กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 07-09-2016, 21:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์พูดถึงวิชาลูกดอกบัว "วิชานี้เขียนไม่ยากหรอก ยากตรงเสก เสกทีไรต้องเปิดตำราทุกที บางบทยาวจำไม่ค่อยได้ อย่างมหาสมัยสูตร ๔๕ นาทีก็ยังสวดไม่จบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 07-09-2016, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อริมท่านเป็นสุดยอดพระอภิญญาเลย แต่มีคนรู้จักชื่อท่านน้อยมาก พระท่านสร้างเป็นพระกริ่งก็จริง แต่ไม่ใช่พระกริ่งนะ ฟังเข้าใจไหม ? สร้างเป็นรูปแบบพระกริ่งทั้งหมด แต่ไม่มีกริ่ง

เว็บวัดท่าขนุนเคยเอาเรื่องท่านมาลง ชื่อหนังสือเรื่อง "อัศจรรย์โลกใบนี้" ลองไปหาอ่านดู ในนั้นเขาไม่ได้บอกชื่อท่านตรง ๆ เขากลัวว่าคนไปกวนท่าน แต่ถ้าคนที่รู้จัก อ่านแล้วจะรู้เลยว่าเป็นใคร

อาตมาบอกให้ลักยิ้มไปติดต่อเจ้าของหนังสือเอามาลง ทำหนังสือขออนุญาตไป แต่ส่วนใหญ่เขาก็ดี ตอนแรกบอกไปว่าจะคิดค่าใช้จ่ายค่าลิขสิทธิ์อย่างไร เราก็พร้อมที่จะจ่าย แต่ส่วนใหญ่เขาก็ให้ฟรี แบบเดียวกับของท่านอาจารย์แสง จันทร์งาม พอสิ้นท่านแล้วลิขสิทธิ์อยู่กับภรรยา ขอไปท่านบอกว่าถวายฟรี เพื่อเอาอานิสงส์อุทิศให้คนตาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 07-09-2016, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลบางอย่างหายาก อย่างมีดหมอหลวงพ่อเดิมมีลายมือจารที่คุณหญิงจองไป หายากสุด ๆ ของบางอย่างเหมือนกับว่าท่านตั้งใจทำให้ลูกศิษย์บางคน จะมีจารพิเศษให้ แต่บางคนได้ไปก็ไม่รู้คุณค่า บางคนไม่ได้เป็นเจ้าของ ขอดูให้เป็นมงคลแก่สายตาก็ยังดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 07-09-2016, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาเรียกลูกกีวีว่า ละมุดขนแหม่ม ลูกกีวีจะมีขน ๆ อยู่หน่อยหนึ่ง คราวนี้หน้าตาดูเหมือนละมุดอยู่เหมือนกัน เขาก็เลยเรียกละมุดขนแหม่ม เรียกไปเรียกมาคงจะไม่เข้าท่า ก็เลยเรียกทับศัพท์เป็นลูกกีวี ก็พอ ๆ กับแพ็ทชั่นฟรุตนั่นแหละ มาเปลี่ยนเป็นเสาวรส เออ...ฟังจนติดหูพูดจนติดปากเหมือนกัน"

ถาม : ปลาโอ คนไทยก็เรียกปลาทูน่า แล้วปลาทูมาจากไหนคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วคนไทยเรียกปลาอินทรีนะ ปลาทูก็คือปลาอินทรีขนาดจิ๋วนั่นแหละ ทูน่าครีบเงินนี้ถ้าโตเต็มที่หนักตั้ง ๓๐๐-๔๐๐ กิโลกรัม แต่เดี๋ยวนี้กินปลาก็อันตราย เพราะว่ามีแต่สารโลหะหนัก สรุปแล้วเกิดมาไม่มีอะไรปลอดภัยกับชีวิตเลย ไปพระนิพพานปลอดภัยที่สุด รีบไปกันเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-09-2016 เมื่อ 14:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 08-09-2016, 19:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้เรื่องการเรียนการสอนของบ้านเรารู้สึกว่าจะเข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ วันก่อนเด็ก ๆ เอางานวิจัยของมหาวิทยาลัยเอกชนเล่มหนึ่งมาให้ เพราะว่าเขาเริ่มเรียนระเบียบวิธีวิจัยเบื้องต้น อาจารย์แนะนำให้ไปหาวิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัยเอกชน เอามาย่อลงเหลือแค่ ๖ หน้า แต่ให้ได้ใจความสำคัญครบถ้วน แต่เด็กของเรายังทำไม่เป็น เพราะเพิ่งจะเข้าเรียนปริญญาตรี แล้วเริ่มเรียนระเบียบวิธีวิจัยเท่านั้น

