|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ต้นขี้อ้าย ?
ตอบ : ต้นขี้อ้ายสมัยนี้หาดูยากแล้ว แถวบ้านอาตมาขนาดมี "ทุ่งขี้อ้าย" ยังหมดเลย ไม้บางอย่างคนเขาไม่รู้จัก อย่างชื่อโบราณเขาเรียกต้นตุมกา สมัยใหม่เขาเรียกว่าต้นแสลงใจ เขาเอาเม็ดมา ๑ เม็ดมาแช่น้ำร้อน แช่พักเดียวนะ ห้ามแช่นาน กินลงไปถ่ายท้องระเบิดเทิดเถิงเลย ถ้าหากว่าแช่นานนี่ถ่ายถึงตาย หมอสมัยก่อนพอคนไข้หมักหมมโรคไว้เยอะ เขาจะทำให้กิน เรียกว่า "ถ่ายรุ" คือถ่ายของที่เสีย ๆ ในร่างกายออกไปให้หมดก่อน แล้วค่อยให้ยารักษา แต่ว่าหมอต้องเก่ง เพราะว่าใช้เม็ดเดียว แล้วก็แช่น้ำร้อนพักเดียว แช่นานเกินก็ไม่ได้ เพราะพิษแรง ส่วนใหญ่คนป่วยร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ถ้ายาแรงบางทีถึงตาย กินลงไปมีเท่าไรก็ถ่ายหมด ถาม : แล้วสลอดละคะ ? ตอบ : สลอดถ่ายแล้วหมดแรง ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยใช้กัน โบราณเขาแต่งโคลงไว้ว่า กาฝากกาจับต้น.....................ตุมกา กาลอดกาลากา......................ร่อนร้อง เพกาหมู่กามา........................จับอยู่ กาม่ายมัดกาซร้อง...................กิ่งก้านกาหลง มีต้นกาฝาก ต้นตุมกา ต้นการ่อน ต้นเพกาที่บางทีเรียกว่าลิ้นฟ้า แล้วก็กาหลง บ้านน้องทรายที่ด่านช้างมีต้นกาหลงเถาเบ้อเร่อ ใหญ่เกือบเท่าขาอ่อน เลื้อยพันบ้านไปครึ่งหลัง เขาบอกว่าหลวงพ่อจะเอาไปทำวัตถุมงคลเมื่อไรให้ไปเอาได้เลย ไม่ได้ไปเอาสักที ประเภททำพวกสายเสน่ห์เขาจะใช้กัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-12-2014 เมื่อ 11:59 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทำไมถึงชื่อกาหลงครับ ?
ตอบ : หน้าตาต้นเหมือน ๆ กันหมด แล้วชอบขึ้นเป็นหมู่ ในเมื่อเหมือนกันหมดคนยังหลงเลย อย่าว่าแต่กา เขาถึงได้เรียกกาหลง หรือกาหลงรัง แต่ว่าต้นกาหลงที่กาญจนบุรีนั้น พวกนกมาเกาะอยู่แล้วไม่ไปไหน จนอดตายเป็นแถว ๆ เลย นั่นเขาเรียกว่ากาหลงเหมือนกัน แต่ว่าแบบที่เมืองกาญจน์ฯ น่าจะมีอำนาจพิเศษอะไรมากกว่า ส่วนกาหลงทั่ว ๆ ไปนั่นเป็นเพราะชื่อ ถาม : เป็นไม้เถา ? ตอบ : เป็นไม้ต้นกึ่งเถา เพราะถ้าขึ้นสูงแล้วมักจะเลื้อย ถ้าต้นเล็กจะยืนต้น ถาม : แล้วลูกสวาด ? ตอบ : ลูกสวาดส่วนใหญ่เขาจะเอาไปทำเสน่ห์กัน ถึงเวลาต้องกลืนลงท้องไปก่อน ผ่านไฟธาตุของเราย่อยก่อน พอถ่ายออกมาแล้วไปเขี่ยมาล้าง ค่อยเอามาใช้งาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 03:12 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : กรณีคนที่ฆ่าตัวตาย เราจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเขาได้คะ ?
