|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#61
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ลูกสาวชื่อจริง ชื่อกมลชนกครับ ?
ตอบ : เกิดวันเสาร์ทำไมชื่อกมลชนก ? กมลชนกเป็นชื่อคนเกิดวันจันทร์ แต่ไม่เป็นไรหรอก ชื่อเป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผล แบบเดียวกับอาตมาเกิดวันอาทิตย์ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งฉายาว่าสุธมฺมปญฺโญ เป็นฉายาคนที่เกิดวันศุกร์ชัด ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2015 เมื่อ 17:26 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "ถ้าเรียนไม่ไหววันไหน ให้นึกถึงหน้าอาตมา อาตมาเรียนปริญญาเอกยากกว่าตั้งเยอะยังไม่ถอยเลย อะไรที่ตัดสินใจทำไปแล้ว อย่าไปนั่งเสียใจว่าไม่ควรทำ ถ้าจะเสีย ให้ไปนั่งเสียดายว่า ถ้าเราไม่ทำก็จะไม่ได้ประสบการณ์นี้เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2015 เมื่อ 17:27 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่ตั้งใจว่าจะต้องทำให้สำเร็จ เช่น ต้องเรียนปริญญาเอกให้จบ เป็นมานะใช่ไหมคะ ? และที่ต้องทำให้ได้ดีกว่าคนอื่นเป็นขัตติยมานะใช่หรือไม่ ?
ตอบ : น่าจะลักษณะนั้นเลย ในเมื่อคนอื่นทำได้เราต้องทำได้ แล้วถ้าหากเราทำได้ ต้องทำได้ดีกว่าเขา เป็นมานะอย่างหนึ่ง เป็นสันดานติดตัวมา เจออุปสรรคแล้วไม่หนี ถ้าขึ้นหน้าตาย ถอยหลังตาย อาตมาขึ้นหน้าแน่นอน ขึ้นหน้าไปตายอย่างคนกล้า ดีกว่าถอยมาตายแล้วเขาว่าเราขี้ขลาด สันดานเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก มานึกมองอีกมุมหนึ่ง ไอ้นี่มันความคิดของเรา ในเมื่อขึ้นหน้าไปตาย คนอื่นอาจจะว่าโง่ก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2015 เมื่อ 17:28 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : นายตัมพทาฐิกะเป็นเพชฌฆาต ฆ่าคนตายหลายร้อยหลายพันคน ตามคำสั่งของพระราชา ตอนหลังได้เป็นพระโสดาบัน นายตัมพทาฐิกะไม่ถือว่ากระทำผิดศีลหรือครับ ?
ตอบ : การฆ่าผิดทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ท่านโดนพระสารีบุตรหลอกจนงง หลอกให้คิดว่าไม่ใช่บาปของท่าน แต่เป็นบาปของพระราชา พอกำลังใจคลายตัว กำลังบุญก็เข้ามาแทน ถาม : ถึงแม้จะไม่ได้เจตนา ? ตอบ : ไม่เจตนาแต่คุณลงมือ สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ลงมือฆ่า ฆ่าสำเร็จ ก็ผิดเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่าฆ่าเพราะคำสั่งเท่านั้นเอง ถาม : ถ้าตอนที่เราอาบน้ำอยู่ สัตว์ลอยตามน้ำไป แล้วเราช่วยไม่ได้ แล้วเราก็อาบน้ำต่อ ? ตอบ : เมื่อถึงเวลาก็ทำบุญอุทิศให้เขาด้วยก็แล้วกัน เขาไม่ให้คิดถึงเรื่องที่เลยมาแล้วเพราะใจจะหมอง ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำดีอย่างเดียว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2015 เมื่อ 17:28 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมากำลังให้พระมหาจีรพันธ์ทำเรื่องยื่นทาง มจร. ขออนุญาตสร้างเหรียญในหลวงรัชกาลที่ ๕ หาทุนให้กับห้องเรียนวัดใต้ บอกท่านว่าผมรับประกัน ๓ ล้านบาท ท่านบอกว่า มจร. วังน้อยเคยออกมาแล้ว แต่จำหน่ายไม่หมดจนถึงทุกวันนี้ เหลือเชื่อจริง ๆ นิสิตทั่วประเทศเยอะขนาดนั้น สร้างเหรียญออกมา ๑๐,๐๐๐ เหรียญ แต่จำหน่ายไม่หมด
ท่านบอกว่าต้องขอยอดการสร้างไว้เลย อาตมาแจ้งว่าเหรียญทองคำ ๓๐๐ เหรียญ พระมหาจีรพันธ์ถามว่าจะเหลือถึงพวกผมหรือเปล่า ? บอกว่าท่านไม่ต้องหวังหรอก หมดก่อนแน่นอน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2015 เมื่อ 17:30 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ถ้าหากมีคนทำผิด แล้วถูกจับติดคุกตามกฎหมายบ้านเมือง ที่จริงแล้วแยกกันใช่ไหมคะ ระหว่างการทำผิดของเขา กับการที่เขาติดคุก ที่ติดคุกนี่เพราะอกุศลกรรมส่งผล ไม่เกี่ยวกับที่เขาทำผิดใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ลงข้างล่างนี่ถ้ามีโทษทางธรรมต้องรับแยกกันอีกยก ถ้าหากว่าไม่มี สมมติว่าโดนเขาใส่ความแล้วติดคุกก็แค่นั้นแหละ ถือว่าชดใช้กรรมเก่าไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2015 เมื่อ 17:31 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ท่านออกจากวัดท่าซุงมา แล้วมาอยู่วัดท่าขนุนเลยหรือครับ ?
ตอบ : ออกจากวัดท่าซุงมาไปอยู่วัดท่ามะขามก่อน จากวัดท่ามะขามก็ธุดงค์ไปเรื่อย จนไปสร้างเกาะพระฤๅษี จากเกาะพระฤๅษีก็เที่ยวไล่สร้างวัดอยู่ ๔-๕ วัด กว่าจะเสร็จ จากนั้นหลวงพ่ออดีตเจ้าคณะจังหวัดท่านกาญจนบุรีให้ไปช่วยบูรณะวัดท่าขนุน พอบูรณะเสร็จกลับไปเกาะพระฤๅษี ท่านก็ให้ไปบูรณะวัดทองผาภูมิอีก ทำเสร็จก็กลับมาบูรณะเกาะของตัวเอง ทำเสร็จกะว่าจะนอน อยู่ได้แค่ ๒ วันเท่านั้น วัดท่าขนุนว่างเจ้าอาวาสอีก เพราะเคยไปทำให้เขา พวกเขาก็ไม่ยอมเอาคนอื่น เขาจะเอาอาจารย์เล็ก แห่กันมาเชิญไป ท่านเจ้าคุณปัญญาเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด บอกกับทางอำเภอว่าวัดท่าขนุนให้อาจารย์เล็ก ทางอำเภอก็เลยเหี่ยว เพราะว่าวัดใหญ่คนเขาอยากได้กัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2015 เมื่อ 11:22 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีใครดูจันทรคราสบ้าง ? เต็มดวงครั้งเดียวในรอบปี มาเร็วเหลือเกิน มาตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะมืด ที่เรียกว่าพระจันทร์แดงเพราะว่าฟ้ายังไม่มืด พอเงาโลกทับไปเลยเห็นเป็นสีแดง ๆ ถ้าหากว่าฟ้ามืดไปแล้ว เงาโลกไปทับก็จะมืด โบราณเรียกว่า กบกินเดือนบ้าง ชนกลุ่มน้อยเรียกว่า สุนัขป่ากลืนตะวัน บ้านเราบอกว่า ราหูอมจันทร์