อาตมาเองกว่าจะรู้ว่าวิทยานิพนธ์ว่าทำอย่างไรจริง ๆ ก็จนกระทั่งเรียนจบปริญญาโท ถ้าไม่ได้เรียนต่อก็ไม่ได้ใช้งานอีกเลย ปรากฏว่าดูไปแล้วไม่รู้เหมือนกันว่ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นปล่อยให้จบมาได้อย่างไร เนื่องจากทฤษฎีและงานวิจัยทั้งหมดที่เขาอ้างมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาที่ทำเลย ก็เลยสงสัยว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาได้ดูงานบ้างหรือเปล่า ? ไม่ต้องสงสัย
เลยว่าทำไมผลการศึกษาของบ้านเรา ถึงได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดรั้งท้ายอาเซียน

คราวนี้เขาก็มาเร่งหวดพวกอาตมากันปางตาย เมื่ออาทิตย์ก่อนมีคณะกรรมการไปตรวจสอบ ก็มีตรวจสอบทั้งสถานที่ หลักสูตร อาจารย์ ผู้เรียน ศิษย์เก่า ศิษย์ใหม่ เรียกมาสัมภาษณ์หมดเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2016 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 08-09-2016, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"จะว่าไปแล้วเรื่องพวกนี้เร่งรัดไปก็เท่านั้น เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้เรียน น่าเสียดายแทนเด็กสมัยนี้มากเนื่องจากว่าพ่อแม่ทุ่มเทให้เรียนอย่างเต็มที่ แต่ไม่ค่อยอยากจะเรียนกัน อาตมาโชคดีที่สอนมหาวิทยาลัยสงฆ์ เพราะพระเณรที่เรียนส่วนใหญ่บวชเข้ามาเพื่อให้ได้เรียน ในเมื่อตัวเองอยากเรียน ถึงเวลาก็ทุ่มเทให้กับการเรียน แต่ถ้าเป็นเด็กสมัยนี้น่าเสียดายที่ว่าพ่อแม่ทุ่มให้เกินร้อย แต่ลูกเรียนไม่ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นอะไรที่น่าเสียดายมากจริง ๆ

ถ้าไปเปรียบกับเด็กวัดท่าขนุนนี่ก็ฟ้ากับเหวเลย เพราะที่โน่นเขามาอยู่วัด ยอมให้ใช้งานหนักเช้ายันค่ำเพื่อให้ได้เรียน ส่วนข้างนอกพ่อแม่ทุ่มเทให้ลูกชนิดมอบกายถวายชีวิตเลย ลูกกลับไม่สนใจที่จะเรียน แต่ถึงเวลาโปเกม่อนนี่ต้องจับให้ได้ก่อนเขา เป็นอะไรที่น่าตายมาก...! บ้านเราเด็ก ๆ นิยมทำเรื่องไร้สาระมากกว่า โดยไม่ได้เห็นความสำคัญของการศึกษา

งานวิจัยของระดับปริญญาโทออกมาห่วยแตกขนาดนั้น ปล่อยให้จบมาได้อย่างไรไม่รู้ ? ถ้าเป็นอาตมาจะตั้งคณะกรรมการออกมาสักชุดหนึ่ง แล้วแต่ละชุดให้จัดหาอนุกรรมการให้ครบทุกมหาวิทยาลัย บ้านเรามีประมาณ ๑๕๐ มหาวิทยาลัยเท่านั้น มีอนุกรรมการสักคณะละ ๓ ท่านก็เพิ่งจะ ๔๐๐ กว่าท่านเท่านั้นเอง ตรวจสอบทีละมหาวิทยาลัยเลย แต่ละคณะส่งไปตรวจ งานวิจัยชิ้นไหนใช้งานไม่ได้ก็เล่นอาจารย์ที่ปรึกษาไปเลย จะได้เข็ดกันบ้าง ไม่อย่างนั้นแล้วก็ประเภทหลับหูหลับตาเซ็นให้จบมา เด็กจึงไม่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง

งานวิจัยที่ทำไปนี่จะทำซ้ำเขาไม่ได้ ถ้าทำซ้ำก็ต้องเปลี่ยนสถานที่ เท่ากับว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในหัวข้อนั้น ๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญภาษาอะไรที่ทำวิจัยออกมาไม่รู้เรื่องห่วยแตกแบบนั้น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 08-09-2016, 19:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เขาอุตส่าห์อ้างทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาร้อยกว่าเกือบ ๒๐๐ หน้า สารพัดเรื่องอาตมาดูแล้วตั้งแต่ต้นยันปลายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหัวข้อที่ทำวิจัยเลย อย่างพฤติกรรมในการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาอย่างนี้ รู้ไหมว่าหัวเรื่องคืออะไร ? หัวเรื่องคือค่านิยมในการซื้อสินค้าผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต แล้วเกี่ยวอะไรกับพฤติกรรมการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา อาจารย์ก็บ้าปล่อยให้เนื้อหาอย่างนี้หลุดออกมา

