|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#61
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมห้อยพระ กำหนดจิตให้พระหมุนซ้าย หมุนขวา หมุนตามนาฬิกา เป็นลักษณะสมาธิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นสมาธิขั้นต้น ประมาณอุปจารสมาธิเท่านั้น ถาม : ควรจะขอขมาพระรัตนตรัยไหมครับ ? ตอบ : ถ้าตั้งใจทำเพื่อทดสอบก็ไม่เป็นไร ถ้าตั้งใจทำเอาสนุกก็ปรามาสพระรัตนตรัย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2015 เมื่อ 17:26 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ในทศพิธราชธรรม ทานกับบริจาคต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ทานเป็นการให้ด้วยวัตถุสิ่งของ การบริจาคท่านว่าเป็นการให้ในลักษณะของธรรมทาน ก็คือสอนให้เขารู้ว่าต้องทำอย่างไร แบบเดียวกับที่เขาว่าทานก็คือเราเอาปลาไปให้เขา แต่บริจาคคือการที่เราสอนเขาว่าต้องจับปลาอย่างไร ท่านอธิบายไว้ลักษณะอย่างนั้น ฉะนั้น..การเป็นพระเจ้าแผ่นดินไม่ใช่ให้เขาเฉย ๆ ต้องสอนให้เขารู้จักทำกินให้เป็นด้วย ถาม : แล้วการที่เราใช้คำว่าไปบริจาคสิ่งของ ถูกไหมคะ ? ตอบ : ถูก..คำว่าปริจจาคะแปลว่าสละให้ผู้อื่น เพียงแต่ว่าถ้าหากอยู่ในทศพิธราชธรรม ความหมายนี้หมายถึงเรื่องธรรมทานมากกว่า ปริจจาคะ แปลว่าการเสียสละให้โดยรอบ ให้โดยทั่วไป คือให้คนทั่วไปลักษณะของการที่ให้ความรู้ เพื่อที่คนส่วนใหญ่นำความรู้ไปแล้วสามารถที่จะเลี้ยงชีพของตนเองได้ มีช่องทางในการทำกิน อย่างที่ในหลวงท่านไปเปิดโครงการหลวงต่าง ๆ สอนให้เขารู้จักเพาะปลูกไม้เมืองหนาว รู้จักทำศิลปาชีพ แต่ถ้าทานเป็นการให้เฉพาะ ให้แล้วให้เลย ผลนั้นมีระยะสั้นกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2015 เมื่อ 17:28 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ความทุกข์เป็นอนิจจังด้วย เป็นอนัตตาด้วยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นทุกข์ด้วย เป็นอนิจจังด้วย แล้วก็เป็นอนัตตาด้วย เพราะว่าไม่มีใครทุกข์อยู่ตลอด เดี๋ยวก็เปลี่ยนไปเป็นอารมณ์อื่น ถาม : ถ้าจะขยายความยาว ๆ เพื่อจะพิจารณา ควรจะพิจารณาในแง่มุมไหนครับ ? ตอบ : ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับตาลง มีวินาทีไหนที่เราไม่ทุกข์บ้าง ? จะได้เห็น ๆ อยู่ในปัจจุบันเลยว่าเราดำเนินชีวิตอยู่ในท่ามกลางกองทุกข์ ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหนก็ไม่สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์นี้ได้ มีทางเดียวที่จะพ้นไปได้ก็คือก้าวพ้นไปสู่พระนิพพาน นึกย้อนหลังไปเลยว่าตั้งแต่เราลืมตาขึ้นมาก็ทุกข์แล้ว เริ่มตั้งแต่ต้องหายใจก็ทุกข์แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2015 เมื่อ 17:28 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงพยากรณ์ว่า คนนั้นในอนาคตจะไปเกิดเป็นคนชื่อนั้นในอนาคตกาล โคตรนั้น นามนี้ แสดงว่าชื่อต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นล่วงหน้าแล้วหรือครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นการสรุปของคุณเอง ความจริงยังไม่เกิดขึ้น แต่พระพุทธเจ้าทรงรู้ล่วงหน้า รู้ว่าถึงเวลานั้นแล้วจะเป็นอย่างนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2015 