หลวงพ่อวัดท่าซุงเจอท่านราหู ถามว่าไปอมพระจันทร์ทำไม ? ท่านบอกว่า "ผมไม่อมขี้ดินให้โง่หรอก" พระจันทร์ในสายตาท่านก็คือดินก้อนหนึ่ง ตอนไปยุโรปท่านราหูอมเครื่องบิน..! เครื่องบินผ่านเขตอากาศแปรปรวน เครื่องโยนเหมือนกับเรือโดนคลื่นเลย ผู้โดยสารตกใจ พอดีท่านตามมา ก็เลยอมเครื่องบินไว้ อาตมาถามว่าแปรงฟันหรือยัง ? ท่านว่า ตัวท่านก็ไม่ได้แปรงเหมือนกันแหละ..! ไปแซวท่านเล่นท่านก็เลยกวนกลับ อาจจะเป็นเพราะนิสัยของอาตมาที่บวม ๆ ไปเจอแต่ละท่าน ท่านก็เลยทำตัวสบาย ๆ ไม่มีพิธีการอะไรเลย เหมือนอย่างเรื่องเขมรที่กำลังเอาลงในเว็บวัดท่าขนุน เจอหลายเรื่องที่บางทีอาตมารู้สึกว่าเทวดาท่านน่ารัก ทำตัวสบาย ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2015 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อพระเทพสุวรรณโมลี (สะอิ้ง สิรินนฺโท) อาตมานิมนต์ท่านไปงานที่วัดท่าขนุน ท่านไปทุกครั้ง เลยสนิทสนมกัน ตอนฉลองสัญญาบัตรก็นิมนต์ท่าน ป๋าลอ (พระครูสุตาภรณ์พิสุทธิ์) เพื่อนร่วมรุ่นขอฎีกาไปส่งเอง ท่านถามว่า "ใครวะ..พระครูวิลาศกาญจนธรรม ?" พอไปถึงเจอหน้า "เอ็งหรอกเรอะ ?" "ครับหลวงพ่อ ไม่ใช่พระครูธรรมธรเล็กแล้วครับ" ท่านจำแต่ชื่อเก่า พอเป็นชื่อใหม่ก็จำไม่ได้ "ไอ้ลอก็ไม่ยักบอกว่าเป็นเอ็ง ไปถึงก็ส่งฎีกาให้ บอกว่าลูกศิษย์นิมนต์หลวงพ่อ"
ถาม : ท่านจบประโยค ๘ ? ตอบ : ใช่..ทุกวันนี้เวลาท่านเขียนงาน ท่านเป็นแต่งเป็นกาพย์เป็นกลอนหมด อาตมายื่นหัวเข้าไปกราบท่านเมื่อไร ท่านก็เขกหัวโป๊ก ไม่มีคนรู้ว่าท่านเป็นพระปฏิบัติ เพราะว่าท่านมาสายวิชาการจนจบประโยค ๘ แต่แอบภาวนาทุกวัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2015 เมื่อ 13:33 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ในสมัยพระพุทธเจ้ามีสร้างพระพุทธรูปใหญ่ ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : เท่าที่อ่านดูในพุทธประวัติยังไม่เจอ ส่วนใหญ่สร้างเป็นเจดีย์ ถาม : องค์ที่สร้างเป็นภูเขาใหญ่ ๆ จะอยู่ถึงอีกพุทธันดรไหมครับ ? ตอบ : ไม่น่าจะถึง เพราะว่าพอสิ้นพุทธันดรหนึ่งไป ไฟบรรลัยกัลป์จะไหม้โลก ไหม้จนโลกป่นเป็นแป้งไปหมด ไหม้จนโลกเล็กลงไป ๑ โยชน์ นึกดูแล้วกันว่ารอบข้างไหม้เป็นขี้เถ้าลึกลงไป ๑๖ กิโลเมตร ฉะนั้น..ถึงสร้างไว้ใหญ่แค่ไหนก็ไม่เหลือ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2015 เมื่อ 13:35 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทิเบต ภูฏาน เขาศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ถึงขนาดไม่มีคนฆ่าสัตว์หรือครับ ?
