| 
	|||||||
| เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป | 
![]()  | 
	
	
| 
		 | 
	คำสั่งเพิ่มเติม | 
| 
		 
			 
			#21  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ทุกวันนี้ดูเหมือนอินเทอร์เน็ตและ Facebook จะมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ปุถุชนในโลกแห่งความเป็นจริงยิ่งกว่าสมัยก่อน  และดูเหมือนจะเป็นเกือบทุกอย่างของชีวิต เช่น การรู้จักคน   การซื้อขายสินค้า  การทำบุญ และการปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่สามารถสร้างกุศลกรรมและอกุศลกรรมได้อย่างรวดเร็วและฉับพลัน   อีกทั้งสามารถทำให้เกิดความสุขและความทุกข์แบบปลอม ๆ ได้แนบเนียนเสียเหลือเกิน ผมกราบขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ว่า  ผมผิดปกติหรือไม่ที่มีความรู้สึกเช่นนี้มาสักพักใหญ่แล้ว ?  และขอกราบเรียนถามถึงวิธีการหนีรอดจากเครื่องมือของบ่วงมารนี้ได้ 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ผิดปกติไหม ? ก็ถือว่าแปลกแยกจากสังคม ส่วนวิธีทำอย่างไรจะให้ได้ประโยชน์ที่สุดหรือหลุดพ้นไปได้ ก็พยายามใช้ไปในเรื่องของการปฏิบัติธรรม หรือใช้สนับสนุนศีล สมาธิ ปัญญา ของเราให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 09:06  | 
| สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#22  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ผู้ที่ปรารถนาความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จะสามารถบรรลุความเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ครับ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ถ้าไม่ได้ละความปรารถนานั้นเสียก่อนก็บรรลุไม่ได้ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 09:07  | 
| สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#23  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : เคยมีคนบอกว่าเรื่องการย้ายเจดีย์นั้น  หากนำเอาเงินทำบุญของพุทธบริษัทมาใช้ในงานบุญที่มีอานิสงส์มากกว่าเจตนาเดิมที่คนร่วมบุญมา  ไม่ถือว่าเป็นการย้ายเจดีย์จริงไหมครับ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ถ้าเจ้าของเงินไม่ยินดีด้วย อย่างไรก็โดน..! 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 09:07  | 
| สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#24  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ถ้าฆราวาสมีปัญหากับพระสงฆ์  และต้องการขอขมาท่าน  แต่ไม่สามารถขอขมาแบบตัวต่อตัวได้   ใช้วิธีถวายพานดอกไม้ธูปเทียนแพขอขมาต่อหน้าพระพุทธรูป   และภาวนาคำขอขมาพระรัตนตรัยต่อพระเครื่องประจำตัวก่อนนอนตลอดทุกคืน  อยากทราบว่าการทำเช่นนี้ถือว่าการขอขมาพระรัตนตรัยมีผลสมบูรณ์หรือไม่ครับ ? และหากไม่สมบูรณ์ กราบขอคำชี้แนะที่ถูกต้องจากพระอาจารย์ด้วยครับ 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ดูท่าว่าจะไปไม่รอดหรอก เพราะใจกังวลเหลือเกิน สำหรับบุคคลนี้ที่ถาม เกิดจากการที่ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะไปเผชิญหน้ากับพระท่าน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ที่บอกว่าไม่สามารถไปพบและขอขมาซึ่งหน้าได้ ก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น..! 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2016 เมื่อ 14:21  | 
| สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#25  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			การถามคำถาม มีบุคคลหลายประเภทด้วยกัน   ประเภทแรก...ถามเพื่อตั้งใจให้อาตมารับรองผลการปฏิบัติ เพื่อที่จะได้เอาไปอวดคนอื่นเขา  ประเภทนี้จะเห็นว่าอาตมาจะไม่ตอบเลย  ประเภทที่สอง...ถามให้คนอื่นรู้สึกว่าตนเองเป็นคนดี  ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจพอกัน  ฉะนั้น...ในส่วนที่น่าตอบที่สุดคือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ  เราติดขัดตรงไหนแล้วสอบถามมา ไม่ใช่ถามเปะปะไปเรื่อยเปื่อย หรืออวดความรู้ของตนเอง  แต่บุคคลที่ว่ามาก็ดันมีมากเสียอีก..!  
		