เมื่อ 17:29 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตามในรูปด้านหลังธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาท จะเห็นว่ามีรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเครื่องออกศึกเต็มยศ แล้วมีสังวาล อาตมามั่นใจว่าไม่ใช่สังวาล น่าจะเป็นพวกเครื่องคาดราชศาสตรา พวกตะกรุดมากกว่า แต่คนรุ่นหลังเข้าใจว่าออกแบบเป็นสังวาล ออกรบจะเอาเครื่องประดับไปทำอะไร ? นอกจากเอาเครื่องป้องกันตัวไป”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2015 เมื่อ 17:30 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เราสามารถเปิดเสียงธรรมะพร้อม ๆ กับทำงานไปด้วยได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..ถ้าต้องการให้ได้ผลต้องแบ่งใจเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่กับธรรมะ ส่วนหนึ่งอยู่กับงาน ไม่อย่างนั้นก็ได้แค่ธัมมานุสติ คือระลึกถึงธรรมเฉย ๆ เพราะสภาพจิตไปอยู่กับงานมากกว่า ถาม : แล้วคนที่เปิดฟังธรรมะที่เป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ลักษณะไหนครับ ? ตอบ : เปิดแล้วไม่ตั้งใจฟัง จะเกิดโทษในลักษณะที่ว่าได้ยินเสียงธรรมทำเป็นไม่ได้ยิน อยู่ที่วัดท่าขนุน ถ้าเสียงตามสายขึ้นอาตมาจะให้วางมือทั้งหมด ต่อให้ไม่คิดจะฟังก็ห้ามทำงาน เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นการปรามาสพระธรรม จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ ฉะนั้น..คนที่ไปวัดใหม่ ๆ ไม่รู้ระเบียบ ถึงเวลาก็คว้าไม้กวาดแกรก ๆ กลายเป็นกลบเสียงธรรมไปอีก ก็ต้องคอยเตือนเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2015 เมื่อ 17:31 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่างที่ได้ปรารภไปว่าเรียนจบแล้วก็เหมือนกับไม่จบ เพราะว่าต้องมีการทบทวน ต้องมีการนำไปใช้งาน ลักษณะเดียวกับในพระไตรปิฎก ที่กล่าวถึงพระอรหันต์จำนวนมากต่อมากด้วยกัน ถึงเวลาบรรลุมรรคผล จบกิจในพุทธศาสนาแล้ว ก็ยังมีภาระหน้าที่จะต้องทำงานแบบนั้นแบบนี้ เป็นภารธุระในพุทธศาสนาทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่างานส่วนตัวหมดแล้ว จะไปแอบเสวยสุขอยู่ได้คนเดียว เพราะว่าพระระดับนั้น เมื่อทำถึงที่สุดแล้วก็ไม่มีใครอยากอยู่ ต้องบอกว่าอยู่เพื่อเป็นเนติ เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น อยู่เพื่อสงเคราะห์โลก อยู่เพื่อสงเคราะห์ญาติ อยู่เพื่อสงเคราะห์เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ตัวอย่างพระท่านหนึ่งก็คือพระนาลกะ พระนาลกะบรรลุมรรคผลไล่ ๆ กับพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ แต่ไม่มีงานอะไรเลยนอกจากทำตนให้บรรลุมรรคผล ดังนั้น..ท่านก็เลยทูลลาไปพระนิพพาน ต้องบอกว่าเรื่องอย่างนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ อย่างท่านที่ตั้งใจมาเป็นอัครสาวก ตั้งใจมาเป็นมหาสาวก ก็ต้องรับภาระรับหน้าที่ไปตามที่ตั้งใจไว้ ท่านที่มาเพื่อจบกิจอย่างเดียว ไม่มีภาระหน้าที่ ถึงเวลาก็ไปได้เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:42 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : อย่างพระที่ปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน จะรอสงเคราะห์..?