บ้านเราพฤติกรรมของเด็กถนัดแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องเป็นสาระไม่ค่อยจะมี จึงสู้ใครไม่ได้ ถ้าเราบอกว่ามีเด็กเก่ง ไม่ว่าจะฟิสิกส์โอลิมปิก คณิตศาสตร์โอลิมปิก ล้วนแล้วแต่ได้เหรียญมาแล้วทั้งนั้น หรือการประกวดมหกรรมหุ่นยนต์โลกของเราก็ได้แชมป์โลกมาตั้งหลายครั้ง อาตมาอยากจะบอกว่าเด็กเก่งนั้นมี แต่เป็นเด็กรับแขกแค่ไม่กี่คน ประเภทนี้เอาไว้รับแขกได้ ส่วนที่เหลืออีก ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์รับแขกไม่ได้

บ้านเราพอเด็กเก่งกลับมามีการสนับสนุนไหม ? ไม่มีหรอก ปล่อยไปตามเวรตามกรรม พอถึงเวลาเด็กได้เหรียญได้โล่มาก็วิ่งไปโหนเด็ก ด้วยการไปถ่ายรูปด้วย ให้สัมภาษณ์ว่าจะสนับสนุนอย่างนั้นอย่างนี้ พอถึงเวลาก็กลายเป็นแค่ลมปากลอยหายไปเฉย ๆ

อาตมาเองก็ช่วยแค่ที่ตัวเองมีอำนาจ ปีหนึ่ง ๆ พยายามสนับสนุนทุนการศึกษา ทั้งพระ ทั้งเณร ทั้งเด็กนักเรียน ทั้งฆราวาสที่อยู่ในวัด หวังว่าการศึกษาจะช่วยยกระดับความรู้ ประสบการณ์และมุมมองของเขา ต่อให้ทำอะไรไม่ได้มากก็เอาตัวให้รอดได้ เอาครอบครัวให้รอดได้ก่อน หลังจากนั้นแล้วถ้ามีเวลาก็ค่อยมาสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ๆ ให้กับสังคม เห็นสิ่งที่ในหลวงทรงทุ่มเททำมาตลอดชีวิตแล้ว บรรดาพสกนิกรนี่น่าจะประหารให้หมด...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 08-09-2016, 19:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “การหล่อพระเพื่อประจำบุษบกทรงวิมานที่วัดท่าขนุน อาตมาจะหล่อปีละองค์ ปีหน้าหล่อองค์นากก่อน ปีถัดไปก็องค์เงิน พออาตมา ๖๐ ปีก็องค์ทองคำพอดี

ตอนแรกว่าจะหล่อทองคำองค์เดียว อีก ๒ องค์จะเอาพระพุทธรูปรัชกาลที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้กับทางวัดท่าขนุนมาตั้ง ปรากฏว่าพยายามดูอย่างไรก็ไปกันไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธรูปรัชกาลนั้นลงรักปิดทองมา แล้วก็มีหลุดลอก ในสายตาของคนชอบวัตถุโบราณก็คือสวย แต่ถ้าขึ้นไปเข้าคู่กับพระทองคำ ๒ ข้างก็จะดูกระดำกระด่าง จึงสั่งช่างให้ทำแท่นเอาไว้ด้านหน้า ให้อยู่ใกล้ ๆ ใครไปกราบไปไหว้จะได้เห็นชัด ๆ ไปเลย

ส่วนบนบุษบกก็เลยเอาพระพุทธรูป ๓ กษัตริย์ ทอง นาก เงิน ไปเลย ปรึกษาช่างแล้ว บอกช่างว่าอยากได้ศิลปะขนมต้มแบบศรีวิชัยองค์หนึ่ง ให้ดูตัวอย่างจากพระพุทธทักษิณมิ่งมงคลที่พุทธอุทยานเขากง จังหวัดนราธิวาส ช่างบอกว่าอย่างนั้นอีกองค์หนึ่งควรจะเป็นภาคเหนือ ก็เลยตั้งใจว่าถ้าไม่ใช่พระที่เป็นศิลปะเชียงแสนก็จะถอดแบบพุทธสิหิงค์มาเลย ส่วนตรงกลางคือพระแก้วมรกตของภาคกลางอยู่แล้ว เป็นเหนือ กลาง ใต้พอดี ถือว่าลงตัวโดยไม่เจตนา ของทุกอย่างเหมือนกับท่านเตรียมเอาไว้ เพียงแต่ว่าเมื่อไรเราจะตามทันเท่านั้นเอง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 02-03-2019 เมื่อ 12:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 08-09-2016, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “รู้ไหมว่าเวลาอาตมาทำอะไรมักจะได้มากเกินต้องการ เพราะมีนิสัยทำบุญทีเดียวหมด เห็นบางท่านทำบุญแบบทำแล้วทำอีก ทำนิดทำหน่อย แสดงว่าอยู่ที่วิสัยคนจริง ๆ