ตอบ : ทิเบตสมัยก่อนก็ไม่มีการฆ่าสัตว์ ต้องสัตว์ตายเองถึงจะได้กิน แต่พอพวกอิสลามเข้าไป อิสลามเขาฆ่าสัตว์ คนทิเบตก็รับหน้าที่กินอย่างเดียว ถาม : อิสลามก็ยังบริโภคเนื้อวัวอยู่นะครับ นำเข้าจากอินเดีย ? ตอบ : ถ้าหากไม่เปิดโรงฆ่าสัตว์ก็ต้องนำเข้า สภาพสังคมตอนนี้ทั่วโลกเป็นบ้านเดียวกัน ถึงกันหมด ถาม : ที่ทิเบตต้องรอให้แก่ตายจึงจะกิน ? ตอบ : ทิเบตเขาเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ได้แก่ตายเองก็ไม่มีใครไปทำอะไรหรอก ถาม : ถ้าเขาใช้วิธีต้อนสัตว์ให้เบียดกันจนตกเขาตาย จึงจะได้กิน ? ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็เจตนาฆ่าพอกัน ตั้งใจให้เขาไปตาย ไม่ว่าคุณจะวิธีไหน ถ้าเขาตายก็แปลว่าฆ่าสำเร็จ อาตมาเองไปทำวัวตกเขาตายโดยไม่เจตนา เพราะว่าตอนนั้นไปภาวนาอยู่ที่ภูชี้ฟ้าซึ่งอากาศหนาว พอดีมีหลุมที่เป็นแอ่งก้นหม้อ ก็ลงไปนั่งอยู่ในหลุม เอาจีวรคลุมปากหลุม ภาวนาพอใกล้สว่างก็ว่าจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมบิณฑบาต ไม่รู้หรอกว่ากลางคืนมีวัวมานอนอยู่ใกล้ ๆ เยอะแยะ พอเปิดจีวรลุกขึ้น วัวก็ตกใจวิ่งหนีอาตมา ก็ไม่ได้คิด พอตอนสาย ๆ บิณฑบาตกลับมาเห็นคนงานป่าไม้เอะอะโวยวาย ถามว่าอะไร เขาบอกว่าวัวตกหน้าผาไปตายอยู่ฝั่งลาว ต้องไปเอาซากกลับมา คาดว่าตกไปตอนที่ตกใจวิ่งหนี อาตมาไม่ได้เจตนาแม้แต่นิดเดียว แต่วัวตายไปแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2015 เมื่อ 13:37 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ไฟบรรลัยกัลป์จะเผาโลกเมื่อไร ?
ตอบ : พอไม่มีความดีเหลืออยู่ในมนุษย์ เทวดาท่านก็จะปล่อยให้ไฟล้างโลก ตอนช่วงนั้นเขาบอกว่าพระอินทร์จะมาทดสอบ ปลอมเป็นคนแก่เข็นทองเท่าลูกฟักมา ถามว่าใครรู้ข้อความในพระไตรปิฎกแม้สักปิฎกเดียวจะยกทองนี้ให้ ก็ไม่มีใครรู้ รู้แม้พระสูตรเดียวก็ไม่มีใครรู้ ท้ายสุดแม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่มีใครรู้ ถ้าอย่างนั้นท่านก็จะประกาศว่าบัดนี้พุทธศาสนาสิ้นสุดแล้ว สั่งท้าวมหาราชกับบริวารทั้งหมดถอนกำลังกลับ สภาพที่ไฟบรรลัยกัลป์ที่รอไหม้อยู่แล้วก็จะไหม้เลย เพราะเทวดาท่านไม่ช่วยยับยั้งแล้ว ถาม : เคยอ่านเจอคนจะฆ่ากันตาย แล้วคนดีจะหนีเข้าถ้ำ เข้าป่า ? ตอบ : พวกคนดีที่หนีไป เขาไปสร้างอภิญญาขึ้นมาได้ ต่อให้ไฟมากกว่านั้นเขาก็อยู่ได้ ใช้กำลังอภิญญา หลังจากนั้นด้วยความสลดใจก็รักษาศีลมากขึ้น อายุก็ค่อย ๆ ก็ยืนขึ้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-04-2015 เมื่อ 15:07 |
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พื้นฐานมนุษย์มาจากพรหม แล้วสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร ?
ตอบ : สืบเชื้อสายมาเรื่อย แต่ว่าในเรื่องสภาพจิตอย่างหนึ่ง ในเรื่องความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง ก็ตกต่ำลดลงไปเรื่อย ๆ เหมือนอย่างกับของใหม่ ๆ สักชิ้นหนึ่ง ผ่านกาลเวลานานไปก็เก่าลง ๆ ต้องบอกว่าในช่วงวิวัฒนาการเปลี่ยนผ่านของมนุษย์ไม่ได้มาจากลิง หรือจากอะไรอย่างที่เขาว่ากัน ระยะหลังนี้ทางด้านโบราณชีวศาสตร์เขาก็เริ่มยอมรับกันแล้วว่ามนุษย์ไม่น่ามาจากลิง เพราะว่าระหว่างลิงกับมนุษย์ขาดโครโมโซมไป ๒ คู่ คือ มี ๓๖ กับ ๓๘ เขาหาสิ่งที่มีโครโมโซม ๓๗ คู่ไม่ได้ ก็เลยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่ามนุษย์ไม่ได้มาจากลิง เพียงแต่ยังหาไม่เจอว่ามาจากไหน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2015 เมื่อ 13:46 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ของสะสมที่อาตมาเก็บไว้เป็นของเกี่ยวกับในหลวง อุตส่าห์สละแสตมป์ที่หายากลงกระทู้บูชาวัตถุมงคลไป แต่ปรากฏว่าไม่มีคนรู้จัก ลงไปตั้งนานยังไม่มีใครบูชา ตอนนั้นอาตมาจองเอาไว้ ๑๐ ชุด ได้แค่ ๑ ชุด เพราะไปรษณีย์บอกว่าหมด ความจริงก็คือกักตุนไว้เก็งกำไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2015 เมื่อ 13:47 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ญาติของผมมีอคติกับผม จ้องจับผิดผม ผมเจอหน้าเขาทีไรมีแต่โมโห ทำอย่างไรจึงจะเลิกอคติเขา ?
ตอบ : ค่อย ๆ แผ่เมตตาให้เขา พยายามดูให้รู้ว่าบุคคลที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ นั้น จะเกิดโทษยาวนานในข้างหน้าอย่างไร ในเมื่อเขาเองไม่รู้ แทนที่จะโกรธ ก็จะกลายเป็นสงสารเขา ถาม : เราทำอะไร เขาชอบขัดเราตลอด ก็ต้องแผ่เมตตา ? ตอบ : แผ่เมตตาไม่พอ ต้องภาวนาให้กำลังใจทรงตัวด้วย ถ้ากำลังใจทรงตัวจะระงับยับยั้งตัวเองได้ ต่อให้ไม่พอใจอย่างไรก็จะไม่แสดงออก ถาม : ผมต้องไปขัดกับเขาเป็นประจำ ? ตอบ : หัดอมลิ้นไว้ จะได้ไม่ต้องไปขัดเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2015 เมื่อ 13:48 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ตอนนี้ที่วัดมีปัญหา กรรมการวัดจะไล่เจ้าอาวาสออก ตอนแรกเขาไปปรึกษาเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอบอกว่าไม่มีอำนาจ ต้องไปให้ทางเจ้าคณะจังหวัดจัดการ เพราะเป็นคนแต่งตั้ง ?