ตอบ : ฆ่าตัวตายทำบุญอะไรไปให้เขาก็ได้ทั้งนั้นแหละจ้ะ เพราะว่ายังตายโดยไม่หมดอายุ เขาโมทนาได้หมดเลย จะว่าไปแล้วพวกนี้โชคดีนะ ฆ่าตัวตายเขามักเป็นอุปฆาตกรรม คือ กรรมที่มาตัดรอนให้ตายตั้งแต่ยังไม่หมดอายุ ไปรับดีรับชั่วก็ไม่ได้ ต้องเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนไปเรื่อย ใครทำบุญไปให้ก็ได้หมด ถึงได้บอกว่าบางทีโชคดี แต่ก็ต้องดูนะ ไม่ใช่เห็นว่าโชคดีก็เลยลองไปฆ่าตัวตายดูบ้าง ถาม : คนที่ฆ่าตัวตายต้องกำลังใจเข้มแข็งมาก เพราะปกติแล้วคนเราจะรักร่างกาย ? ตอบ : เศร้าหมองเสียจนไม่เห็นประโยชน์ในการมีชีวิต ไม่ใช่เข้มแข็ง ถ้าไม่มีใครทำบุญให้ หมดอายุความเป็นมนุษย์มักจะลงข้างล่างไปเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-12-2014 เมื่อ 10:27 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ก่อนหน้านี้ไปช่วยงานภูเขาทอง เหมือนกับเราช่วยไปเรื่อย ๆ แต่ก็เพิ่มภาระงานขึ้น พอไม่มีงานก็รู้สึกว่าอยากจะทำ ...(ไม่ชัด).... ?
ตอบ : ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คิดว่าทุกอย่างทำเพื่อเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานที่เดียว เอาแค่นั้นแหละ โดยเฉพาะภูเขาทองมีพระบรมสารีริกธาตุ เท่ากับเราได้รับใช้อยู่ใกล้เบื้องพระยุคลบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถาม : ถ้าเราทำงานด้วยตั้งใจว่าถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา อย่างนี้งานอื่น ๆ เราก็ทำได้ ? ตอบ : ทำได้..ถ้าเป็นงานเพื่อส่วนรวมทำได้ทั้งนั้น ถาม : เท่ากับเราปฏิบัติไปด้วยหรือเปล่า ? ตอบ : เท่ากับเป็นการปฏิบัติธรรม อยู่ที่เราตั้งกำลังใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 03:16 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนเป็นพ่อแม่จำไว้เลยว่า ถ้ารักลูกต้องปล่อยให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด เผื่อว่าอยู่ ๆ ไม่มีเราแล้ว เขาจะได้เอาตัวรอดได้ อาตมาหุงข้าวเองซักผ้าเองตั้งแต่อยู่ชั้น ป.๒ ทำกับข้าวเองเสร็จสรรพ เพราะว่าติดนิสัยชอบไปโรงเรียนแต่เช้า คราวนี้พี่สะใภ้เขาก็ต้องทำงานบ้าน ต้องเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ กว่าจะเสร็จแล้วค่อยมาหุงข้าวก็ช้า จึงทำเองเลยหมดเรื่อง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 16:23 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในวรรณคดีทั้งบาลีและไทย นายพรานที่ดังมาก ๆ เลยก็จะมีพรานบุญในเรื่องพระสุธน-มโนราห์ พรานเจตบุตรในพระเวสสันดรชาดก แล้วก็พรานโสณุดรในฉัททันต์ชาดก พรานโสณุดรนี่ต้องบอกว่าแกสุดยอดเลย เพราะว่าทางที่จะเข้าไปถึงสถานที่อยู่ของพญาฉัททันต์ บางช่วงต้องปีนหน้าผาสูงเป็นร้อย ๆ วา แกก็อุตส่าห์ฟั่นเชือกหนัง ตอกหมุดโยงตัวเองลงไปจนถึง ปรากฏว่าขากลับพญาฉัททันต์ให้คาถาพญาช้างสารมา ก็เลยแบกงากลับได้แบบเดินภูเขาเป็นที่ราบเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 