ตอนนี้อาตมาชักเบื่อ เพราะเวลาได้อะไรก็ได้มากเกิน บอกกับตัวเองว่าถ้าเผลอเกิดใหม่จะเลิกทำบุญแล้ว ที่ตัวเองทำไว้เยอะเกินไปแล้ว บอกว่าจะเลิกทำ ๆ ก็เห็นยังทำไปเรื่อย ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ถวายร่วมสร้างจุฬามณีที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ไปหนึ่งล้านบาท ถวายหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล เจ้าคณะจังหวัดที่ท่านเกษียณอายุไปห้าแสนบาท ช่วงงานฉลอง ๑๐๐ หลวงพ่อฤๅษีก็ถวายหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล ช่วยสร้างหลวงพ่ออู่ทองที่พุทธมณฑลสุพรรณบุรีไปหนึ่งล้านบาท

นั่นแหละ...ต้องบอกว่าบุญของท่าน ท่านตั้งใจทำงานใหญ่ ปรากฏว่าเกษียณอายุไปตั้งหลายปีแล้ว ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นธรรมเฉยเลย ปกติพระเกษียณอายุตำแหน่งจะไปยากแล้ว ไม่ค่อยได้หรอก ท่านเกษียณอายุแค่ชั้นเทพ ที่พระเทพสุวรรณโมลี ปรากฏว่า ๑๒ สิงหา ๘๔ พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนเป็นพระธรรมพุทธิมงคล ยังไม่ได้ไปแซวท่านเลยว่า "แบ่งให้ผมบ้างนะ อย่างน้อยผมก็ถวายไปเป็นล้าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 08-09-2016, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท่านบอกว่ามโนสัญเจตนา คือ ความมุ่งมั่นของใจ ทำให้คนอยู่ได้ ส่วนใหญ่คนที่เกษียณอายุแล้วก็เฉา บ้างก็ตายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะขาดมโนสัญเจตนา ท่านก็เลยสร้างพระใหญ่ บอกว่าจะอยู่ ๑๐๘ ปี งานไม่เสร็จไม่ยอมตายหรอก

ท่านสร้างพระใหญ่เป็นปางโปรดพุทธมารดา ถ้าเสร็จแล้วยังจะสร้างปางประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน แล้วตอนนี้ก็เจาะถ้ำ เรียกว่าถ้ำอินทสาลคูหา ลักษณะว่าทำเอาไว้เพื่อใช้เป็นที่จัดประชุมคณะสงฆ์ หรือจัดงานนิทรรศการต่าง ๆ เลียนแบบถ้ำสัตบรรณคูหา ที่เขาเวภาระ ซึ่งใช้จัดสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๑ ท่านบอกว่าต้องหาเงินเดือนละสามล้านบาทไปจ่ายค่าช่าง ไม่ต้องห่วง อายุ ๘๐ กว่า ยังกระตือรือร้นมาก ให้ไปบรรยายที่ไหนไปทันที ไม่ไปไม่ได้ เดี๋ยวสตางค์ไม่เข้าวัด”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-09-2016 เมื่อ 18:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 08-09-2016, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของคนตาย คนจีนกับคนไทยมีประเพณีคล้ายกัน คือทำบุญให้คนตาย คราวนี้การทำบุญมีการทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนสมัยโบราณท่านเก่งกว่าเรามากหรืออย่างไร ถึงได้รู้ว่าคนตายที่ลงไปรอการตัดสินที่ตำหนักพญายม ส่วนใหญ่ ๒ เดือนแล้วยังไม่รับการตัดสินเลย เพราะว่าเวลาต่างกันมาก เวลาของเขา ๑ วันเท่ากับของเรา ๕๐ ปี..!

ฉะนั้น...การทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน เท่ากับทำบุญในช่วงที่เขายังไม่ได้รับการตัดสิน ถ้าโมทนาบุญได้ก็พ้นไปเลย เรื่องพวกนี้แสดงว่าโบราณทั้งจีนทั้งไทยมีความรู้เป็นอย่างดี ดีกว่าพวกเราสมัยนี้เยอะมาก เวลาไม่เกิน ๑๐๐ วันของเขานี่ ส่วนใหญ่แล้วยังไม่ทันได้ตัดสินเลย เวลาต่างกันมากจริง ๆ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 08-09-2016, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีอย่างหนึ่งที่อาตมาแปลกใจก็คือ ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ก็หวังพ้นทุกข์ แต่กลับปฏิบัติธรรมแบบคนไม่อยากพ้นทุกข์ ก็คือไม่ได้คิดจะทุ่มเทอะไรจริงจังเลย อย่าลืมว่าวันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง กิเลสกินเราทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งยืนทั้งนั่ง เราเองอาจจะปฏิบัติธรรมเช้าสักชั่วโมงหนึ่ง เย็นสักชั่วโมงหนึ่ง แล้วพอที่จะสู้กับกิเลสไหม ?