ตอบ : ท่านปัดเรื่องไปให้พ้นตัว โดยปกติเวลามีเรื่องขึ้นมาต้องยื่นฟ้องตามลำดับชั้น ต้องฟ้องที่เจ้าคณะตำบลก่อน ต้องบอกให้ชัดเจนว่าท่านผิดข้อหาอะไร แล้วเจ้าคณะตำบลจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน ถ้าไปถึงอำเภอหรือจังหวัดเลย ด้านบนเขาถือว่าผิดขั้นตอน จะไม่รับเรื่อง กรณีนี้เจ้าคณะอำเภอเขาไม่อยากมีปัญหา ก็เลยปัดเรื่องไปให้พ้นตัว ต้องไปตามขั้นตอน คณะกรรมการเขาบอกหรือเปล่าว่าจะฟ้องข้อหาอะไร ? ถาม : หลายเรื่องค่ะ ตอบ : หลักฐานชัดเจนเพียงพอไหม ? ถาม : ประเด็นสำคัญเขาจะให้หนูเป็นคนพิมพ์เรื่องร้องเรียน ? ตอบ : อย่าได้เอามือไปซุกหีบ จะเจ็บตัวโดยใช่เหตุ ถาม : ตอนแรกเขาก็จะลากหนูไปหาเจ้าคณะอำเภอ ไปให้เล่าเรื่อง หนูเลยหนีกลับไปนอนที่บ้าน ? ตอบ : อย่าไปยุ่ง เขาจะสู้กันเราก็หลบ ค่อยโผล่ไปตอนเขาเลิกแล้ว ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมไม่เข้าใจว่า การปกครองคณะสงฆ์นั้นมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ฉะนั้น..จะฟ้องร้องต้องว่ากันไปตามลำดับ ถ้าเรื่องภายในวัดต้องฟ้องเจ้าอาวาส ถ้าเจ้าอาวาสผิดให้ฟ้องเจ้าคณะตำบล ถ้าตำบลผิดฟ้องอำเภอ ถ้าอำเภอผิดฟ้องจังหวัด ถ้าข้ามขั้นเมื่อไรเขาจะไม่รับเรื่อง เพราะถือว่าไม่ได้มาตามขั้นตอน เวลาเขาทำ เราอยู่วงนอกให้พิจารณาดูด้วยว่างานนั้นใครได้ประโยชน์ คนได้ประโยชน์นั่นแหละบางทีอยู่เบื้องหลัง เหตุที่เกิดถ้าไม่ใช่เจ้าอาวาสขัดผลประโยชน์กรรมการ ก็แสดงว่าจะต้องมีใครหวังตำแหน่งเจ้าอาวาส ถ้าเขาพ้นไปแล้วตนเองจะได้ อยู่ข้างนอกมองเข้าไป เดี๋ยวก็เห็นเองว่าใครเป็นใคร ถาม : กรณีนี้เจ้าอาวาสไปขัดผลประโยชน์ ? ตอบ : ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาก็เพราะว่ากรรมการไม่สามารถควบคุมเจ้าอาวาสได้ ถึงเวลาเรียกร้องผลประโยชน์ไม่ได้ ถาม : เจ้าอาวาสเอาเงินวัดไปใช้ในเรื่องส่วนตัว กรรมการไม่ยอม ขณะเดียวกัน กรรมการวัดต้องการเอาเงินไปก่อสร้างให้วัด แล้วเจ้าอาวาสมายึดสมุดบัญชีวัดไป เพราะต้องการยึดอำนาจการใช้เงินจากกรรมการ ? ตอบ : ปล่อยเขารบกันเอง บอกไปว่า เราเป็นคนนอกมาอยู่ไม่นาน ไม่รู้เรื่องอะไร ขืนไปเข้าข้างไหนก็เละ แล้วเรื่องอะไรจะไปเข้าข้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2015 เมื่อ 16:39 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์สนทนากับโยมรุ่นเก่าที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง "ตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ให้นึกถึงพระ นึกถึงพระนิพพานไว้อย่างเดียว ถ้าใจจ่ออยู่ที่เดียว รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไม่มี ถ้าอยู่ได้นานพอจนเคยชิน ใจจะสะอาดไปเอง"