ตอบ : ถ้ายังมีบริวารอยู่ก็ต้องรับภาระไปก่อน ตัวอย่างชัด ๆ ก็หลวงปู่โลกอุดร จนป่านนี้ก็ยังไปไม่ได้สักที เบื่อคนมาก ๆ ก็หนีตายไปสักทีหนึ่ง เดี๋ยว ๆ ก็ไปโผล่ที่โน่นอีกแล้ว สมัยของหลวงพ่อวัดท่าซุง มีพระอยู่รูปหนึ่ง อยู่แถว ๆ ราชบุรี อายุยังไม่ถึง ๔๐ ปี บรรลุมรรคผลแล้วพิจารณาดู เห็นว่าไม่มีงานอื่นทำเหมือนกัน ท่านก็เลยลาไปพระนิพพาน เป็นอะไรที่น่าอิจฉามาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:43 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ที่ไปเจริญพุทธมนต์ฉลองปริญญามา ปรากฏว่ามีอยู่รายหนึ่งชื่อพระมหาศุภกิจ สุภกิจฺโจ ท่านเกิดปีที่อาตมาบวช เพราะฉะนั้น..ก็แปลว่าน่าจะเป็นพระที่จบปริญญาเอกด้วยอายุน้อยที่สุดของรุ่น เพิ่งจะ ๒๙ ปี ขึ้นปีที่ ๓๐ ก็จบปริญญาเอกแล้ว เป็นดุษฎีบัณฑิตสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ท่านเรียนก่อนปีหนึ่ง แต่อาตมาไล่ทัน ตอนท่านยกมือไหว้ก็เอ๊ะ...หน้าตาคุ้น ๆ ดูไปดูมาก็ อ๋อ..ตอนที่ท่านสอบประชาพิจารณ์อาตมาไปเข้าฟังท่านด้วย แล้วท่านทำงานออกมาดี ครูบาอาจารย์ให้คำแนะนำเพิ่มเติมน้อย แก้ไขเล็กน้อยก็สามารถขอสอบจบได้
อายุยังน้อย อนาคตไกล ในสายตาของคนทั่วไปคืออนาคตไกล ในสายตาของผู้ปฏิบัติธรรมคือยังต้องทุกข์อีกนาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:45 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เท่ากับทำให้เขามีกำลังมาทำอันตรายเรา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเขาไม่อโหสิกรรม ก็เท่ากับเราเลี้ยงเขาให้มีกำลัง แล้วเขาก็มาตีเราต่อ แต่ให้เขาไปเถอะ เดี๋ยวเขาตีจนเบื่อก็เลิกไปเองแหละ ถาม : ถ้าจะให้ก็ให้ไปเยอะ ๆ เขาจะได้เลิกตอแยเรา ถ้าให้เล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็มาเรื่อย ๆ ? ตอบ : ก็ประมาณนั้น ถ้าได้จนเป็นที่พอใจก็ไปเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:46 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ท่านที่จบกิจแล้ว นอกจากสัจจะความตั้งใจเดิมเหล่านี้ ท่านก็ไปได้นี่คะ ?
ตอบ : ถ้างานไม่หมดก็ทนทำไปก่อน ถ้างานหมดก็ไปได้ ดูอย่างหลวงพ่อคูณ จนป่านนี้ยังไปไหนไม่ได้เลย ทรมานสังขารอยู่นั่นแหละ ถาม : แล้วมีไหมคะที่บริวารยอมให้ท่านไป ? ตอบ : ยาก..เขาเกิดมาเพื่อเกาะโดยเฉพาะ ตั้งใจอธิษฐานตามกันมาก็เกาะไปเรื่อย ถาม : อย่างนี้บริวารที่เกาะหรือที่ตามมา ถือเป็นเจ้ากรรมนายเวรไหมคะ ? ตอบ : ไม่ใช่..ต้องบอกว่าเป็นภาระจำยอมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:47 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อวิชาเรื่องต้อหินของพระอาจารย์ ท่านว่า ต้อหินรักษาไม่หาย จึงกราบเรียนถามว่า หากเป็นจุดที่ไม่สำคัญ ตัดออกก็หายได้มิใช่หรือ ? ท่านว่า ต้อหินก็มักจะเป็นบริเวณสำคัญสิ และถามคนที่เขาเคยเป็นและรักษาหายแล้ว เขาว่าถ้ารู้เร็วก็รักษาได้นี่คะ ?
ตอบ : ต้อหินจะกินถึงประสาทตา ตัดออกไม่ได้หรอก ไม่ต้องกังวลหรอก ประเภทหลับตาเดินได้..เท่ออก การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นการวินิจฉัยของหมอ บางทีเวรกรรมก็วิลิศมาหราเกินกว่าที่หมอจะคิดถึง บางอย่างก็แค่มาขู่ให้พวกเราได้สำนึกเฉย ๆ ว่าร่างกายนี้เป็นรังของโรค แค่ประเภทตั้งโจทย์ขึ้นมา แล้วดูว่าเราจะไปกังวลด้วยหรือเปล่าเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:48 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่สายพันธุ์สัตว์ปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศของโลกที่เปลี่ยนไปได้ยาวนาน อย่างเช่น แมลงสาบ คือความเป็นไปของโลกที่คนหรือสัตว์ต้องปรับไปตามนั้น หรือเกิดจากกิเลสของคนและสัตว์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นให้เกิดกับโลก ?