ลองทบทวนกันดี ๆ ว่าทุกวันนี้ที่เราทำอยู่เพียงพอที่จะปฏิบัติแล้วหลุดพ้นหรือไม่ ? ไม่ใช่ทำตัวเหมือนมีเวลาว่าง ทำตัวเหมือนคนมีเวลามาก ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ไม่ได้คิดจะทุ่มเทอะไรจริงจัง ลักษณะอย่างนั้นถ้าเราเกิดเป็นอะไรตายเสียก่อน จะกลายเป็นว่าเสียชาติเกิด

ครูบาอาจารย์ก็ล่วงลับดับขันธ์ไปทีละองค์สององค์ เรายังจะรออีกนานเท่าไร ? เพื่อจุดมุ่งหมายนี้ เราตะเกียกตะกายทุกข์ยากมากี่ชาติแล้ว แล้วถ้าหากเรายังทำตัวอย่างนี้อยู่ รู้ไหมว่าเราต้องตะเกียกตะกายทุกข์ยากไปอีกกี่ชาติ...!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 08-09-2016, 20:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงเดือนที่ผ่านมาทางคณะสงฆ์มีงานเยอะมากเป็นพิเศษ เพราะช่วงเข้าพรรษาใหม่ ๆ ก็มีการปฏิบัติธรรมของพระนวกะ หลังจากนั้นก็ต้องมีการเรียนการสอนทั้งนักธรรมและบาลี คราวนี้ที่หนักกว่านั้นก็คือโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ระยะที่ ๓ ซึ่งโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ระยะที่ ๓ นี้เน้นคุณภาพ ก่อนหน้านี้ระยะที่ ๑ อยู่ในลักษณะของการประชาสัมพันธ์ แล้วระยะที่ ๒ ก็ให้คนสมัครเข้าโครงการ แต่พอระยะที่ ๓ นี้มีการจัดกิจกรรม

คราวนี้แต่ละตำบลปกครองคณะสงฆ์ก็ต้องรับภาระหนัก เพราะนอกจากงานของตนเองที่ต้องทำแล้ว ยังต้องควบคุมลูกคณะทำงานให้เข้าถึงประชาชนด้วย กิจกรรมที่เขากำหนดมาทั้งหมดมีอยู่ ๒๐ กว่าหัวข้อด้วยกัน มีกระทั่งปล่อยนกปล่อยปลา เพราะเขาถือว่าสนับสนุนการรักษาศีลข้อที่ ๑ ก็คือนอกจากงดเว้นจากการฆ่าสัตว์แล้ว ยังมีเมตตาไปปล่อยชีวิตเขาด้วย ฉะนั้น...ศีลทุกข้อจะมีสิ่งรองรับทั้งหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 08-09-2016, 20:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ปรากฏว่าศีลข้อที่ ๔ ก็คือ เรื่องของการเว้นจากการโกหก ไม่มีอะไรให้รองรับเป็นรูปธรรม ปรากฏว่าเด็กทองผาภูมิทำได้ ได้รางวัลที่หนึ่งระดับประเทศเลย เด็กทองผาภูมิวาดการ์ตูนในลักษณะเล่านิทาน โดยเฉพาะพวกเรื่องนกมีหูหนูมีปีก เมื่อโกหกแล้วเป็นโทษอย่างไรประมาณนั้น

ปรากฏว่าหลวงพ่อสมเด็จพระมหาราชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ท่านชอบใจมาก ให้รางวัลไป ๒ คันรถ สำหรับเด็กต่างจังหวัดไกล ๆ โครงการอาหารกลางวันบกพร่องอยู่ตลอด เพราะว่าส่วนใหญ่ก็เป็นต่างด้าว ไม่มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน จึงไม่มีค่าหัวให้ เท่ากับว่าต้องมานั่งดูเด็กไทยกินข้าวกลางวัน ท่านก็เลยให้เสบียงไป ๒ คันรถ

