| 
	|||||||
| เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป | 
![]()  | 
	
	
| 
		 | 
	คำสั่งเพิ่มเติม | 
| 
		 
			 
			#61  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์เล่าว่า  "สมัยก่อนส่วนหนึ่งด้วยความที่เคารพหลวงพ่อวัดท่าซุง กลัวว่าจะไม่มีเวลาในการปฏิบัติเมื่ออยู่กับท่านมากมายนัก ก็ทุ่มเทจนกระทั่งลืมสำนักอื่นหมด  กว่าจะรู้ก็ใกล้เกลือกินด่างไปเยอะ  อย่างหลวงพ่อกวย  อยู่ใกล้วัดท่าซุง อาตมาวิ่งจากวัดท่าซุงไปสรรคบุรี ไปหาหลวงปู่บุดดา อย่างไรก็ต้องเจอหลวงพ่อกวยอยู่แล้ว  ไม่แวะก็ไม่ได้  น้อยคนที่จะแวะ  แต่อาตมาแวะทีหนึ่ง ขนวัตถุมงคลมา พวกทหารก็ปล้นจนหมดตัว เขาไม่ไปเองกันหรอกนะ รอให้อาตมาไป เพราะเขาได้ฟรีไม่เสียเงิน  แต่ถ้าไปเองเขาก็เสียเงิน 
		
		
		
		
		
		
			หลวงพ่อกวยท่านแบ่งลูกศิษย์เป็นหลายประเภท ลูกศิษย์พระท่านให้อย่างหนึ่ง ลูกศิษย์ประเภทฆราวาสหญิงชายท่านให้อีกอย่างหนึ่ง ไม่เหมือนกัน และก็มีบางประเภทที่ท่านถูกใจ จะเอาอะไรบอก ท่านให้หมด ท่านชอบคนจริง ความจริงลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงน่าจะได้ไป เพราะพวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติกันจริงจังมากในยุคนั้น แต่ก็อย่างว่า...ทำเสียจนไม่มีเวลาจะไปไหนกันเลย" ถาม : ตอนนี้ทางเว็บวัดท่าขนุนกำลังนิยมหลวงพ่อกวยกันค่ะ เขาบอกว่าหลวงพ่อกวยฟีเวอร์ ? ตอบ : กว่าจะรู้จักก็หมดตลาดไปแล้ว ไปรู้จักตอนท่านมรณภาพแล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะคนอื่นคว้าของดีไปหมดแล้ว แต่หลวงพ่อกวยท่านเคยบอกไว้ ว่าใครกราบไหว้คิดถึงท่าน ท่านก็พร้อมที่จะช่วยเขาเสมอ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2016 เมื่อ 20:21  | 
| สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#62  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			แต่หลวงพ่อกวยมาสายพระโพธิสัตว์เดิมเต็ม ๆ อะไรที่ท่านทำได้ก็ไม่แปลกหรอก   ศึกษาอะไรท่านก็ทำขึ้นหมด ท่านชอบลองนะ ของบางอย่างท่านทำชิ้นเดียว  ให้ลูกศิษย์ไปใช้ดูว่าได้ผลจริงหรือเปล่า แล้วก็เลิกไปเลย   ทำต่อไม่ได้  ทำต่อเดี๋ยวเสียคน   
		
		
		
		
		
		
			ยังแปลกใจว่า เมื่อก่อนอาตมาพกพระของท่านอยู่หนึ่งองค์ ทำไมคิดชั่วไม่ได้ ทำชั่วไม่ได้ เป็นเพราะอะไร ? พออ่านอักขระขอมออก ท่านเขียนข้างหลังองค์พระไว้ว่า "สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง" เว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง..! 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2016 เมื่อ 20:22  | 
| สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#63  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "ระยะนี้ไปที่ไหนก็เห็นการไว้ทุกข์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙   ความจริงพระองค์ท่านไม่ได้ไปไหน งานของพระองค์ท่านยังไม่หมด เพียงแต่เปลี่ยนจากกายหยาบมาทำงานในกายละเอียดเท่านั้น  
		
		
		
		
		