ตอบ : ต้องบอกว่า ๒ อย่างรวมกัน อย่างแรกก็คือทำอย่างไรให้อยู่ได้ ก็หมายความว่าอยากเกิด..ไม่ได้อยากตาย ในเมื่ออยากเกิด..ก็กลายเป็นตั้งเป้ามุ่งมั่นเอาไว้ ทำอย่างไรจะให้เกิดได้ในสภาพที่ตนไม่ถนัด ก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตนเองสามารถอยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนั้น ต้องบอกว่าเป็นมโนสัญเจตนา คือความมุ่งมั่นใจของใจอย่างหนึ่ง คราวนี้พอผ่านไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็เหมือนอย่างกับว่าคำสั่งนี้ฝังลึกอยู่ในดีเอ็นเอ จึงทำให้รุ่นหลัง ๆ ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปจนกระทั่งเข้ากับสภาพดินฟ้าอากาศของช่วงนั้น ๆ ได้ ถาม : แล้วมนุษย์โลกอื่นที่เขาอายุยืนกว่าเรา ชีวิตเรียบง่าย และไม่ค่อยมีการดิ้นรนในการใช้ชีวิตหรือการเปลี่ยนแปลงอะไร เป็นเพราะอานิสงส์บุญที่เขาทำไว้ใช่ไหมคะ ? ตอบ : อะไรประมาณนั้นแหละ เพียงแต่ว่าพวกโน้นเขาไม่คิดมากอย่างนี้ เขาเอาแค่อยู่ได้ ส่วนของเรารู้มาก กิเลสมาก ก็อธิษฐานเอาเยอะ ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:51 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุก็ดี ถูกฆ่าตายก็ดี ถ้าจิตยังอยู่ที่นั่น เขาอยู่เพื่อรออะไรครับ ระหว่างที่รอเขาทุกข์ไหมครับ เขาทำกรรมอะไรมาจึงรออยู่เป็นร้อยปีพันปี ?
ตอบ : เหตุที่ไปเกิดไม่ได้เพราะว่ายังไม่หมดอายุขัย ในเมื่อไม่หมดอายุขัยแต่สูญเสียร่างกายไป ก็จำเป็นต้องอยู่จนกว่าจะครบอายุขัยของร่างนั้น ๆ ส่วนบางคนก็ยึดติด อย่างเช่นว่าโกรธแค้น ตั้งใจจะเอาคืน ก็กลายเป็นความยึดมั่นถือมั่นของตนเอง เกาะติดอยู่ตรงนั้น ทำให้ไปไหนไม่ได้ รอจนกว่าจะได้แก้แค้นตามที่ตนเองต้องการ ระหว่างที่อยู่ ถ้าไม่มีใครทำบุญไปให้ ไม่มีญาติพี่น้อง ก็ต้องทนลำบาก อด ๆ อยาก ๆ เร่ร่อนไปเรื่อย แต่ถ้ามีคนทำบุญไปให้ก็สบายหน่อย ส่วนในเรื่องของระยะเวลา ถ้าอยู่ในเขตของเขา อย่างต่ำสุดวันหนึ่งเท่ากับ ๕๐ ปีของโลกมนุษย์ เพราะฉะนั้นเขาอยู่แค่ ๕๐ วันก็ปาเข้าไปเป็นพันปีแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 04:53 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : น้ำหมักในพระไตรปิฏกบอกว่าอนุญาตให้พระฉันเป็นยาได้ ๑ องคุลีจากก้นบาตร ดร. ท่านหนึ่งเห็นว่าบาตรที่เห็นพระในเมืองไทยใช้กันอยู่มีขนาดใหญ่ ปริมาณยาตามนั้นเป็นครึ่งค่อนถ้วย ท่านเห็นว่าเยอะมาก ท่านก็อุตส่าห์ไปดูบาตรที่เขาขุดขึ้นมาจากบริเวณเมืองตักศิลาเดิม และเห็นว่าบาตรมีขนาดเล็กกว่ามาก ได้ยาปริมาณเพียงถ้วยตะไล จริง ๆ แล้วเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : เข้าใจผิดแล้ว ๑ องคุลีของพระเขาวัดจากถ้วยตะไล วัดจากบาตรก็เมาตายพอดี แล้วบาตรมีตั้ง ๓ ขนาด บาตรขนาดใหญ่เขาบอกว่าจุข้าวสุกที่หุงจากข้าวสาร ๑ นาฬี จำไม่ได้ว่ากี่ทะนาน นึกเอาก็แล้วกันว่าใหญ่ขนาดนั้น ฉะนั้น..องคุลีเขาหมายถึงถ้วยตะไล ถ้วยเล็ก ๆ ที่เขาเอาไว้ครอบปากขวดเหล้า พอถึงเวลาก็รินไปเป๊กหนึ่งพอดี เรื่องของพระวินัยไม่สามารถที่จะมั่วได้ ต้องเอาให้แน่นอน สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ท่านคิดคำนวณไว้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าคนเข้าใจยากหน่อยเท่านั้น เพราะเป็นภาษาโบราณ เดี๋ยวเกิดเขาไปอ้างว่าเอาบาตรขนาดใหญ่ก็เจริญเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ก่อนนอนจะนั่งสมาธิ แต่ในความฝันเรามักจะเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ผิดศีลหรือทำให้จิตไม่ดี ?