ถาม : รู้สึกว่าเข้มข้นขึ้น ? ตอบ : เหมือนที่อื่นไม่อยากแวะแล้ว ไปที่เดียว ยังดีที่พวกเราเลี้ยวมาตอนนี้ เห็นทุกข์แล้วเข้าถึงธรรมได้ คนอื่นทุกข์แล้วไปดิ้นรนกลุ้มใจอยู่ ถือว่าโชคดีที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง เพียงแต่ว่ากรรมเก่าที่เราสร้างไว้ ก็ใช้ ๆ ไป ถือว่าครั้งสุดท้ายแล้ว เอ็งทวงได้เท่าไรก็แค่นั้นแหละ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ถาม : รุ่นเราโชคดีที่สุดที่ได้เจอหลวงพ่อ ? ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นสังฆานุสติเต็มระดับ นึกถึงเมื่อไรก็เห็นภาพชัดเจนว่าท่านพูดอย่างไร ท่านทำอย่างไร คนอื่นนึกให้ตายก็นึกไม่ออก ถาม : ท่านโชคดีที่ได้ใกล้ชิดหลวงพ่อ ? ตอบ : ต้องบอกว่าอาตมาตัดสินใจถูกแล้วที่มาทางนี้ ถ้าเป็นฆราวาสก็คงต้องไปรบราฆ่าฟัน แย่งชิงตำแหน่งกับเขาอีก ช่วงนั้นแม่ชม้อยล้มตึงพอดี พอแม่ชม้อยล้ม แทนที่จะถอยเหมือนบางคน อาตมาก็บวชเลย ถาม : แกออกมาหรือยัง ? ตอบ : ออกมาแล้วแต่ว่าเงินไม่มี เพราะว่าโดนเขายึดไปหมด ความจริงอาตมาจะไม่กระทบกระเทือนเลยเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าไม่เล่นแชร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่พรรคพวกนี่สิ คนโน้นก็มาอ้อนคนนี้ก็มาอ้อนยืมเงิน จากที่ไม่เล่นกับใคร เลยเจอไป ๗ คันกว่า ๘ คัน "พี่ไม่มีความโลภเป็นความดีของพี่ แต่พวกผมต้องกินต้องใช้ ถึงเวลาถ้าผมได้มา ก็แบ่งให้พี่ด้วย พี่ก็ทำงานพระศาสนาได้สะดวกขึ้น" กล่อมจนอาตมาต้องให้ สรุปว่าอยู่เฉย ๆ ก็โดนไปด้วย หลวงพ่อท่านหัวเราะ บอกว่า "ไอ้พวกกองเสบียง คอยสนับสนุนเขา โดนไปด้วยจนได้" สรุปว่าสงครามครั้งนั้นอาตมาเป็นฝ่ายสนับสนุนเสบียง เลยโดนไปด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-04-2015 เมื่อ 17:43 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาเราอธิษฐานทำไมบางครั้งจึงไม่สำเร็จ ?
ตอบ : เราต้องทำมาพอ ถ้าเราทำมาไม่พอก็ไม่สำเร็จ อธิษฐานบารมีเหมือนเราเก็บเงินซื้อของ สมมติว่าจะซื้อรถคันหนึ่ง ถ้าคุณเก็บเงินไม่พอ คุณก็ซื้อรถไม่ได้ อธิษฐานให้ตายก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าหากบุญของคุณเพียงพอ อธิษฐานขอก็จะได้ตามนั้น อธิษฐานบารมีเป็นการเล็งเป้าไว้ว่าเราต้องการอะไร ถ้าถึงเวลาสิ่งนั้นก็จะมาตามบุญที่เราทำ ไม่ใช่ความโลภ เพราะว่าทำแล้วไม่ว่าดีหรือชั่วได้แน่นอน เพียงแต่ว่าอธิษฐานบารมีเป็นการจำกัดว่าต้องการตอนไหน ต้องได้ตอนนั้น เป็นเรื่องของคนมีปัญญาจึงจะใช้เป็น แต่ว่าต้องทำมาเพียงพอจึงจะได้ ไม่พอยังไม่ได้หรอก เป็นเรื่องของเหตุผล ถ้าคุณสร้างเหตุพอ ผลก็จะได้ เพียงแต่ว่าได้ตามที่เราต้องการ ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ อาจจะได้ในสิ่งที่เราไม่ต้องการ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2015 เมื่อ 17:56 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมได้รับพระกรุของที่อื่นมา แต่ผมไม่รู้ที่มาว่าเป็นของมือหนึ่ง มือสอง หรือมือสาม ไม่รู้ว่าคนที่เป็นมือหนึ่งเขาได้มาจากการขโมยหรือเช่าบูชา ?