16:24 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ตั้งใจถือศีลแปดอยู่ช่วงหนึ่งว่า “ไม่ต้องเสียเวลาไปลาศีลนะ กลับไปถือศีล ๕ ต่อได้เลย สมัยก่อนการที่เขาลาศีล เพราะว่าโยมไม่ค่อยจะรู้ว่าศีลมีอะไรบ้าง ในเมื่อเรารู้แล้วว่าศีล ๕ เป็นอย่างไร ศีล ๘ เป็นอย่างไร ก็ลดจากศีล ๘ ไปถือศีล ๕ เท่านั้นก็พอ ไม่ต้องไปลาแล้วก็สมาทานศีล ๕ ใหม่”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2014 เมื่อ 03:05 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
![]()
มีโยมพาลูกมาทำบุญ "ได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ ? (๑๑ เดือนค่ะ) รับรองว่าถ้าถามเดือนไม่มีทางถึงปี อาตมาเลี้ยงหลานมาเยอะ พอเลี้ยงเยอะ ๆ ก็เกิดความชำนาญ พอเกิดความชำนาญแค่มองก็รู้ว่าเด็กอายุกี่เดือนแล้ว ลักษณะการปฏิบัติธรรมก็ต้องซักซ้อมเยอะ ๆ จะเกิดความชำนาญ พอมีความคล่องตัวมาก ๆ เราจะเข้าสมาธิระดับไหนก็ได้ สลับกันไปสลับกันมาก็ได้ อย่างพวกมีทิพจักขุญาณ มีทิพโสต เวลารำคาญก็เข้าฌานสองฌานสามไป ไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่ถ้าอยู่อุปจารสมาธิหรือฌานสี่ก็เห็นหรือได้ยินหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 16:26 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงคำว่า ๑๘ มงกุฎสมัยก่อนก็คือสุดยอดพญาลิง ๑๘ ตัว ความหมายมาเพี้ยนตอนหลัง มีความหมายของลิงหลอกเจ้าเข้ามาด้วย พอมาตอนหลังคำว่า ๑๘ มงกุฎเขาก็เลยเอาไปใช้กับพวกที่ล่อลวงคนอื่นเขา
ถ้าใครอ่านรามเกียรติ์รุ่นเก่า ๆ จะจำได้ “นิลเอกนิลนนท์นิลขันธ์ สุรเสนสุรกานต์ทหารใหญ่ อีกชามภูวราชฤทธิไกร มีอายุได้โกฏิปีปลาย” อาตมาเองรู้จักว่า “บัดนั้น” กับ “เมื่อนั้น” ต่างกันอย่างไรก็จากเรื่องนี้แหละ คุณครูท่านบอกว่าถ้าเป็นตัวเจ้าใช้ “เมื่อนั้น” แต่ถ้าหากว่าเป็นเสนาทหารจะใช้ “บัดนั้น” เช่น "เมื่อนั้น พระตรีภูวนาถนาถา กับ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี" เป็นต้น บางทีคำบรรยายในวรรณคดีต้องใช้จินตนาการตามไปเยอะมากเลย ที่ตลกที่สุดคือนิลนนท์วิ่งไปส่งข่าวกับพระราม ตอนไปไม่เป็นไรไปได้ แต่ขากลับหลงทาง บัดนั้น.......................นิลนนท์ฤทธิไกรใจหาญ ประโยคเดียวเท่านั้นเองวิ่งถึงพลับพลาเลยได้ฟังสุครีพบัญชาการ ............ก็วิ่งลนลานเข้ามา ครั้นถึงน้อมเศียรอภิวาท .............พระตรีภูวนารถนาถา สะอื้นพลางทางทูลกิจจา............ ว่าพระอนุชาวิลาวัณย์ ออกไปสัประยุทธ์ชิงชัย ...............กับอ้ายกุมภกรรณโมหัน บัดนี้ต้องโมกขศักดิ์มัน............... พระน้องนั้นสุดสิ้นชนมาน เขาใช้บรรยายคำเดียวว่า “ก็วิ่งลนลานเข้ามา” ถึงแล้ว แต่ตอนกลับบรรยายระยะทางยาวดีจัง จึงหลงทาง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 16:31 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาจินตนาการจะได้อรรถรส ต้องปรุงแต่ง แล้วเวลาเราจะเสพอรรถรสควรทำอย่างไร ?