เมื่อวันที่ ๒๖ ที่ผ่านมา ก็เข้ามารับรางวัลกับท่านในงานวันเกิดที่วัดปากน้ำ สรุปว่าเด็กทองผาภูมิเก่งที่สุด ทำสิ่งที่มองไม่เห็นให้เป็นรูปธรรมได้ แล้วการจัดนิทรรศการของทองผาภูมิก็ได้อันดับหนึ่งของภาค เพราะว่าเขาทำเป็นเรือนกะเหรี่ยง นึกออกไหม ? ที่เอาไม้ไผ่มาผ่าคว่ำอันหงายอัน มุงเป็นกระเบื้อง วัสดุอุปกรณ์ก็ไม่ได้มากเลย แต่ทำออกมาแล้วดี ก็มีการผูกข้อมือรับขวัญกินข้าวใหม่อะไรกัน แสดงให้เห็นว่าถ้าหากว่าอยู่ในศีลกินในธรรมจะอยู่ง่ายกินง่าย มีความสุขแบบพอสมควรกับอัตภาพ จึงเป็นที่ชอบใจ จนกระทั่งได้รับการตั้งเป็นกรรมการบริหารโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ด้วย ทั้งที่ระดับตำบลไม่มีทางได้เป็น ส่วนใหญ่เขาเป็นกันระดับจังหวัดขึ้นไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 08-09-2016, 20:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้พอขอให้ทางทองผาภูมิส่งตัวแทนไปเป็นคณะกรรมการ พวกเราก็ส่งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอท่านบอกว่าไม่ใช่ผลงานของท่าน เป็นผลงานของหลวงพ่ออำนวย (พระครูเกษมกาญจนกิจ เจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่น เขต ๒) เพราะท่านเป็นกะเหรี่ยง มีญาติโยมกะเหรี่ยงนับถือมาก ต้องการอะไรขอให้บอก ก็เลยส่งหลวงพ่อพระครูเกษมกาญจนกิจไป

ท่านก็บ่นใหญ่ “เอาอาจารย์เล็กไปก็หมดเรื่องแล้ว ทำไมต้องให้ผมไปด้วย ผมพูดไม่เป็น” อาตมาบอกว่า “ไม่ต้องพูดครับหลวงพ่อ ถึงเวลาทำอย่างเดียว ถ้าจะให้พูดเมื่อไรแล้วบอก เดี๋ยวผมจะไปช่วยพูดให้” ผลงานเป็นของท่าน ก็ให้ท่านเป็น จะได้มีชื่อเสียงอยู่ในโครงการ อย่างน้อย ๆ ก็เป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตนเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 08-09-2016, 20:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่แน่ ๆ ก็คือทำให้เห็นว่า คนกะเหรี่ยงจริง ๆ อยู่กับศีลกินกับธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านศีล ๕ พื้นฐานมาจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ที่เขาถือศีล ๕ แล้วกินเจกันทั้งหมู่บ้าน

โครงการหมู่บ้านศีล ๕ จริง ๆ ต้นแบบ คือ หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม สมัยโน้นเขาอพยพบรรดากะเหรี่ยงออกจากอุทยาน เรื่องนี้เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาอยู่กันมาเป็นหลายร้อยปี ทางราชการไปประกาศเป็นอุทยานแล้วก็ไปไล่คนออก พอไปไล่คนออกหลวงปู่ท่านเป็นที่เขาเคารพนับถือ ก็ต้องเข้าไปช่วยบริหารจัดการ ไปดูแลใกล้ชิด ปลอบใจ ให้คำแนะนำในการประพฤติปฏิบัติทุกอย่าง

จากหมู่บ้านที่แห้งแล้งหากินไม่ได้เลย เพราะว่าข้างใต้เป็นศิลาแลง หลวงปู่ท่านก็สอนให้เขาขุดศิลาแลงขึ้นมาขาย ค่าแรงวันละ ๒๐ บาทสมัยโน้น พอตกค่ำก็สวดมนต์ภาวนากัน กะเหรี่ยงภาวนาเร็วมาก เราตามไม่ทันหรอก เขาพุทโธ ๆ ๆ คราวนี้เขาขยันภาวนา ขยันนับลูกประคำ แต่ละคนนี่ประคำใสกิ๊งเลย เราคนกรุงเทพฯ ไปเห็นแล้วชอบใจ ขอซื้อ ๒๐ บาทขายไหม ? ไม่ขาย ค่าแรงวันหนึ่งเลยนะ ๓๐ บาท...ไม่ขาย ๔๐ บาท...ไม่ขาย ๕๐ บาท...ไม่ขาย ๖๐ บาท...ไม่ขาย ๗๐ บาท...ไม่ขาย พอ ๘๐ บาท เอ้า...ขายก็ได้ ค่าแรงตั้ง ๔ วันแน่ะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 20:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 10-09-2016, 16:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก่อนหน้านี้ตอนที่หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์เอาประคำมาถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงครั้งแรก ประมาณปี ๒๕๑๘ หลวงพ่อท่านเสกเสร็จแล้วก็วางจำหน่าย พวกเรากราบเรียนถามว่า “หลวงพ่อครับ ตั้งราคาประคำเท่าไรดีครับ ? ” “ตอนพวกเอ็งซื้อเขา ซื้อมาเท่าไร ?” “แปดสิบบาทครับ” ท่านบอก “เออ...นั่นแหละ เอาราคานั้น” จัดเป็นวัตถุมงคลที่ราคาแพงที่สุดในยุคนั้น เพราะวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงราคา ๑๐ บาท ๒๐ บาทยืนพื้น ท่านบอกว่าก็ในเมื่อกะเหรี่ยงเขายอมขายราคานี้ ก็เอาราคานี้ ก็เลยเรียกว่าประคำราคากะเหรี่ยงตั้ง