		
			แต่พระองค์ท่านมีติงมาอย่างหนึ่งว่า ประเภท "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป" พระองค์ท่านตรัสว่า "นั่นเป็นอธิษฐานบารมี พวกเธอแน่ใจแล้วหรือ ? ถ้าหากไปเกิดลำบากตามกันนี่ว่าฉันไม่ได้นะ" ฉะนั้น...ใครที่ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไปก็ตัวใครตัวมันเถอะ อาตมาถือว่าเตือนแล้ว" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 02:45  | 
| สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#64  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"อาตมาพูดถึงเรื่องของในหลวงก่อนพระองค์ท่านสวรรคตสองสามวัน  ปรากฏว่าพระที่วัดไม่ได้รู้หนักรู้เบา  ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร  นำไปเผยแพร่ข้างนอก  อาตมาไม่โดนทหารลากไปเข้าคุกก็บุญโขแล้ว เพราะกลายเป็นว่าทำให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นกันหมด    
		
		
		
		
		
		
			พออาตมารู้ว่าเรื่องหลุดออกจากวัดไป เย็นนั้นก็เลยเทศน์กัณฑ์มหาราช ด่าจมดินไปเลย...! "ทำอะไรไม่รู้จักใช้หัวแม่ตีนคิด...! อะไรที่เป็นส่วนรวม อะไรที่เป็นส่วนตัว ต้องแยกแยะให้ออก เมื่อพูดในวัดเรื่องก็ควรที่จะอยู่แค่ในวัด ตักเตือนให้รู้ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น ควรที่จะวางตัวเองอย่างไร วางกำลังใจอย่างไร ดันทะลึ่งเอาไปเผยแพร่ออกข้างนอก" ทหารเขายิ่งมาขอแสดงความนับถืออยู่ อาทิตย์ก่อนเขามาถามว่า วัดท่าขนุนทำอะไรให้ในหลวงบ้าง ? ยังโชคดีที่เขามาถามเจอพระรูปอื่น ถ้าเจออาตมาจะถามกลับว่า "แล้วมึงทำอะไรให้ในหลวงบ้าง ?" ที่วัดสวดพระอภิธรรมถวายในหลวงทุกวัน จัดงานปฏิบัติธรรมถวายพระองค์ท่าน ๗ วัน ส่วนพวกเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้เห็นหัวหรอก...! จัดงานแต่ละทีมีคนมากหน่อยก็ตามมาถ่ายรูปรายงานเจ้านาย กลัวว่าอาตมาจะพาชาวบ้านไปล้มรัฐบาลขนาดนั้นเลยหรือ ?" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-11-2016 เมื่อ 11:34  | 
| สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#65  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"ในหลวงสิ้นพระชมน์ลงจะทำให้เหตุการณ์บางอย่างเลื่อนออกไป  แต่วาระก็คงไม่เกินปีหน้าหรือปีถัดไป เพราะว่าของทุกอย่างที่โดนกดอยู่ก็เหมือนกับน้ำเดือด  ไม่มีทางระบายออกก็ต้องระเบิด  ถ้าสถานการณ์หนักหน่อยก็ถึงขนาดนองเลือดกัน  แต่ถ้าแย่มาก ๆ ก็จะมีภัยธรรมชาติมาห้ามทัพ แต่ภัยธรรมชาติที่มาห้ามทัพ  โปรดทราบ...ใครสร้างกรรมไว้เยอะก็จงรับไว้ด้วย  ของบางอย่างไม่รู้มากดีกว่า  รู้มากถ้าทำใจไม่ได้ก็เครียดตายเลย"  
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 10:32  | 
| สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#66  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์เล่าว่า  "สมัยที่อาตมาไปสร้างวัดที่พม่า เอารูปในหลวงไปติดไว้ คนพม่าก็ถามว่าพ่อเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้เลยหรือ ? เขาคิดว่าอาตมาเอารูปพ่อตัวเองไปติดไว้ในศาลา ก็ "พ่อ" เหมือนกันแหละนะ "พ่อหลวง" 
		
		
		
		
		