ตอบ : จำเป็นต้องปรุง ไม่ปรุงก็ไม่อร่อย แต่ต้องมีสติคอยควบคุม อย่าให้เกินเลย ฉะนั้น..ต้องรู้ว่าอะไรก็ตาม ถ้าส่งจิตออกนอกจะเป็นสาเหตุของทุกข์ ถึงเวลาไม่มีให้เสพก็เริ่มแสวงหา ก็คือต้องยากลำบาก ต้องทุกข์ เราเห็นทุกข์จึงรู้จักระงับยับยั้ง ไม่คล้อยตามไปทั้งหมด มืดคลุ้มอับแสงดาวเดือน........... เมฆเกลื่อนบดบังรัศมี ตอนมาวิ่งพรวดเดียวถึงเลย ตอนกลับดันพาหลงเสียได้ แต่ต้องบอกว่ายุคนั้นทันสมัยมากเลย พระรามยิงพลุนำวิถี ๓ ดวง..สว่างโร่เลยไม่เห็นมรรคาพนาลี ................กระบี่พาหลงวงไป ว่าแล้วจับจันทราทิตย์ ...............ทรงฤทธิ์พาดสายเงื้อง่า น้าวหน่วงแผลงไปในเมฆา.......... เสียงสนั่นลั่นฟ้าธาตรี เกิดเป็นศศิธรสามดวง ...............โชติช่วงจำรัสรัศมี แสงสว่างพ่างพื้นธรณี............... ภูมีเร่งรีบเสด็จจร ตอนวิ่งไปหาพระรามบรรยายประโยคเดียว ตอนกลับบรรยายเสียยาวเป็นหน้ากระดาษเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 16:34 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
![]()
หนุมานเป็นลูกพระพายกับนางสวาหะ ก็เลยได้พรพิเศษว่า ถ้าสิ้นชีวิต ลมพัดมาต้องเมื่อไรก็ฟื้นใหม่ แล้วตามเรื่องหนุมานรบไม่เคยแพ้ ทำงานสำเร็จทุกครั้ง โบราณาจารย์ก็เลยสร้างเครื่องรางของขลังรูปหนุมานขึ้นมา ลักษณะถือเคล็ดว่าเป็นผู้ไม่ตาย แล้วประสบความสำเร็จในหน้าที่ทุกอย่าง มีหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เครื่องรางหนุมานดังที่สุด แล้วก็มีหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว เขาเรียกว่าลิงจับหลัก หลวงพ่อเชย วัดบางกระสอบ เป็นองคต องคตถือว่าทำงานสำเร็จก็จริง แต่ว่าถ้าเป็นสมัยนี้ต้องบอกว่าทำเกินหน้าที่ เป็นทูตเจรจา แต่ดันไปฆ่าทหารของทศกัณฑ์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 16:35 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "พอหลังวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในหลวงก็จะมีพระชนมายุ ๘๘ พรรษา ไปนึกถึงคนอายุ ๘๘ นี่จะเอาสมบูรณ์จริง ๆ ก็คงยาก เพราะว่าคนที่จะร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงทั้งที่อายุมาก ก็คือคนที่สร้างปาณาติบาตมาน้อย แต่ในอดีตชาติในหลวงเป็นจอมทัพในการกู้ชาติกู้แผ่นดิน ต้องบอกว่าสังหารฆ่าศึกมาจนนับไม่ถ้วน สุขภาพของพระองค์ท่านจึงได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามแรงกรรมเก่าที่ได้ทำไว้ ขณะเดียวกัน..ในชาตินี้พระองค์ท่านก็ทรงงานจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน ก็ยิ่งทำให้พระวรกาย..ต้องใช้คำชาวบ้านคือ "กรอบ" ในเมื่อกรอบจนถึงที่สุด ทรุดลงไปครั้งหนึ่งก็ฟื้นคืนได้ยาก