ด้วยความที่บรรดากะเหรี่ยงเขาเคารพเชื่อฟังครูบาไชยวงศ์ ถึงลำบากก็อดทนสู้ แห้งแล้งขนาดไหนก็สู้ หางานทำไปเรื่อย ในที่สุดก็ค่อย ๆ เจริญขึ้นมา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีผ้าทอมือ มีย่ามทอมือ เหมือนกับสินค้า OTOP สมัยนี้ ก็ทำให้หมู่บ้านเจริญขึ้นมา

ในบริเวณวัดนั้นเจ้าที่วัดเขาขอกับหลวงปู่ไว้ว่า ขอให้ทุกคนอย่านำเนื้อสัตว์เข้ามา ในระยะรัศมี ๒ กิโลเมตรห้ามนำเนื้อสัตว์เข้าไป คราวนี้พระวัดท่าซุงรุ่นยุคเก่า ๆ เวลาไปฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่ ก็ไปเจอ "อาหารเจกะเหรี่ยง" แบบหลวงปู่ ก็คือไม่ใช่อาหารมังสวิรัติแบบกรุงเทพฯ อย่างที่พวกเรารู้จัก แต่เป็นผักเป็นหญ้าจริง ๆ ประเภทกินกันเป็นวัวเป็นควายเลย ท่านทนไม่ไหว โน่น... เดินออกไปจนพ้นเขต ๒ กิโลเมตร เอาสตางค์ไปฝากชาวบ้านไว้ บอกว่าช่วยหาหมูแดดเดียวทอดให้หน่อย พรุ่งนี้จะมาบิณฑบาต นี่คือพระวัดท่าซุงสมัยนั้น สรุปก็คือต้องฉันให้เสร็จแล้วค่อยกลับเข้าวัดไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2016 เมื่อ 16:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 10-09-2016, 16:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"จนกระทั่งปัจจุบันพอเขาตั้งหลักปักฐานกันได้ หลวงปู่ไปอยู่ลูกศิษย์ลูกหาก็ไปกันมาก โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ บรรดาสินค้าต่าง ๆ ก็ขายได้ อาหารขายได้ ที่พักขายได้ สารพัดความเจริญเข้ามา หน่วยงานต่าง ๆ ก็ขยับตัวเข้าไปเอาความดีความชอบ ไม่ได้ขยับเข้าไปช่วยนะ ถ้าช่วยต้องช่วยตั้งแต่แรก นี่หลวงปู่ช่วยจนเขายืนหยัดกันได้แล้ว พวกนี้ถึงมา

แบบเดียวกับสมัยที่อยู่วัดท่าซุง อาตมาขอให้
พวกประมงจังหวัดมาช่วยปักป้ายเขตอภัยทานหน้าวัดให้หน่อย เพราะว่ามีคนมาจับปลาเป็นประจำ ขอเท่าไรป้ายก็ไม่มา อาตมาต้องลงไปฟัดกับชาวบ้านอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ จนกระทั่งได้วังมัจฉาหน้าวัดท่าซุงขึ้นมา พวกนั้นดันซวยโผล่มากลางงานศพหลวงพ่อวัดท่าซุง มาถึงมาถามหา “หลวงพี่เล็กท่านไหนครับ ? ผมมาจากประมงจังหวัด” อาตมาชี้มือไปที่ทางออก “ประตูอยู่ด้านโน้น..กลับหลังหันแล้วมึงเดินออกไปเลย..! กูขอมาตั้ง ๓ ปี รบกับชาวบ้านแทบเป็นแทบตาย มึงไม่เคยคิดจะมาช่วย ตอนนี้พอมีวังมัจฉาขึ้นมาเป็นแหล่งเที่ยว มึงก็จะมาชุบมือเปิบเอาผลงาน” เจ้านั่นเดินเหี่ยวไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2016 เมื่อ 16:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 10-09-2016, 16:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนใหญ่แล้วรัฐบาลเป็นอย่างนี้ ก็คือคอยจังหวะเหมือนอีแร้ง รอให้มีเหยื่อแล้วก็ลงมากิน ตอนให้ไปล่าเองไม่ล่าหรอก เพราะฉะนั้น...ใครเป็นข้าราชการโปรดอย่าทำตัวเป็นอีแร้งแบบนี้ อาตมาไม่ชอบเป็นที่สุดเลย ประเภทเช้าชามเย็นกะละมังนั่นเลิกได้แล้ว สงสารในหลวงบ้าง ในหลวงทำงานมา ๗๐ ปี ทำงานจนกระทั่งนอนโรงพยาบาลยาวมาแล้ว เราได้ชื่อว่าข้าราชการ คือผู้ที่สนองงานพระราชา กระทำการงานเพื่อท่าน แต่กลับทำเพื่อตนเองเสียหมด

