|
ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
สมัยหนึ่งพวกทหารอากาศไปนมัสการหลวงปู่ตื้อ และคงมีเหตุไม่ชอบมาพากลอย่างไร หลวงปู่ตื้อผลุนผลันลุกขึ้นเดินไปฉี่ใส่ตอไม้ และกล่าวห้วน ๆ กับพวกนั้นว่า “คนเราถ้ามันจะขลัง ต้องขลังกระทั่งเยี่ยว เอ้า..ยิง” ทหารพวกนั้นซัดซัลโวใส่ตอไม้ ปรากฏว่าไม่ออกสักนัด นี่นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน แม้กระทั่งฉี่ยังทำให้ทหารยิงปืนไม่ออก นอกจากนั้นแล้วก็มีบ้างที่พวกลูกศิษย์บางคนคิดพิเรนทร์เล่นแปลก ๆ บางคนถึงกับเอาเส้นเกศาของหลวงปู่ตื้อที่ท่านโกนทิ้งแล้ว เอาไปลองยิงดู ปรากฏว่ายิงไม่ออก ! พอลงมือยิง ปืนไม่ลั่น ก็รีบมาบอกหลวงปู่ตื้ออีกเช่นกัน เพื่อหวังว่าจะให้หลวงปู่ชมที่ตนเองค้นพบความมหัศจรรย์ ถือว่าเป็นคุณความดีเกิดขึ้นกับตัว " หลวงปู่...หลวงปู่ครับ ผมลองเอาปืนยิงเส้นเกศาของหลวงปู่ดู มันยิงไม่ออกนะครับหลวงปู่ " หลวงปู่ตื้อ ย้อนถามเสียงดังว่า " ผมกูไปลักควายพ่อมึงหรือ ผมของกูไปนอนกับแม่มึงหรือ มึงเอาผมกูไปยิงทำไม ทำอย่างนี้แสดงว่าไม่เชื่อกันนะสิ " แม้หลวงปู่ท่านจนจะกล่าวด้วยคำพูดที่ดุดัน แต่สีหน้าอาการสงบเงียบ แสดงชัดว่า การดุด่าของท่านมิได้เป็นไปด้วยอารมณ์ปุถุชน แต่เป็นการเตือนสติ ให้พิจารณาถึงสิ่งอันควรไม่ควร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-07-2011 เมื่อ 22:07 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ปฏิปทาของหลวงปู่ตื้ออาจหาญสมกับเป็นนักรบธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ลักษณะนิสัยท่านเป็นประดุจเสือโคร่ง และท่านมักปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษฏ์ โดยถือเอาเสือโคร่งเป็นแบบอย่างโดยอิริยาบถ ๔ คือ
๑. ต้องมีน้ำจิตน้ำใจแข็งแกร่งกล้าหาญในการเที่ยวธุดงค์ล่ากิเลส ประดุจเสือตัวเดียว เที่ยวล่าเหยื่อไม่กลัวต่อภยันตรายใด ๆ ๒. ต้องกล้าเที่ยวไปในค่ำคืน ประดุจเสือไม่กลัวต่อมรณภัยในความมืด ๓. ต้องชอบอยู่ในท้องถ้ำที่สงัดจากผู้คน ประดุจเสือหลีกเร้นซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอันลึกลับที่ผู้คนเข้าไปไม่ถึง ๔. คิดทำอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความสำเร็จเป็นจุดหมาย ประดุจแววตาเสือได้จ้องเขม็งไปที่เหยื่อรายใดแล้ว ต้องตามตะปบขย้ำจนสำเร็จ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-05-2009 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ตอบได้หมด
ตอบได้หมด
หลวงปู่ตื้อท่านพูดขึ้นว่า "ไหน ใครมีปัญหาอะไรอยากถาม ถามมาได้เลย กูนี่...ตอบได้หมด ยิ่งถ้าเป็นปัญหาเป็นพัน ๆ ปี ก็ยิ่งตอบได้ถนัดเลย" "โอ้โฮ! ขนาดนั้นเลยหรือหลวงปู่" โยมคนเดิมกล่าวขึ้น โยมคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่ตรงนั้น มองหลวงปู่ตาเชื่อม นึกศรัทธาในใจอย่างบอกไม่ถูก "ก็เออสิวะ ...กูตอบได้หมด ปัญหาในโลกนี้ ยิ่งนานเป็นพันปี กูยิ่งตอบได้ถนัด เต็มปากเต็มคำเลย" "ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละเจ้าคะหลวงปู่" โยมผู้หญิงถามขึ้นบ้าง "อ้าว! ก็มันนานมาแล้ว ไม่มีคนไปรู้กับกูหรอก ไม่มีคนไปค้นได้ ไอ้คนที่ถามกู มันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันละวะ" !!!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-08-2009 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