		
			ท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะ รองเจ้าคณะรัฐมอญ ท่านบอกว่า ท่านก็สวดมนต์ไหว้พระ อุทิศส่วนกุศลให้ในหลวงอยู่ทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นคนพม่า ท่านบอกว่าบุคคลที่สร้างแต่ความดี เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ควรที่จะสรรเสริญแล้วก็ช่วยเหลือกัน มีนักท่องเที่ยวไทยไปเนปาล ไปเที่ยวภูเขาหิมาลัย แล้วก็ไปกรี๊ดกร๊าดกับความสวยของหิมาลัย เขาบอกว่าคนเนปาลโชคดีมาก ๆ ที่มีหิมาลัย ไกด์เขาบอกว่า "เอาอย่างนี้ไหม คุณยกหิมาลัยไปไว้บ้านคุณแล้วแลกกับในหลวง" เล่นเอานักท่องเที่ยวไทยยืนเซ่อไปเลย ถามว่านึกอย่างไรจะเอาหิมาลัยแลกกับในหลวง ? เขาบอกว่าคนเนปาลจะได้อยู่ดีกินดีกับเขาบ้าง แสดงว่างานที่พระองค์ท่านทำทั่วโลกเขารู้หมด ขนาดยูเอ็นต้องจัดพิธีไว้อาลัย แล้วดูเหมือนว่าจะกำหนดวันที่ ๕ ธันวาคมเป็นวันกษัตริย์โลก The King’s Day แต่ประเทศเราไม่ค่อยรู้สึกรู้สากันหรอก อาตมาตั้งใจจะทำป้ายประชดติดที่วัดท่าขนุน ติดเมื่อไรดังแน่ ๆ "ข้าพระพุทธเจ้า "เพิ่งจะ" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้" แหม...สำนึกกันทุกคน แต่ไม่เคยทำอะไรให้ "พ่อ" ชื่นใจเลย พอตายแล้วค่อยมาทำ ลองติดดูสักป้ายไหม ? แล้วช่วยกันถ่ายไปลงเฟซบุ๊ก รับรองว่า ๕ วัน ๓ วันนี่คนแห่ไปดูกันบาน ถ้าจะเอาดังกว่านั้นก็ "ข้าพระพุทธเจ้า "เพิ่งจะ" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ แต่ทรงเชื่อเถอะ...ข้าพระพุทธเจ้าจำไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็ลืม" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 10:37  | 
| สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#67  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"เห็นแต่ละที่ติดป้ายจัดกิจกรรมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว อาตมาไปนึกถึงพวกที่พ่อตายแม่ตาย ถึงเวลาแล้วจัดอาหารไป   แล้วไปวางไว้ แล้วเคาะโลงก๊อก ๆ “พ่อกินข้าว...แม่กินข้าว” เหมือนกันเลย ตอนท่านมีชีวิตอยู่ทำไมไม่เลี้ยงท่านให้ดี ? ตอนตายดันไปเรียกให้กินข้าว..!  
		
		
		
		
		
		
			สิ่งที่ในหลวงท่านอยากเห็นที่สุดก็คือ คนในชาติทำตามพระราชดำริของพระองค์ท่าน เพราะทุกอย่างที่พระองค์ท่านทำ ก็เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็มักจะฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักพออยู่พอกินตามหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน ก็ในเมื่อพระองค์ท่านทรงพระชนมชีพอยู่ไม่ได้ทำให้เห็น มาทำเอาตอนตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร ? ก็พอ ๆ กับที่ไปเคาะโลงเรียกพ่อแม่กินข้าวตอนตายนั่นแหละ แต่ก็ยังดีที่ยังทำบ้าง ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 10:38  | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#68  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"ที่วัดท่าขนุน อาตมาจัดสวดอภิธรรมตอน ๖ โมงเย็น วัดอื่นเขาจะสวดตอนบ่าย ๓ โมง ๕๒ นาที ตามเวลาที่ประกาศว่าพระองค์ท่านสวรรคต อาตมาเอาตอนเย็นเพราะว่าเป็นเวลาทำวัตร ถึงเวลาสวดพระอภิธรรมเสร็จ ก็อาศัยโยมที่มาร่วมงานทำวัตรต่อไปเลย ได้ทำความดี ๒ รอบ เพราะว่าทางการไม่ได้กำหนดว่าจะเอาเวลาไหน แล้วแต่ทางวัดสะดวก  
		
		
		
		
		
		
			เพียงแต่มีหลายวัดที่จัดแล้วก็ประกาศหาเจ้าภาพ บรรดาหน่วยราชการเอกชนอะไรต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แล้วเจ้าภาพตั้งเดือนหนึ่งต้องมีทุกวันไม่ใช่หาง่าย ๆ เพราะว่าหลาย ๆ วัดก็จัดกันทั้งนั้น" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 10:40  | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#69  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "มีใครรู้จักคุณยายตุ้มบ้างไหม? คุณยายตุ้มอายุ ๑๐๒ ปี  เป็นคุณยายที่ถือดอกบัวเหี่ยว ๆ รอรับเสด็จ คุณยายไปรอรับเสด็จตั้งแต่เช้า กว่าในหลวงจะไปถึงก็เย็น ดอกบัวเหี่ยวคามือเลย แต่ในหลวงก็ทรงก้มลงไปรับ กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ ใครว่าเข้าเฝ้าในหลวงต้องแต่งตัวดี นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวก็เข้าเฝ้าได้  
		
		
		
		
		
		
			พระองค์ท่านเสด็จไปถึงบ้านเขาโดยที่ไม่มีใครบอกก่อน ชาวบ้านก็อยู่บ้านตามสบาย นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวก็เข้าเฝ้าทั้งอย่างนั้น ขำที่ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เล่าให้ฟังว่า ในหลวงไปเยี่ยมบ้านชาวเขา แล้วเขาก็เอาเหล้าข้าวโพดมาเลี้ยง เทใส่ถ้วยพลาสติกเก่า ๆ มาถวาย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 10:41  | 
| สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#70  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "อาตมาสร้างเมรุวัดท่าขนุน ตั้งงบไว้ ๑๕ ล้านบาท  ขอแสดงความยินดีกับตัวเองด้วย  ทะลุไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ยังไม่เสร็จ...!  หมดไป ๑๗ ล้านกว่า ๆ แล้ว 
		
		
		
		
		
		
			ช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้เคยเตือนไว้ว่า ถ้ามีคนป่วยหรือคนแก่ให้ดูแลดี ๆ เนื่องจากช่วงอากาศเปลี่ยน คนแก่หรือคนป่วยทนไม่ไหวมักจะตายกัน ที่ทองผาภูมิ พระสังฆาธิการ คือ เจ้าอาวาสวัดสะพานลาว มรณภาพ ๑ รูป ญาติโยมก็ตายติด ๆ กัน ๓ ศพ เอาไปเผาวัดท่าขนุนอีกศพหนึ่งแล้ว เมรุนี้ดูท่ากิจการจะรุ่งเรือง...! ยังสร้างไม่ทันจะเสร็จเลย เผาได้เผาดี" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 14:46  | 
| สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#71  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"ตอนนี้บูรณะกุฏิใหม่หลวงปู่สายเสร็จเรียบร้อยแล้ว   กำลังบูรณะกุฏิเก่าต่อ  ปรากฏว่าช่างทำไปก็หัวเราะไป  ช่างบอกว่าทรงกุฏิประหลาด   หน้าจั่วตั้ง ๖ เมตร แต่กุฏิกว้างไม่ถึง ๖ เมตร   ความจริงกุฏิหลวงปู่กว้างประมาณ ๒ เมตรครึ่งเอง แต่อาตมาทำคร่อมห้องน้ำที่อยู่นอกกุฏิไปด้วย ก็เลยออกมาหน้าตาประหลาด   
		
		
		
		
		
		
			ช่างก็บอกว่าจะทำอย่างไรครับ เพราะไม่อยู่ในสูตรไหนเลย ? อาตมาบอกให้พยายามปรับหน่อย ท้ายสุดก็ต้องยกหลังคาขึ้นมาประมาณเมตรกว่าเพื่อให้ได้รูป ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นทรงไทยที่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก วันก่อนมีโยมอยู่รายหนึ่ง เคยบวชที่วัดท่าขนุนเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน เข้ามาแล้วเดินถามพระว่า นี่ใช่วัดท่าขนุนหรือเปล่า ? ....(หัวเราะ).... บอกว่าวัดนี้ปีต่อปีคุณก็จำไม่ได้แล้ว นี่คุณไม่ได้มา ๒๐ กว่าปี จะไปจำอะไรได้ เขาบวชกับหลวงปู่สาย หลวงปู่สายมรณภาพไป ๒๔ ปีแล้ว แสดงว่าเขาเป็นลูกศิษย์รุ่นท้าย ๆ เลย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 14:48  | 
| สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#72  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "แข่งเรือแข่งพายแข่งได้  แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้  พอพระครูกาญจนวิสุทธิคุณ  เจ้าอาวาสวัดสะพานลาวมรณภาพ  เขาก็แต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส   
		
		
		
		
		