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้บางทีก็ทำให้พวกเราคิดประมาท บอกว่าได้ยินในหลวงตรัสว่าจะอยู่ถึง ๑๒๐ พรรษา ต้องบอกว่า นั่นเราได้ยินในหลวงตรัส อาตมาเองเห็นลายมือของหลวงพ่อวัดท่าซุงเขียนบอกไว้ว่า ท่านจะมรณภาพวันไหน เดือนไหน ปีไหน ก็ปรากฏว่าท่านจะต้องอยู่ถึงประมาณ ๑๑๘ ปี แล้วก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะว่าร่างกายไปไม่ไหว เมื่อเป็นดังนั้นท่านก็ต้องตัดใจทิ้งร่างกาย ไปทำงานในลักษณะของกายทิพย์แทน ถ้าพวกเราไปประมาทว่า ได้ยินในหลวงตรัสว่าจะอยู่ถึง ๑๒๐ พรรษา นั่นก็คือกำลังใจที่พระองค์ท่านตั้งใจไว้ เพื่อที่จะช่วยเหลือประเทศชาติของเรา เพื่อที่จะสร้างความสุขให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด..นานที่สุด แต่เราต้องดูด้วยว่าพระวรกายของพระองค์ท่านไหวหรือเปล่า ? ถัดจากนี้อีก ๒ ปี พระองค์ท่านก็ ๙๐ พรรษา อายุ ๙๐ นี่โบราณเขาบอก “ลูกหลานดูนั่งร้องไห้” ถ้าร้อยปี "ไข้ก็ตายบ่ไข้ก็ตายแล"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2014 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เมื่อทุกอย่างในโลกเป็นสมมติ เราจะพูดว่าการทำบุญเป็นสมมติได้หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้านับแล้วทุกอย่างเป็นสมมติ แต่อย่าลืมว่าสมมติก็มีสัจจะ คือความจริงของสมมติอยู่ โดยเฉพาะในส่วนความเป็นจริงนั้น เป็นความจริงแท้ที่เถียงไม่ได้ แม้ว่าเราจะสมมติขึ้นมาว่าท่านเป็นอย่างนั้น ท่านเป็นอย่างนี้ แต่ท่านก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาเลยเรียกว่าสมมติสัจจะ ถาม : จริง ๆ แล้ว สมมติในโลกนี่ เกิดจากการสร้างขึ้นมาเองของเราทั้งหลาย ? ตอบ : จะเรียกว่าการสร้างก็ใช่ จะเรียกว่าการปรุงแต่งก็ใช่ แต่ว่าท้ายที่สุดก็คือการถวายความเคารพต่อพระรัตนตรัย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-12-2014 เมื่อ 07:02 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : บางคนที่มีความสามารถพิเศษ เข้าใจสมมติในโลก เช่น เห็นว่าร่างกายหรือสิ่งของไม่ใช่แท่งทึบ ก็แทรกผ่านกันไปได้ เมื่อมีคนทำได้ถึงความพิเศษอันนี้แล้ว ทำไมจึงไม่เข้าใจความจริงของโลก ต้องถึงตรงไหนจึงจะเป็นปัญญา ? ?
ตอบ : ต้องเข้าถึงอริยสัจ ถ้าไม่เข้าถึงอริยสัจก็ยังเป็นปัญญาที่เอาตัวรอดไม่ได้ ในส่วนที่เขาเรียกว่าวิสุทธิ ๗ อย่างคือสีลวิสุทธิ จิตวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิ ก็คือความบริสุทธิ์ของศีล ความบริสุทธิ์ของจิต ความบริสุทธิ์ของทิฐิ คือความเห็น บริสุทธิ์ของศีลก็จัดอยู่ในส่วนของศีลในไตรสิกขา จิตวิสุทธิจัดอยู่ในส่วนของสมาธิหรืออธิจิตสิกขา ทิฏฐิวิสุทธิจัดอยู่ในส่วนของปัญญา ก็คือปัญญาสิกขา ก็เลยกลายเป็นว่าในส่วนของปัญญาแท้ ๆ ก็ยังมีหลายระดับ เพราะยังมีกังขาวิตรณวิสุทธิ ก้าวข้ามความสงสัยเสียได้ จึงเกิดมัคคามัคคญาณวิสุทธิ เห็นหนทางที่จะมุ่งไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น จากนั้นก็เป็นปฏิปทาญาณวิสุทธิ ทำเพื่อให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์หลุดพ้น จนไปถึงญาณทัสสนวิสุทธิ รู้แจ้งเห็นจริง เข้าถึงความบริสุทธิ์สิ้นเชิง เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับคนเดินขึ้นที่สูง ยิ่งขึ้นสูงเท่าไรก็ยิ่งมองได้ไกลเท่านั้น ฉะนั้น...ถ้ากำลังของศีล ของสมาธิของเราสูงมากเท่าไร ปัญญาของเราก็จะกว้างไกลเท่านั้น แล้วท้ายสุดก็จะสามารถเห็นทุกข์และเข้าถึงความดับทุกข์ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-09-2021 เมื่อ 19:20 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาที่รู้สึกปวดใจนี่เป็นเพราะโดนกิเลสเล่นงานใช่หรือไม่ ? อย่างเช่น เวลาที่เรารู้ตัวว่าพลาดท่ากิเลสไปแล้ว แทนที่จะวางลง ยังมาฟุ้งต่อเป็นเรื่องเจ็บใจว่าทำไมโง่นัก ?
ตอบ : ลักษณะอย่างนั้นแสดงว่าปัญญายังไม่พอ ก็จะโดนกิเลสหลอกไปเรื่อย ถ้าหากว่าปัญญาเพียงพอ จะสาวไปดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ? แล้วเราเลี่ยงจากสาเหตุนั้น เรื่องนั้นก็ไม่เกิดขึ้น เราก็ไม่ต้องมานั่งปวดใจอีก ถาม : เวลาที่เราคิดชั่ว ต่อให้รู้ตัวก็ไม่ทันกิเลสไปแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่ทันกิเลส ต้องทำอย่างไรจึงจะไม่แวบออกไป ? ตอบ : อันดับแรกต้องไม่หลุดจากสมาธิเลย หลุดเมื่อไรกิเลสก็แทรกเข้ามาเมื่อนั้น หลังจากนั้นก็มาพิจารณาให้เห็นว่ามีทุกข์มีโทษอย่างไร ? จนกระทั่งจิตของเราเบื่อหน่าย ไม่คิดที่จะทำอย่างนั้นอีก ก็อาศัยกำลังของสมาธิช่วยเสริม ให้สภาพจิตมีความเด็ดขาดในการตัดละตรงนั้น ก็จะเลิกการกระทำอย่างนั้นได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-12-2014 เมื่อ 07:04 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เราเอาวัตถุมงคลเข้าพิธีเสกมีดหมอได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาเสกมีดหมอ เอาวัตถุมงคลไปเสกเผื่อว่าจะกลายเป็นมีดบ้าง ได้ไหมล่ะ ? ถาม : แล้วมีดของผมแบบนี้ล่ะครับ ? ตอบ : มีดอะไรก็ได้แต่ต้องไม่ใช่มีดพับ เพราะว่ามีดพับเป็นมีดหมอไม่ได้ ถาม : ถ้าเอามีดสำนักอื่น ถ้าไปเสกในงานอานุภาพจะเปลี่ยนไหมครับ ? ตอบ : ถ้าท่านสงเคราะห์ให้มากกว่าก็เปลี่ยน อาตมาเล็ง ๆ ว่าจะหาดาบคาตานาที่ญี่ปุ่นเขาตีด้วยมือ เล่มละ ๑๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ มาเข้าพิธี เป็นมือหนึ่งของโลกในการทำดาบซามูไร ทำกันเป็นปี ไม่ต้องห่วง..คิวยาวยันแกตาย ไม่รู้ว่าจะมีช่องให้เสียบแทนหรือเปล่า ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2014 เมื่อ 14:56 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : โกรธโดยไม่มีสาเหตุ ?