		
		
		
		
		
			ไปนึกถึงแม่ชีท่านหนึ่งไปพักที่วัดท่าซุงราว ๆ ปี ๒๕๒๘ ประมาณหกโมงเช้าก็ไปทุบประตูศาลานวราช บอกว่า "ท่าน..เทปที่เปิดเมื่อเช้ามืด มีขายไหม ?" พระก็ตั้งหลักไม่ทัน ถามว่าเทปไหน ? แม่ชีก็ว่า "เทปที่ด่าฉันน่ะ" พระก็บอกว่า "ไม่มีนะ...เทปที่ด่าโยม" เขายืนยันว่ามี พระท่านถามว่า "โยมได้ยินเสียงด่าหรือ ?" เขายืนยันว่าหลวงพ่อด่าเขาตลอดครึ่งชั่วโมงที่ฟังเทป ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพระท่านก็ถามต่อว่า "เกิดอะไรขึ้นถึงโดนด่าอย่างนั้น หลวงพ่อท่านด่าด้วยเรื่องอะไร ?" เขาตอบว่า ได้ปฏิบัติธรรมไปจนถึงระดับหนึ่งแล้วรู้สึกว่าตัวเองดี ก็เลยตั้งใจจะมาสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ แต่ความตั้งใจอยู่ในลักษณะที่จะอวดว่าตัวเองดีแล้ว เวลาฟังเทปตอนเช้ามืดก็เลยได้ยินหลวงพ่อท่านด่า "อวดดี..ความรู้มีแค่หางอึ่ง ปฏิบัติได้นิดหน่อย ตั้งใจจะมาหาเรื่องคุยอวดชาวบ้านเขา หาเรื่องลงนรกชัด ๆ...ฯลฯ" หลวงพ่อท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย สรุปได้ความว่า เทปที่เปิดตอนเช้ามืดนั้น เป็นเทปปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ตั้งแต่ต้นจนท้ายไม่มีคำด่าสักคำเดียว แสดงว่าหูดีมาก สามารถได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน..! 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2016 เมื่อ 13:49  | 
| สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#26  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			สมัยก่อนพอเลิกกรรมฐานทุ่มครึ่ง พวกเราก็มาจับกลุ่มสนทนาธรรมกัน พอสองทุ่มทางวัดจะเปิดเสียงตามสายของหลวงพ่อ  หลวงตาวัชรชัยก็ยกมือไหว้อย่างดี แล้วก็ปิดเสียงที่ลำโพง  ปรากฏว่าวันนั้นดวงเฮงทั้งคณะเลย  พอยกมือไหว้ เอื้อมมือจะไปปิดเสียงลำโพง ก็มีเสียงหลวงพ่อดังออกมาว่า "ไอ้พวกชอบคุยแข่งเสียงธรรมะ  แถมยังชอบปิดเสียงลำโพงด้วย หาเรื่องไปอเวจีทั้งก๊วน...!"  สรุปแล้วเทปของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านด่าได้จริง ๆ..!  
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2016 เมื่อ 15:14  | 
| สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#27  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			อาตมาก็เจอมากับตัวเอง  หลวงพ่อท่านเทศน์ว่าพระนางโรหิณีเกิดมาสวยมาก  แต่ไม่กล้าที่จะไปพบพระพุทธเจ้า เพราะได้ยินว่าพระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญเรื่องความงาม  อาตมาก็นึกในใจว่า "ไม่น่าจะใช่  เพราะตามที่เคยอ่านมาเป็นพระนางรูปนันทา" เสียงหลวงพ่อในเทปบอกว่า  "ถ้าในพระสูตรเป็นพระนางรูปนันทา  แต่ในธรรมบทบอกว่าเป็นพระนางโรหิณี"  อ้าว...แค่คิดในใจท่านก็เถียงแล้ว แสดงว่าเทปเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงเถียงเก่งทุกม้วน...!  
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 13:24  | 
| สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#28  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ประสบการณ์ที่พบบ่อยก็คือ เวลาตั้งใจฟังเสียงสอนธรรมของหลวงพ่อวัดท่าซุง  โดยปกติอาตมาจะฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยขยับขาเปลี่ยนท่านั่งเพียงครั้งเดียว  บางวันฟังไปพลิกขาไปสองครั้งก็แล้ว สามครั้งก็แล้ว ไม่จบสักที  จนในที่สุดก็เกิดความสงสัยว่าทำไมวันนี้ท่านเทศน์ยาวแท้ ? จึงลืมตาขึ้นมาดู  ปรากฏว่าทันทีที่ลืมตามา เสียงก็หายวับไปเลย เทปที่ตั้งใจเปิดฟังดีดจบไปตั้งนานแล้ว  แต่ทำไมได้ยินเสียงต่อเนื่องตลอดเวลาก็ไม่รู้  ? เนื้อหาก็ต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันอีกด้วย 
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 13:26  | 
| สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#29  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "ความเจ็บไข้ได้ป่วยสำหรับนักปฏิบัติแล้วถือเป็นกำไรใหญ่  อันดับแรก...ได้เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ดีจริง ๆ อันดับที่สอง...การประคับประคองร่างกายตัวเองต้องใช้กำลังของสติ สมาธิมากกว่าปกติ ในลักษณะอย่างนั้นกิเลสจะกินใจของเราไม่ได้  โดยเฉพาะเมื่อเห็นความตายมาอยู่ตรงหน้า อาการเจ็บไข้ได้ป่วยหนักอย่างนี้ไม่ทราบว่าจะรอดหรือเปล่า  ? ถ้าท่านที่ทำได้ก็จะส่งใจไปเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานไว้ก่อน เป็นการประกันความเสี่ยง แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม   บางทีก็โอดครวญอยู่กับความเจ็บป่วยนั้น  
		