		
			ท่านที่รักษาการเจ้าอาวาส คือ ท่านวิชัย ปภสฺสโร บวชรุ่นเดียวกับพระครูกิตติกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลปิล็อก ไม่ได้บวชรุ่นเดียวกันเฉย ๆ บวชวันเดียวกัน ชุดเดียวกัน เวลาเดียวกันด้วย แต่คนหนึ่งเป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระครูสัญญาบัตรไปแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งเพิ่งจะขึ้นมารักษาการเจ้าอาวาส ของบางอย่าง ถ้าไม่ทำไว้หรือทำไว้ช้ากว่าเขา โอกาสได้ก็ยาก อาตมาถึงได้เตือนว่า เรื่องทำบุญให้ทำไว ๆ ทำง่าย ๆ ไว้ ทำง่ายทำไว ถึงเวลาเราก็ได้อะไรง่าย ๆ ได้อะไรไว ๆ" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 15:54  | 
| สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#73  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "ประกาศรับสมัคร ๘๙ รูปถวายในหลวง   ที่ต้องการบรรดา "ทิด" เพราะงวดนี้อาตมาไม่มีเวลาอบรม  ต้องเอาคนเก่า  ก็มีพวกคนใหม่พยายามเสนอตัวเข้ามา บอกว่าไม่ต้อง  เขาก็พยายามที่จะเอาให้ได้  จะไปขานนาควันนั้นวันนี้ อาตมาบอกว่าไม่ต้อง  ถ้าอนุญาตหนึ่งคนแล้วก็ต้องอนุญาตทั้งหมด"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 15:55  | 
| สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#74  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "ถ้าไม่ใช่ระยะนี้ที่ราคาเงิน ราคาทอง ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาแน่ไม่ได้ และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นอีกมาก อาตมาก็ว่าจะซื้อเอง  ปกติแล้วไม่ค่อยรบกวนโยมหรอก  ปรากฏว่าบางวันเหวี่ยงขึ้นลง +๓๐๐ บาท  +๔๐๐  บาท แล้วอาตมาซื้อทีหนึ่ง ๒๐๐-๓๐๐ กิโลกรัม   ราคาจะต่างกันมากระดับหลายแสน 
		
		
		
		
		
		
			อาตมาก็เลยผลักภาระให้โยม ไปจัดการกันเอง ซื้อกันคนละกิโลกรัมก็คงไม่แพงเท่าไร ถ้าซื้อทีเป็นร้อยกิโลกรัม ต่างกันแค่ +๑๐๐ ก็แย่แล้ว" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 15:56  | 
| สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#75  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยในระยะนี้ที่เขาเลิกเล่นกัน  หันไปเล่นเครื่องรางแทน  เพราะมีการมาเปิดโปงกันว่า บรรดาลูกศิษย์ใกล้ชิดเอาแม่พิมพ์ เอาผงของวัดไปพิมพ์เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลย  โดยเฉพาะสมเด็จแหวกม่าน ก็เลยหันมาเล่นเครื่องราง พวกตะกรุด เชือกคาด  แหวนแขน ฯลฯ  ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำเสร็จแล้วทำไมคณะกรรมการไม่ทำลายแม่พิมพ์    หรือเห็นว่าเป็นรูปพระก็เลยไม่กล้าทำลาย   
		
		
		
		
		
		
			อาตมาทำลายแม่พิมพ์ด้วยวิธีบรรจุพระองค์ใหญ่ วัตถุมงคลของวัดท่าขนุนทุกรุ่น ลงมาจนถึงก่อนเหรียญพุทธบารมีรุ่น ๒ แม่พิมพ์บรรจุอยู่ในสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก วัดหนองบ้านเก่า ใครอยากเอาไปปลอมก็ต้องไปทุบสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่แล้วเอาแม่พิมพ์ออกมา...! บรรจุถวายเป็นพุทธบูชาไปเลย หมดเรื่องหมดราวไป แม่พิมพ์วัตถุมงคลรุ่นหลัง ๆ กำลังหาที่เหมาะสมบรรจุต่อ ตอนนี้ที่ดูอยู่ คือ วัดบ้านห้วยน้ำขาว กำลังสร้างโบสถ์ใหม่ ถึงเวลาก่อฐานพระประธานเมื่อไรก็นิมนต์เลย ตอนนี้แบบที่เหลืออยู่ล่าสุด คือ แบบเหรียญพุทธบารมีรุ่น ๒ สมัยก่อนบรรดาช่างเขาทำลายแม่พิมพ์ด้วยการใช้หินเจียรคาดกลาง แต่แบบนั้นเท่ากับทำลายรูปพระไปด้วย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 15:58  | 
| สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#76  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "ประเทศจีนจัดสวดมนต์ถวายในหลวงอย่างใหญ่โต  เมื่อวานนี้ประเทศญี่ปุ่นเกทับ ....(หัวเราะ)... จัดใหญ่กว่า   แต่ที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ ภูฏาน  
		