อีกส่วนหนึ่งที่เห็นชัด ๆ เลย ก็คือ วัดหลวงพ่ออุตตะมะ หลวงพ่ออุตตะมะท่านตั้งวัดอยู่ พวกมอญ พวกกะเหรี่ยงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ปรากฏว่าทางราชการไปสร้างเขื่อน น้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน ๔-๕ หมู่บ้าน ท้ายสุดก็ต้องโยกย้ายกันออกไป มอบที่ดินให้ก็ไม่เหมาะที่จะทำกิน เพราะเป็นที่ภูเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ จะไปทำอะไรได้ หุงข้าวตั้งไว้หม้อก็กลิ้งไปอยู่ตีนเขาโน่น..!

หลวงพ่ออุตตะมะก็ลักษณะเดียวกัน ก็คือไปปลอบโยนพวกมอญพวกกะเหรี่ยงว่า พวกเรามาตั้งตัวกันใหม่ได้ ท่านก็แบ่งปันที่ที่เขาปันเอาไว้ให้ ถ้าใครคิดว่าอยู่แล้วลำบากก็ไปหาที่ของตัวเองใหม่ แต่ถ้าคิดจะสู้อยู่ร่วมกันก็รับเอาพื้นที่นี้ไป แล้วก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ จนกระทั่งในที่สุดสังขละบุรีก็เจริญขึ้นมา วัดวาอารามจมอยู่ในน้ำ ท่านก็มาสร้างใหม่ข้างบน แล้วทุกวันนี้เขาก็อยู่ร่วมกันได้ทั้งหมด ทั้งกะเหรี่ยง ทั้งพม่า หลังจากนั้นท่านอาจารย์พระมหาสุชาติก็สืบทอดปฏิปทาหลวงพ่ออุตตะมะต่อมา

สรุปแล้วในเรื่องของหมู่บ้านศีล ๕ ถ้าไม่ดูมอญก็ต้องดูกะเหรี่ยง คนไทยเราหาตัวอย่างไม่ได้...น่าอายมาก..! คราวนี้โครงการพวกนี้ประดังมา ช่วงที่ผ่านมาอาตมาก็เลยแทบจะไม่มีเวลาหายใจ กระทั่งมากรุงเทพฯ ยังลืมบอก ต้องให้ลูกเจนนี่มาทวงถาม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-09-2016 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 10-09-2016, 16:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเด็กถึงมีแรงเยอะคะ ?
ตอบ : คนจีนเขาแบ่งกำลังออกเป็นแรกธรรมชาติกับหลังกำเนิด ไอ้นี่ ...(ชี้ที่เด็ก)... คือพลังงานหลังกำเนิด แต่ส่วนใหญ่พอโตขึ้นมาแล้ว ตัวปรุงแต่งไปจำกัดส่วนนั้นเสีย ความปรุงแต่งจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ไหว ไม่ได้ น่ากลัว สูงเกินไป ต่ำเกินไป แต่เด็กเขาไม่มี เขาไม่รู้ตรงนี้

ถาม : ที่จริง เราก็เลียนแบบเด็กได้ ?
ตอบ : ได้...ก็คือเขาไม่รู้ พอไม่รู้ก็ไม่ปรุงแต่ง

แรกธรรมชาติอยู่ในท้อง หายใจทางท้อง คราวนี้พอคลอดออกมาแล้วก็มาหายใจทางจมูก แต่ก็ยังสามารถหายใจทางท้องได้ แต่ต้องฝึกกันใหม่ อย่างเด็ก ๆ จับปลาไหลห้อยต่องแต่งอยู่หมัดเลย ผู้ใหญ่จับไม่อยู่ เคยมีตอนอยู่วัดท่าซุง อาตมาก็ซื้อปลาไปปล่อย ซื้อปลาไหลมาถังหนึ่ง ปลาไหลเลื้อยขึ้นมา เด็กตัวเล็ก ๆ คว้าหัวหิ้วขึ้นมา แม่ร้องกรี๊ดลั่นรถสองแถว เด็กเขาก็ไม่รู้เรื่องว่าปลาไหลนั้นลื่น เขาก็แค่กำมือไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2016 เมื่อ 16:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว