ายขวาพอดี ตอนกลับเข้ามาในกุฏิ ความรู้สึกบอกชัด ๆ เลยว่า "ให้ปิดประตูซะ เดี๋ยวงูใหญ่จะมา" ด้วยความรั้น ง่วงก็ง่วง หนาวก็หนาว ไม่สนใจที่จะไปปิดหรอก พอมุดเข้ากลดได้ก็นอนภาวนาเอาจีวรตีโปงแก้หนาว ไม่กี่นาทีประตูกุฏิที่เปิดอยู่ก็มีสิ่งแปลกปลอมมุดเข้ามา อาตมานอนอยู่ เขาเองก็มาลักษณะเหมือนกับเลื้อยล้อมตัวรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ โห...ตัวจะยาวแค่ไหน ? อาตมาเองก็เกือบ ๑๘๐ เซ็นติเมตรเหมือนกัน รอบหนึ่งก็ ๓ เมตรกว่าแล้วนะ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2018 เมื่อ 17:54 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#182
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์นิลเอารูปหลวงปู่โลกอุดรมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ใหญ่โลกอุดรถือว่าเป็นตำนานลึกลับที่คนจำนวนมากได้พบ แต่ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าท่านไปอย่างไรมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับบุญสัมพันธ์แต่เก่า ท่านจะไปสงเคราะห์เอง
อาตมาไล่ตามท่านอยู่ ๔-๕ รอบ แต่ตามท่านไม่ทัน หวุดหวิด ๆ ทุกครั้ง ตอนหลังท่านบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาตามท่านหรอก งานของท่านเยอะอยู่แล้ว แค่เก็บคนในสายของท่านก็ทำไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว ของอาตมานั้นนอกสายจนเกินไป อย่าไปรบกวนท่านเลย ท่านเป็นตัวอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่มีความคล่องตัวในอิทธิบาท ๔ สามารถอธิษฐานอายุให้อยู่เป็นกัปได้ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ถึงเวลาคนก็ไปรบกวนท่าน พอกวนมาก ๆ เข้าท่านก็ตายเสียทีหนึ่ง เผาเสร็จสรรพก็ไปโผล่ที่อื่นต่อ พวกนี้คิดว่าตายก็จบแล้ว ไม่ไปกวนอีก หลวงปู่ใหญ่ท่านปรารถนาพระโพธิญาณ แล้วตัดสินใจปุบปับเลี้ยวเข้าหามรรคหาผล บริวารยังเพลินอยู่จึงตามไม่ทัน ก็เลยต้องมาคอยเก็บ ถ้าใครมีบุญสัมพันธ์สร้างบารมีร่วมกันมาแต่ปางก่อน ท่านก็จะไปสงเคราะห์เอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2018 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#183
|
||||
|
||||
![]()
บริษัทฟาฟาทราเวลนิมนต์ไปอินเดีย พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมายังไม่มีอารมณ์ไปอินเดียเลย ต้องบอกว่าอยู่ที่นั่นจนเข็ด แต่แปลกนะ...ตอนนั้นทั้ง ๆ ที่เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่บวช ชาตินั้นก็ยังเป็นพราหมณ์อยู่เหมือนเดิม คราวที่เขาสังคายนาพระไตรปิฎกก็ยังไปทำบุญเป็นปกติ ต้องบอกว่าเวลายังไม่ถึง
เรื่องของอินเดียนี่ไม่ต้องไปก็เหมือนกับไปนั่นแหละ เพียงแต่ว่าถ้าไปก็ไปสังเวชนียสถานตามที่เขาไปกัน แต่ว่าบางจุดก็ไม่ใช่ที่แท้จริง เคลื่อนไปเยอะเหมือนกัน”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2018 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#184
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : หลวงพ่อบอกว่าให้พิจารณามาก ๆ พอเข้าไปก็คิด ๆ ๆ เหมือนมีเหตุมีผล แล้วไปเจอคำว่าสัญญา มันก็เด้งออกมาตลอดเลยค่ะ ?
ตอบ :สภาพใจของเรายังไม่ยอมรับก็จะเป็นแค่สัญญา ถ้าสภาพใจของเรายอมรับว่าทุกอย่างเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็จะเป็นปัญญา คราวนี้ในเมื่อใจยังไม่ยอมรับ ถึงเวลาก็ดีดกลับ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ก็แค่เอาใหม่ เหมือนอย่างกับว่าเราเดินเส้นทางสักเส้นหนึ่ง ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อย ๆ เราก็จะมีความคล่องตัวมากขึ้นไป คุ้นเคยกับเส้นทางนั้นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดเราก็จะเดินทะลุตลอดได้เอง บางอย่างต้องค่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ๆ ต้องให้สติ สมาธิ ปัญญารวมตัวกันเพียงพอจริง ๆ จึงจะก้าวข้ามไปได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2018 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#185
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ อยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ จะทำอย่างไรให้เงียบ ?
ตอบ : แค่ไปกระโดดโลดเต้น ดูหนังฟังเพลงอะไรก็เงียบแล้ว พอสมาธิหลุดออกมาก็เงียบแล้ว ถ้าสมาธิอยู่ในช่วงตรงนั้นก็จะได้ยินตลอด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2018 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#186
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : หนูเห็นสัตว์เป็นคนละคะ ?
ตอบ : ก็ปกติอีกนั่นแหละ เพราะว่าสัตว์ก็คือคน เพียงแต่ว่าเขาสร้างกรรมไว้ ก็เลยต้องไปอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉานเท่านั้นเอง ถาม : แล้วเห็นคนอยู่ในสภาพเป็นสัตว์ ทั้งที่เขายังไม่ตายละคะ ? ตอบ : อันนั้นคือสภาพจิตที่แท้จริงของเขา ถ้าเราเห็นทะลุตลอดไปจริง ๆ ก็จะเห็นว่าสภาพจิตของเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไร สภาพจิตของใครทรงความดีไว้ เราก็เห็นเขาเป็นเทวดานางฟ้า ถ้าหากว่าสภาพจิตมีแต่เวรแต่กรรมมากมาย เราก็เห็นเขาเป็นเปรต เป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเรื่องธรรมดา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2018 เมื่อ 03:12 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#187
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ควายกินหญ้าเพราะเขารู้ว่าตัวเองเป็นควาย แต่หนูโง่กว่าควาย ทำไมไม่ยอมรับ ขนาดควายยังยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นควาย ?
ตอบ : ถ้าเราอยากยอมรับอย่างควายก็คงต้องไปกินหญ้าด้วย...! ปัญญายังไม่ถึงแล้วจะไปยอมรับอย่างไร ? ก็ต้องยอมทนไปก่อน เดี๋ยวปัญญาถึงก็จะพ้นไปเอง ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิด ยกเว้นพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบันขึ้นไป ซึ่งก็มีมาไม่กี่คนหรอก ที่เหลือก็ล้วนแล้วแต่ต้องโง่ไปก่อนทั้งนั้น แบบที่หลวงพ่อฤๅษีท่านถามหลวงปู่บุดดาว่า “หลวงปู่...เกิดมาทุกข์ไหม ?” หลวงปู่บอกว่า “ทุกข์สิ” ท่านสวนกลับทันทีเลยว่า “แล้วหลวงปู่เสือกเกิดมาทำไมละ ?” หลวงปู่ตอบทันควันว่า “อ้าว...ก็ยังโง่นี่”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2018 เมื่อ 03:15 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#188
|
||||
|
||||
![]() ![]() ![]() ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|