		
		
		
		
		
			ภูฏานทั้งประเทศทุกวัดต้องจัดถวายในหลวง เป็นคำสั่งของกษัตริย์จิกมี ถ้าใครไปดูในพระบรมมหาราชวังของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านติดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงคู่กับสมเด็จพระราชบิดา จะเห็นว่าทันทีที่ในหลวงสวรรคต พระองค์ท่านเสด็จถึงไทยวันนั้นเลย แล้วมีใครรู้บ้างว่า วันที่ ๑๓ ตุลาคม เป็นวันครบรอบราชาภิเษกสมรสของพระองค์ท่าน ? แทนที่จะจัดฉลองกันที่ประเทศตัวเอง กลายเป็นพาพระราชินีและพระโอรสมาเมืองไทยแทน ส่วนใหญ่บรรดาผู้นำประเทศมักจะส่งลูกไปเรียนทางตะวันตก แต่ภูฏานส่งลูกมาเรียนประเทศไทย..! สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ก่อนของภูฏาน ต้องบอกว่ามีสายพระเนตรยาวไกลมาก นอกจากมีพระโอรสที่ขึ้นครองราชย์ถัดมา สามารถรับพระราชภาระแทนได้แล้ว ถ้าหากว่าไม่แน่นอน พระองค์ท่านที่เพิ่งพระชนมายุ ๕๐ เศษ ยังมีโอกาสยืนคอยค้ำบัลลังก์ให้กับกษัตริย์องค์ใหม่ แต่ปรากฏว่ากษัตริย์จิกมีองค์ใหม่ เป็นที่เคารพรักของชาวบ้านพอ ๆ กับสมเด็จพระราชบิดา อ่านข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อน เพิ่งจะเสด็จขี่ม้าขี่ลาและดำเนินด้วยพระบาทไปยังหมู่บ้านที่อยู่หลังเขา ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง ๒-๓ วันกว่าจะออกมาโลกภายนอกได้ พระองค์ท่านบอกว่า ประเทศภูฏานเป็นประเทศเล็ก ประเทศไทยใหญ่กว่าหลายเท่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยยังเสด็จไปได้ทุกตารางนิ้ว แล้วประเทศภูฏานที่เล็กกว่า พระองค์ท่านก็ต้องไปได้เช่นกัน" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 16:41  | 
| สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#77  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"ทั่วโลกเห็นความดีของในหลวง  ขณะที่คนไทยส่วนหนึ่งหูหนวกตาบอดขนาดไหน จึงมองไม่เห็น  ไม่เห็นยังไม่พอ  ยังหาเรื่องด่าไปเรื่อย โดยเฉพาะฝรั่งที่ไม่รู้จริง เอาเรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาตีมูลค่า แล้วว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก  ถ้าเป็นสมบัติของพระองค์ท่านจริง พระองค์ท่านก็รวยที่สุดในโลก 
		
		
		
		
		
		
			แต่รู้ไหมว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นของที่คณะราษฎร์ยึดไปจากในหลวงรัชกาลที่ ๗ แล้วตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ขึ้นมาเพื่อบริหาร ก็แปลว่าเป็นของทางราชการทั้งหมด ไม่ใช่ของในหลวงอีกแล้ว แต่มีคำว่าส่วนพระมหากษัตริย์ เขาก็เลยเหมาว่าเป็นของพระมหากษัตริย์ ไอ้พวกปัญญานิ่มก็ไม่พยายามที่จะศึกษาที่มาที่ไปกันเลย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 20:40  | 
| สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#78  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"ต้องบอกว่าคนเราดีแต่จับผิดคนอื่น  โบราณท่านว่า แม้องค์พระปฏิมายังราคิน  คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา   
		
		
		
		
		