อีตอแหล
อุบาสิกาท่านหนึ่ง มีความซาบซึ้งดื่มด่ำในธรรมที่หลวงปู่ตื้อแสดงอย่างยิ่ง เมื่อเทศน์จบลง อุบาสิกาท่านนี้ก็คลานคล้อยเข้าไปเบื้องหน้าธรรมาสน์ที่ท่านนั่งแสดงธรรม พนมมือนมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า "หลวงปู่เจ้าค่ะ อีฉันได้ฟังหลวงปู่เทศนาแล้ว เบากายเบาใจเหลือเกิน อีฉันปล่อยวางได้หมดแล้วเจ้าค่ะ" "อนุโมทนาด้วยคุณโยม ที่เกิดดวงตาเห็นธรรม" "อีฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะหลวงปู่" หลวงปู่ตื้อนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า "อีตอแหล!" สิ้นคำหลวงปู่ อุบาสิกาท่านนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย ต่อว่าหลวงปู่ตื้อเสียงสั่นว่า ทำไมท่านจึงมาด่าว่าตนท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้ หลวงปู่ตื้อได้แต่หัวเราะหึ ๆ ไม่อธิบายโต้ตอบอะไร ขณะที่คนทั้งศาลาหัวเราะกันครืน เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อุบาสิกาปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย และยังยึดมั่นตัวตนของตนอย่างเหนียวแน่นครบถ้วน
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 18-08-2009 เมื่อ 23:56 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
ไม่ทันสมัย
ในเรื่องการเทศน์นี้ หลวงปู่ตื้อจัดว่าเป็นพระป่ากรรมฐานที่เทศน์เก่งท่านหนึ่ง
แต่เนื้อหาที่เทศน์ มักจะเป็นเนื้อหาสาระที่มาจากการปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจังไม่ได้เทศน์เหมือนพระนักปริยัติ ที่มักจะอ้างอิงตำราเสมอ ในการเทศน์ครั้งหนึ่ง ได้มีพระภิกษุหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นพระนักปริยัติเป็นมหาเปรียญ ได้รับการศึกษาแบบสมัยใหม่ ตามมาฟังหลวงปู่ตื้อเทศน์ด้วย ในระหว่างที่ฟังหลวงปู่ตื้อเทศน์ พระภิกษุกลุ่มนั้น ก็ได้พูดคุยซุบซิบกันเบา ๆ ซึ่งไม่มีทางที่จะได้ยินไปถึงหลวงปู่ตื้ออย่างแน่นอน พระภิกษุกลุ่มนั้นต่างซุบซิบกันว่า หลวงปู่ตื้อนี่เทศน์โบราณไม่มีการพัฒนา มีแต่ของเก่า ๆ ไม่ทันสมัย ในขณะนั้นเอง หลวงปู่ตื้อที่กำลังเทศน์อยู่ ก็หยุดเทศน์อย่างกระทันหัน ราวกับได้ยินเรื่องราวที่กลุ่มพระภิกษุหนุ่มนั้นคุยกัน (ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างมาก และพูดกันแบบซุบซิบเบา ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะได้ยิน) หลวงปู่หยุดเทศน์ และเดินมาทางพระภิกษุรูปหนึ่งที่แอบนินทาท่าน ท่ามกลางความงุนงงของบรรดาญาติโยม พอท่านเดินมาถึงที่ที่พระภิกษุรูปนั้นนั่งอยู่ ก็พูดเสียงดังขึ้นว่า "เอ้า! คุณเหลน คุณมหา หลวงตาจะคอยฟังคุณเหลน คุณมหาเทศน์สักหน่อย ขอให้เทศน์เอาแต่ของใหม่ ๆ นะ" พระหนุ่มรูปนั้นเห็นโอกาสที่จะเทศน์โชว์ ก็เดินขึ้นธรรมาสน์ด้วยท่าทางที่มั่นใจ ในใจคิดว่าจะเทศน์แบบสมัยใหม่ให้หลวงปู่ตื้อฟัง ตามแบบฉบับของพระปริญญามหาเปรียญ พระหนุ่มรูปนั้นนั่งบนธรรมาสน์พนมมือขึ้น พร้อมกับเริ่มต้นบทสวดบูชาพระพุทธคุณก่อน "นะโม..." พระหนุ่มเพิ่งจะเริ่มต้น ก็ต้องหยุดกระทันหัน เมื่อมีเสียงของหลวงปู่ตื้อดังขึ้น... "เฮ้ย!...หยุด! หยุด! หยุด!...คุณเหลนหยุด หยุดเลย หยุด ไม่เอา ไม่เอา "นะโม" มันของเก่า มีมากว่าสองพันปีแล้วคุณเหลน...." แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุดใจ : 19-08-2009 เมื่อ 08:10 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุดใจ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
เทศน์ผายลม
หลวงปู่ตื้อมีอุบายสอนศิษย์ด้วยวิธีการแปลก ๆ เสมอ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่กำลังเทศน์แสดงธรรมผ่านเครื่องขยายเสียงอยู่นั้น ญาติโยมบางกลุ่มไม่ตั้งใจฟังเทศน์ของหลวงปู่ แต่จับกลุ่มคุยกันจ้อกแจ้ก ในการเทศน์ของหลวงปู่ตื้อนั้น ท่านจะหลับตาเทศน์ เมื่อเสียงจ้อกแจ้กดังขึ้นเรื่อย ๆ ท่านจึงลืมตาดูและหยุดเทศน์ไปชั่วขณะ แต่เสียงจ้อกแจ้กก็ยังไม่หยุด ท่านจึงพูดเสียงดังผ่านไมโครโฟนว่า "เอ้า! หลวงตาตื้อเทศน์ให้ไม่ฟัง... ...เอ๊า! ฟังตดซะ" "ปู๊ด...ป้าด...ปู้ด" เสียงประหลาดดังกังวาลขึ้น ผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นชุด ๆ เสียงดังจ้อกแจ้กเงียบเป็นปลิดทิ้ง! หลังจากเสียงประหลาดดังขึ้น ศาลาแสดงธรรมแห่งนั้นก็เงียบกริบ... มีโยมคนหนึ่งตั้งสติได้ก่อนเพื่อน จึงพูดขึ้นเสียงดังว่า "ขอให้หลวงตามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์" แล้วโยมคนอื่น ๆ ก็ยกมือ และกล่าวพร้อมกันว่า "สาธุ"! |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุดใจ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
อรหันต์มาแล้วโว้ย !
ในการปฏิบัติสมถกรรมฐานนั้น เมื่อผู้ที่ปฏิบัติภาวนาจิตใจสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ถ้าบังเกิดนิมิต (คือเห็นรูป ได้ยินเสียง หรือแม้แต่อาการใด ๆ ก็ตามในขณะที่จิตสงบนั้น) แล้วอาจลุ่มหลงได้...
ธรรมิกของหลวงปู่ตื้อคือหลวงปู่บุญทัน ซึ่งหลวงปู่ตื้อเคยเดินธุดงค์อยู่บริเวณเชียงใหม่ด้วยกัน ท่านทั้งสองจึงสนิทสนมกันดี สมัยหนึ่งหลวงปู่บุญทันเร่งความเพียรภาวนาอย่างหนัก ความรู้ที่ได้จากสมถวิปัสสนาทำให้ท่านมั่นใจว่า ท่านได้สำเร็จอรหันต์หมดซึ่งกิเลสแล้ว (ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านเข้าใจผิด เนื่องมาจากอาการวิปลาสจากการภาวนา หรือวิปลาสเนื่องมาจากวิปัสสนูปกิเลส) เมื่อท่านคิดว่าท่านสำเร็จอรหันต์แล้ว ท่านจึงอยากจะออกไปติดตามหาหลวงปู่มั่น พบว่าท่านอยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อเจอหลวงปู่มั่นแล้ว หลวงปู่บุญทันก็เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่นแล้วจึงกราบเรียนอย่างถ่อมตัวว่า "สำคัญว่า ...กระผมเดินทางมาทางอากาศ" หลวงปู่ตื้อซึ่งนั่งอยู่ด้วย ก็ออกไปยืนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำท่าราวกับมองหาหลวงปู่บุญทันบนท้องฟ้า แล้วพูดด้วยเสียงดังลั่นว่า "โน่น ! พระอรหันต์ผีบ้า พระอรหันต์โลกีย์ พระอรหันต์เวียนว่ายตายเกิด มาแล้วโว้ย โน่นเหาะมาแล้ว!" อรรถาธิบาย หลวงปู่ตื้อพูดแรง ๆ เพื่อยุให้หลวงปู่บุญทันโกรธ เมื่อหลวงปู่บุญทันโกรธแล้ว ก็จะคลายอาการวิปลาสได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่พระอาจารย์ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่นทั้งหลายใช้กันเป็นปกติ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ก็เคยใช้วิธีแบบนี้กับลูกศิษย์ที่ปฏิบัติความเพียรอย่างหนักจนเกิดอาการวิปลาสขึ้น |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุดใจ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|