ตอบ : ต้องมีสิ เพียงแต่ว่าเรารับแรงกระทบมาแล้วเรารู้ไม่ทันต่างหาก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสาเหตุ เราอาจจะไม่พอหู ไม่พอตา ไม่พอใจ เก็บ ๆ เอาไว้ ให้อภัยไปเรื่อย จนสุดท้ายให้อภัยไม่ไหว ก็ปรี๊ดแตก ถาม : วิธีป้องกันไสยศาสตร์ ? ตอบ : ถ้าเรามั่นใจในคุณพระรัตนตรัย ภาวนานึกถึงพระไว้เป็นปกติ อารมณ์ใจทรงตัวแค่ปฐมฌานละเอียด ไม่มีไสยศาสตร์หรืออันตรายภายนอกกล้ำกลายได้แล้ว เราก็ภาวนาของเราไป ส่วนคนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา นึกถึงภาพพระคลุมเราเอาไว้มิดทั้งตัวเลย ใครทำอะไรมาก็ติดอยู่ที่พระ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2014 เมื่อ 14:57 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "เอามีดอะไรก็ได้ที่เรามั่นใจไปเข้าพิธี ถ้าไม่รู้จะเลือกอะไร อาตมาแนะนำ Gerlach หรือ Zwilling รู้จักไหม ? มีดทำครัว ใช้งานได้หลากหลายดีด้วย Zwilling ตราตุ๊กตาคู่คมสุด ๆ เลย ยี่ห้อ Gerlach ก็ได้ เหล็กหนักดี ใบมีดเขา ๗ นิ้ว ๙ นิ้ว คนเห็นแล้วสยอง แหลมเปี๊ยบเลย เล่มละไม่กี่ร้อย ไม่แพง เหล็กคุณภาพสุดยอด ไม่ขึ้นสนิมด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2014 เมื่อ 15:01 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าว่า "คุณวีรวิทย์ เหล่าวงค์ไทย เขาวิ่งรถจากลพบุรีมาทำบุญ คุณวันชัย พิทักษ์วงษ์ พาครอบครัววิ่งมาจากชลบุรี เขามีกำลังใจวิ่งทำบุญข้ามจังหวัด ถ้าเราไปเทียบกำลังใจแล้วยังสู้เขาไม่ได้ ไม่ติดฝุ่นเขาเลย ครอบครัวทิดเอฟอยู่โคราช วิ่งมาทำบุญที่นี่ทุกเดือน แล้วต้องผลัดกันมาด้วยนะ วันนี้แม่กับลูกเฝ้าบ้าน พ่อมา พรุ่งนี้พ่อเฝ้าบ้าน แม่กับลูกมา ฝากได้ก็ไม่ฝาก ขอมาทำเอง ถ้าเอกอยู่โคราชจะมาไหม ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2014 เมื่อ 15:03 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อกลางเดือนอาตมาลงไปพังงา กับภูเก็ต พังงาเพิ่งจะไปเป็นครั้งแรก โยมนิมนต์ไว้นานแล้วเพิ่งมีโอกาสแวะไป ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สับสนวุ่นวาย เศรษฐกิจสะพัดมาก นักท่องเที่ยวฝรั่งแทบจะเดินชนกันตาย ในส่วนของพังงา จะมีนักท่องเที่ยวทางอยู่ด้านตะกั่วทุ่ง ทางด้านตะโก พอออกไปทางด้านตะกั่วป่านี่สงบเงียบ น่าอยู่ สองทุ่มแทบจะไม่มีรถบนถนนเลย
อาตมาแวะไปวัดสุวรรณคูหา วัดนี้มีพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ตลอดจนเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอยู่ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีในอดีต อย่างเช่น พระยาพหลฯ พระยาทรงสุรเดช แต่ว่าลายพระหัตถ์ที่เห็นยากคือ ลายพระหัตถ์ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารองค์แรกเลย ไปถึงพอลงรถ พระปลัดธนารักษ์รี่เข้ามาต้อนรับ "ดีใจมากเลยครับ ที่พระอาจารย์มาโปรดวัดผม" อาตมาก็..เฮ้ย..! "ผมตามผลงานพระอาจารย์ในเว็บมาหลายปีแล้วครับ ยังไม่รู้จักท่านอาจารย์เลย เพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวเป็น ๆ วันนี้เอง แล้วมาเจอที่วัดตัวเองด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2014 เมื่อ 13:04 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|