		
		
		
		
		
			ถ้าเป็นนักปฏิบัติที่ปฏิบัติไปได้ระยะหนึ่ง บางทีไม่รู้ว่าตัวเองทำไปแล้ว ผลในการปฏิบัติมีมากน้อยเท่าไร ตอนเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ จะรู้ว่าต้นทุนของเรามีเพียงพอหรือไม่ เพราะกำลังที่เราปฏิบัติได้ทั้งหมดจะมารวมตัวกัน แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตอนนั้นเรามีกำลังเท่าไร ถ้าใครเป็นแล้วกำลังใจไม่เกาะร่างกาย ปล่อยวางได้เป็นปกติ รักษาไปตามหน้าที่...หายก็หาย ถ้าไม่หาย...จะตายก็เชิญตามสบาย ถ้าไม่มีความหวั่นไหว ปล่อยวางได้ขนาดนั้น โอกาสที่จะไปพระนิพพานก็มีสูง จึงสามารถวัดผลการปฏิบัติของตนเองได้ด้วย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 13:28  | 
| สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#30  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญแบบปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมีเพียง ๔ อสงไขยหรือครับ ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : เฉพาะตอนท้าย ถาม : ปรมัตถบารมี ? ตอบ : ถูกต้อง บารมีต้นของปัญญาธิกะบำเพ็ญ ๗ อสงไขย บารมีกลางบำเพ็ญ ๙ อสงไขย บารมีปลายบำเพ็ญ ๔ อสงไขย รวมแล้ว ๒๐ อสงไขยถ้วน ๆ กับเศษอีกหนึ่งแสนมหากัป เพราะฉะนั้น...ได้ยินมาว่าปัญญาธิกะบำเพ็ญมา ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป โปรดทราบว่านั่นเป็นตอนท้ายเท่านั้น บาลีท่านบอกว่า จิตติตัง สัตตะสังเขยยัง คิดในใจว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา ๗ อสงไขย นะวะสังเขยยะ วาจะกัง พูดว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า ๙ อสงไขยกัป ก็เหลือสุดท้าย กาย วาจา ใจทำเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป ถ้าเป็นศรัทธาธิกะก็บวกเท่าตัวเลย รวมแล้ว ๔๐ อสงไขย วิริยาธิกะบวกไปอีกเท่าตัว รวมแล้ว ๘๐ อสงไขย ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ทำเพื่อความสุขความสบายของบริวาร ท่านก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจว่าตัวเองจะลำบาก 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2016 เมื่อ 15:14  | 
| สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#31  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงสัมพันธ์กับสมเด็จองค์ปฐมอย่างไรครับ ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : เคยเกิดเจอท่านมา ถาม : แล้วท่านปรารถนาพุทธภูมิสมัยสมเด็จองค์ปฐมหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ไม่ได้ถาม ท่านเพียงแต่บอกว่าสมัยที่ท่านปรารถนาพุทธภูมิครั้งแรก ภูกระดึงยังเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่กลางทะเล ตอนนี้น้ำถอยไปยังปักษ์ใต้แล้ว แค่สมัยคณะของหลวงพ่อโสณะกับหลวงพ่ออุตตระมาเผยแผ่พุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ ตอนนั้นนครปฐมอยู่ชายทะเล เป็นท่าเรือที่คนเข้ามาค้าขายกัน ปัจจุบันทะเลถอยยาวไปถึงชะอำของเพชรบุรีแล้ว 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 17:26  | 
| สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#32  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "โดยปกติแล้วหลังการจัดงานวัด อาตมาจะอาศัยเวลาทำวัตรค่ำวันนั้น สรุปและประเมินผลการจัดงานว่ามีอะไรผิดพลาดที่ต้องแก้ไขบ้าง   
		
		
		
		
		
		
			เมื่อวานนี้ข้อผิดพลาดใหญ่ที่เห็นก็คือคน โดยเฉพาะแม่งานก็คือคุณชยาคมน์ พลาดตรงที่ไม่กล้าตัดสินใจ คนมาแน่นขนาดนั้นต้องเปิดบ้านให้เขาขึ้นเลย ไม่อย่างนั้นจะระบายคนไปทางไหน ? เขาให้คนวิ่งมาถาม อาตมาก็เลยไม่ตอบ โทษฐานที่ตัดสินใจไม่ได้ ท้ายสุดก็ไม่ยอมตัดสินใจอีก อาตมาจึงต้องเปิดบ้านเอง ถ้าหากว่าเป็นแม่งานต้องกล้าตัดสินใจ สมัยอยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อตั้งคณะกรรมการสงฆ์ ๑๒ รูป ให้ดำเนินการแทนท่าน ให้อำนาจถึงขนาดว่า ถ้ากรรมการสงฆ์ ๒ ใน ๓ มีมติขับไล่ท่านออกจากวัด ท่านก็จะไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าตัดสินใจสักคน ไม่ว่าเรื่องอะไรท้ายสุดก็ต้องให้หลวงพ่อท่านตัดสินใจ แล้วท่านจะตั้งคณะกรรมการสงฆ์ไว้ทำอะไร ? ท้ายสุดพออาตมาไปถวายการรับใช้หลวงพ่อ อะไรที่มั่นใจว่าทำแล้วไม่พลาดแน่ จะตัดสินใจทำแทนท่านไปเลย เพราะฉะนั้น...ช่วงสี่พรรษาสุดท้ายก่อนที่หลวงพ่อท่านจะมรณภาพ ท่านก็เลยเรียกใช้อาตมาอยู่คนเดียว เพราะอาตมา "กล้ารับผิด" พูดง่าย ๆ ว่าถ้าพลาดยอมแม้กระทั่งให้หลวงพ่อไล่ออกจากวัด แต่จะพยายามให้งานไปถึงท่านให้น้อยที่สุด เพื่อถนอมสังขารของท่านเอาไว้ให้นานที่สุด ก็เลยเป็นคนที่กล้าตัดสินใจและค่อนข้างที่จะเผด็จการ ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะกลัวผิดกลัวพลาด ถนัดรับแต่ชอบ ไม่รับผิด ถ้ามีคนตัดสินใจแทนก็จะทำงานแบบสบายใจ ฉะนั้น...คนที่จะตัดสินใจรับผิดจึงหาได้ยาก ต่อไปถ้ารักที่จะทำอะไรโปรดรับผิดเสียบ้าง แล้วงานทุกอย่างจะไปได้ดีขึ้นกว่านี้ ถ้าเป็นแม่งานก็ไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว แม้แต่เจ้าของบ้านก็ออกไปห่าง ๆ เลย ต้องตัดสินใจได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่วิ่งมาถามทุกเรื่อง ถ้ามาถามทุกเรื่องอาตมาก็เป็นแม่งานเอง ไม่ใช่คนอื่นเป็น" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 17:30  | 
| สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#33  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			"งานในส่วนอื่นของเมื่อวานนี้ก็คาดว่าจะเรียบร้อย  ที่ต้องใช้คำว่า "คาดว่า" เพราะอาตมาไปไหนไม่ได้  ติดอยู่ข้างบนนี้ ไม่ได้ลงไปดู  ได้ไปดูเอาก็ตอนที่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว 
		