ตอบ : เกิดเพราะว่ากำลังใจเรายังไม่ดีพอ ความฝันเป็นเครื่องวัดกำลังใจได้ ถ้ามีโอกาสที่จะละเมิดศีลแล้วเราไม่ละเมิด แปลว่ากำลังใจเราอยู่ในด้านดี แต่ถ้าวันไหนมีโอกาสละเมิดศีลแล้วเราละเมิด แปลว่าวันนั้นกำลังใจของเราใช้ไม่ได้ ถือว่าเป็นเครื่องวัดกำลังใจของเราอย่างหนึ่ง เพราะในฝันคือกำลังใจที่แท้จริงของเรา ไม่สามารถที่จะปรุงแต่งได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ที่ไปเจอพวกปล่อยกบ ปล่อยปลา ปล่อยเต่าที่เขาบอกราคาแพง เขามีค่านิยมว่าห้ามต่อราคา อาตมาต่อกระจายทุกครั้งเลย เขามีค่านิยมว่าถ้าจะตัดเคราะห์ห้ามต่อราคา เป็นคนละเรื่องกัน อาตมาคิดว่าถ้าต่อมากเท่าไรก็ซื้อเพิ่มได้มากเท่านั้น เท่ากับช่วยชีวิตเขาได้มากขึ้น”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 16:56 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “กลุ่มสมาธิจุฬาฯ นิมนต์บรรยายวันที่ ๑๙ พฤษภาคมนี้ อาตมามีชั่วโมงสอนเต็มวันเลย จึงไปไม่ได้ แจ้งทางชมรมไปแล้วว่า ถ้าต้องการให้ไปจริง ๆ โปรดให้อาตมาเป็นคนกำหนดวัน ถ้าอย่างนั้นก็พอจะมีโอกาสบ้าง
บรรดาท่านที่นิมนต์แล้วกำหนดวันอย่างหนึ่ง กำหนดหัวข้ออย่างหนึ่ง กำหนดวันมักจะเสียโอกาส เพราะถ้าติดวันที่มีงานก็มักจะไปไม่ได้ ส่วนกำหนดหัวข้อบางทีไม่ใช่เรื่องที่อยากจะพูด ฟังแล้วมีประโยชน์น้อย แทนที่จะไปเน้นเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เขาให้เราไปเน้นเรื่องความกตัญญู ก็เลยได้ไปหน่อยเดียว กำหนดหัวข้อก็ทำให้ไม่ได้พูดอย่างที่ตัวเองต้องการ กำหนดวัน ถ้าติดงานก็ไปไม่ได้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 16:58 |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไม่รู้ว่าจะบีบรายจ่ายศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายให้อยู่ใน ๖๕ ล้านบาทได้ไหม ? ถ้าไม่ได้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ส่วนที่แพงมากคือส่วนเพดานของหมู่เรือนไทย เพราะกรุฝ้าด้วยไม้ล้วน ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 16:59 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ช่วงนี้ฝันเห็นหลวงพ่อบ่อยมากคะ ?
ตอบ : ฝันเห็นพระดีกว่าฝันเห็นผีเยอะเลย ถาม : ไม่ทราบว่าท่านไปตามหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก ฝันเห็นพระแสดงว่ากำลังใจอยู่ในด้านดีมากกว่า พยายามรักษากำลังใจให้อยู่ในลักษณะอย่างนี้เอาไว้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2015 เมื่อ 17:00 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|