		
			อาตมาเคยเล่าตัวอย่างลูกอีช่างติ มีคนบอกว่าหลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในประเทศไทย เขาก็ไปเดินดูซ้ายดูขวาดูหน้าดูหลัง ดูจนครบแล้วก็บอกว่า "ก็สวยหรอก เสียอย่างเดียว...พูดไม่ได้..!" อุตส่าห์หาที่ติจนได้ ถ้าอาตมาเป็นพระพุทธชินราชจะไม่พูดหรอก แต่จะถีบมันแทน...! คนประเภทนี้ที่ไหนก็มี เขาเรียกประเภทมือไม่พายแต่เอาตีนราน้ำ นอกจากไม่ช่วยสร้างความเจริญแล้ว ยังคอยถ่วงความเจริญเขามาตลอด" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2016 เมื่อ 20:41  | 
| สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#79  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "พอในหลวงสวรรคตสถานการณ์บ้านเมืองกลายเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่กลายเป็นคลื่นใต้น้ำเพราะว่าจากที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันก็สามัคคีกันชั่วคราว แต่หลังจากงานถวายพระเพลิงพระบรมศพเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ต้องดูว่ายังจะสามัคคีกันไหม ?  
		
		
		
		
		
		
			ช่วงเปลี่ยนผ่านมักจะมีความวุ่นวายเสมอ เพราะบุคคลก็ย่อมมีทั้งได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ฝ่ายที่เสียประโยชน์ก็อาจจะก่อความวุ่นวายขึ้นมา หรือฝ่ายที่ได้ประโยชน์อาจจะสร้างสถานการณ์เสียเองเพื่อใส่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้น...ช่วงเวลาอย่างนี้ต้องใช้สติสัมปชัญญะให้มาก ๆ โดยเฉพาะเราจะเห็นว่า พอสิ้นในหลวงลงทางด้านปักษ์ใต้ของเราก่อการร้ายกันแหลก เพราะฉวยโอกาสต้องการดูสมรรถภาพของทางทหารตำรวจของเรา ว่าในช่วงที่สิ้นผู้นำอย่างในหลวง จะเอาอยู่ไหม ? เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการข่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตามให้ทัน แต่ว่าปักษ์ใต้นั้นตามทันยาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาเป็นพวกเดียวกันหมด คนต่างถิ่นเข้าไปแม้แต่คนเดียว ก็เป็นอันว่าเขาเห็นอย่างชัดเจน จึงเข้าไปสืบข่าวยาก" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2016 เมื่อ 16:38  | 
| สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#80  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"สมัยก่อนที่มี ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) เจ้าหน้าที่บางคนฝังตัวอยู่ ๒๐-๓๐ ปี จนกระทั่งเหมือนอย่างกับเป็นชาวบ้านด้วยกัน เพียงแต่ว่าเวลาไปตลาดไปทำอะไร ก็แอบแวบไปส่งข่าว พอมายุคนายกฯ ทักษิณเห็นว่า ศอ.บต.ใช้งบประมาณเยอะมาก นายกฯ ทักษิณจะคิดถึงแต่เรื่องตัวเลขกำไรขาดทุน ก็เลยสั่งยุบ ศอ.บต.  
		
		
		
		
		
		
			พอยุบลง บรรดาเจ้าหน้าที่การข่าวที่ฝังตัวในพื้นที่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะนอกจากงานหมดแล้ว ก็เงินหมดอีกด้วย จึงต้องถอนตัวออกมา คราวนี้เขาก็รู้หมดว่าใครเป็นใคร จะกลับเข้าไปใหม่ก็ไม่ได้แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราจะเห็นว่า พอเหตุการณ์ประทุขึ้นมาที เราเอาไม่อยู่แม้แต่ครั้งเดียว เพราะว่าการข่าวของเราเหมือนกับโดนปิดหูปิดตา ยกเว้นอยู่อย่างเดียวว่า พวกเดียวกันเองเขาเห็นการทำชั่วของพวกเดียวกันไม่ได้ แล้วแอบมาส่งข่าวให้บ้าง บ้านเราเมืองเราจึงต้องรอหลังงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่าจะออกไปเป็นอย่างไร เพราะว่าช่วงนี้ชาวบ้านที่เดือดร้อนก็เริ่มมีการแสดงออกแล้ว คนเราถ้าท้องหิวขึ้นมาก็ไม่กลัวลูกปืนหรอก เพราะอดก็ตาย โดนลูกปืนก็ตาย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-11-2016 เมื่อ 17:19  | 
| สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]()  | 
	
	
		
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
		
  | 
	
		
  |