		
		
		
		
		
			เคยย้ำเตือนตั้งแต่สมัยจัดงานนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ที่ปรียานันท์ธรรมสถานครั้งแรก ๆ ว่า ใครรับงานต้องเป็นผู้เสียสละ ก็คือต้องประจำอยู่กับหน้าที่ของตนเอง ไม่ใช่ไปเสนอหน้าอยู่ใกล้ ๆ ครูบาอาจารย์ ถ้าเช่นนั้นงานของตัวเองก็จะบกพร่อง แล้วก็จะพาให้งานส่วนอื่นเสียไปด้วย งานของครูบาวิฑูรย์ส่วนที่ต้องแก้ไข แม้กระทั่งครั้งล่าสุดก็คือการจราจร อาตมาบอกไปครั้งหนึ่งว่า ให้หาไฟไปติดตรงทางเข้าด้านนอกให้คนเขาเห็น ปรากฏว่าไปติดเอาปากทางฝั่งโน้น แปลว่าคนเห็นคือเลยทางเข้าไปแล้ว ค่อนข้างจะติดได้ปัญญานิ่มมาก ไม่รู้เคยขับรถหรือเปล่า ? ต้องติดก่อนทางเข้าอย่างน้อยสัก ๑๐-๒๐ เมตร รถจะได้ชะลอและเข้าได้ทัน หรือถ้าจะให้ดีก็แต่งชุดสะท้อนแสง แล้วถือแท่งไฟโบกให้เขาเห็นเลย ปีนี้อาตมาก็เกือบจะถลำเลยไป ดีที่รู้ว่าทางเข้าอยู่บริเวณนั้น ถ้าคนที่ไม่รู้ก็คงต้องไปวนรถกลับมาใหม่" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 17:32  | 
| สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#34  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : เวลาสร้างพระ ทำไมถึงต้องสร้างสมเด็จองค์ปฐมกัน ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : อยู่ที่ความตั้งใจของเขา ส่วนใหญ่ที่สร้างแล้วประกาศว่าสร้างสมเด็จองค์ปฐมก็เพราะต้องการอานิสงส์ เนื่องจากหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกกับลูกศิษย์ว่า ถ้าใครสร้างสมเด็จองค์ปฐม พระยายมราชจะขึ้นบัญชีทองคำไว้ให้ ท่านเหล่านี้ถ้าไม่ใช่ถึงขนาดทำอนันตริยกรรมแล้ว ท่านจะพยายามประคองจิตให้นึกถึงความดีให้ได้ก่อนตาย คนก็เลยโยนภาระให้พระยายมราช โดยการประกาศว่ากูก็สร้างสมเด็จองค์ปฐม ถึงได้สร้างกันยกใหญ่ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2016 เมื่อ 17:33  | 
| สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#35  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ไปงานศพแล้วผีตามมาค่ะ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ไปบอกผีว่า มีปัญญาก็ตามไปเถอะ ถ้าเอ็งตามมา ข้าจะไม่อุทิศส่วนกุศลให้เอ็ง..! ถาม : ทำให้ไม่สบายเลยค่ะ ? ตอบ : ที่เขาบอกว่าไปแล้วชง อาตมาไปทีไรก็ชงทุกที บางทีตามมาเป็นร้อยเลย พวกไม่ใช่เจ้าของศพก็ตามมาด้วย เขาอยากได้บุญ ไปงานศพนี่ไข้จับตะครั่นตะครอเลย บางทีไม่ได้เฉลียวใจ ไม่ได้ตั้งใจดู ก็ปล่อยให้เขาตามไป ถาม : เขาทำให้หลวงพ่อไม่สบายหรือคะ ? ตอบ : ตะครั่นตะครอเหมือนจะจับไข้ บางทีกระอักกระอ่วนอยากจะอาเจียนก็มี แล้วแต่ว่าแรงมากแรงน้อย ถาม : ทำไมจึงมีผลได้ขนาดนั้น ? ตอบ : เขาพยายามตามตื๊อเรา ถ้าอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป แผ่เมตตาให้เขาไปก็จบแล้ว แต่นี่บางทีลืม ไม่ได้นึกถึงเขา 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2016 เมื่อ 16:21  | 
| สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#36  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์บอกกับโยมเรื่องที่ทำงานว่า "ทน ๆ เอาหน่อย อยู่ที่ไหนเราก็ต้องทน  ถ้าทนแรงเสียดทานไม่ได้ อยู่ที่ไหนก็ลำบาก   น่าเบื่ออย่างนี้ทุกที่แหละ  โลกนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจหรอก..ต้องทนอยู่ไป ตายแล้วอย่ามาเกิดอีกก็แล้วกัน"   
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-01-2016 เมื่อ 19:50  | 
| สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#37  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			มีโยมใส่กางเกงขาสั้น (มาก) มาบ้านวิริยบารมี  พระอาจารย์จึงกล่าวกับโยมว่า  "โยมใส่ชุดจนอาตมานึกว่าไม่ได้นุ่งอะไรข้างล่าง ถ้าตั้งใจมาหาพระไม่ต้องสวยมาก เล่นใส่สวยมากเดี๋ยวคนเขาจะนินทาเอา..!" 
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2016 เมื่อ 11:56  | 
| สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#38  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "วันเสาร์นี้เตรียมสตางค์ไว้ทำบุญ ๒๐๐ บาท มีเหรียญของขวัญปีใหม่แจกให้  ยกเว้นใครอยากได้มากกว่า ๑  เหรียญก็เตรียมสตางค์ไว้เยอะ ๆ  เหรียญของขวัญปีใหม่ชุดเดิมนั่นแหละ แต่ชุดนี้เป็นเนื้อชินตะกั่ว  รับไปแล้วโปรดระวังจมูกพระจะบี้ ออกในราคาเหรียญละ ๒๐๐ บาทแค่พรุ่งนี้เท่านั้น"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-01-2016 เมื่อ 19:01  | 
| สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#39  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "อาตมาเพิ่งจะทำบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดเสร็จ จะส่งพรุ่งนี้ ฝากพระที่วัดไว้ให้ท่านไปส่งแทน ปีที่ผ่านมาจ่ายเกินรายรับไปนิดหน่อยแค่ ๔๐ ล้านกว่าบาท  บวกของเก่าแล้วจ่ายเกินไป ๗๗ ล้านกว่าบาท ไม่เป็นไรหรอก...เดี๋ยวพวกเราช่วยกันทำบุญนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หมดหนี้ไปเอง เพราะปีนี้มีการก่อสร้างใหญ่ ๆ อยู่แค่เมรุเท่านั้น ตอนนี้พวกโครงสร้างที่ถือว่าเป็นส่วนราคาแพงและสำคัญก็จ่ายไปจะหมดแล้ว"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2016 เมื่อ 11:59  | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#40  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "เหรียญของขวัญปีใหม่นั่นเข้าพิธีมา ๓ งานแล้ว เข้าเสาร์ ๕ มา ๒ ครั้ง แล้วก็เข้ากรรมฐาน ๓ วันมาอีกครั้งหนึ่ง ต้องบอกว่างานนี้เก็บความลับดีมาก โผล่ออกมาแล้วถึงจะรู้กัน แม้แต่อาตมาเองก็ยังไม่ได้เห็นว่าหน้าตาเหรียญเป็นอย่างไร เปิดกล่องเห็นพร้อมกันวันนั้นแหละ  
		
		
		
		
		
		
			รู้ไหมทำไมต้องเก็บความลับขนาดนั้น ? เพราะมีคนสร้างเลียนแบบทันทีทันใดเลย พอสร้างเลียนแบบแล้วก็เอามาเข้าพิธีของวัดท่าขนุน ขนาดมีดหมอเพชราวุธยังทำเลียนแบบกันให้ชุ่ยไปหมด" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-01-2016 เมื่อ 19:02  | 
| สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]()  | 
	
	
		
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
		
  | 
	
		
  |