ตอบ : ถ้าไม่มั่นใจให้สร้างพระพุทธรูปถวายวัดคืนไป เราไม่ต้องดูว่าพระองค์นั้นปัจจุบันราคาท้องตลาดเท่าไร สมมติว่าเป็นพระเครื่องสมเด็จวัดระฆัง อาจจะสัก ๒๐ ล้านบาท แต่ถ้าคุณสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๕ นิ้วองค์หนึ่งไปถวายวัด สามารถทดแทนกันได้ เพราะ พุทโธ อัปปมาโณ คุณพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้ เราก็สร้างองค์ใหญ่กว่าไปคืน ถาม : สร้างเองหรือต้องไปซื้อ ? ตอบ : จะไปซื้อไปก็ได้ ให้มาเป็นของเรา เสร็จแล้วเอาไปถวายวัด ตั้งใจอธิษฐานทดแทนกันไป เผื่อว่าจะเป็นหนี้สงฆ์ เราก็ถวายพระองค์นี้แทนการชำระหนี้สงฆ์ แต่ถ้าไปแบกเอาพระพุทธรูปมา ต้องสร้างคืนหรือถวายคืนให้ใหญ่เท่านั้นหรือใหญ่กว่านั้น แต่ถ้าพระเครื่อง ถวายคืนแค่องค์ขนาด ๕ นิ้วก็พอ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2015 เมื่อ 17:42 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : รู้สึกว่าไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่เราทำแล้วมีความสุขเลย ?
ตอบ : เขาเรียกว่านิพพิทาญาณ เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะถ้าเราไม่เบื่อ เราก็ยังอยากเกิดอีก พอเราเบื่อเราก็จะเสาะหาว่าทำอย่างไรถึงจะไม่เกิด ก็คือเส้นทางในการละสังโยชน์ ๑๐ หรือเส้นทางพระโสดาบัน คว้าเอาไว้แล้วปฏิบัติย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทวนไว้ทุกวัน ถ้าอารมณ์เราสูงขึ้นก็จะก้าวข้ามตัวเบื่อไปได้ ตอนนี้รู้สึกเบื่อ ก็พยายามให้เห็นว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ เราเกิดมาต้องพบกับสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายแบบนี้ แต่ถ้าเปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดที่นับชาติไม่ถ้วนไม่รู้จบนี้ กับการที่ชาตินี้เราหลุดพ้นไปพระนิพพาน ชีวิตชาตินี้ของเราเมื่อเทียบกับการเวียนว่ายตายเกิดก็แค่แวบเดียว ทำไมเราจะทนอยู่ไม่ได้ ถ้าเราเห็นธรรมดาของการเกิดเป็นอย่างนี้ เห็นตัวธรรมดาตรงนี้เมื่อไร ก็จะไม่ไปแบกเอาไว้ ความเบื่อก็จะหายไป ต้องพิจารณาอีก ทวนแล้วทวนอีก ย้ำแล้วย้ำอีก ยิ่งเบื่อมากยิ่งดีเพราะจะได้ไม่อยากเกิด ถ้ารักษาอารมณ์เบื่อไว้ได้ก็ให้ประคองไว้สักระยะหนึ่งก่อน เอาให้จำใส่ใจไปเลยว่า อย่างนี้ไม่เอาแน่ ๆ หลังจากนั้นก็พิจารณาให้เห็นธรรมดา จะได้ก้าวข้ามไป ถ้าเคยทำมา ถามแล้วก็ตอบได้ แต่ถ้าไม่เคยทำ เมื่อมีมาถามแล้วจะไม่รู้จะตอบอย่างไร ดีที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมาครบทุกอย่าง ถึงเวลาคนอื่นถามอะไรก็ไม่เกินไปจากนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2015 เมื่อ 17:47 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|