|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถามว่า "เก็บตกจากงานปฏิบัติธรรม เอก (จิตติพงษ์ ชื่นอารมณ์) ได้บันทึกไว้ทุกครั้งหรือเปล่า ? หรือคนอื่นบันทึกแล้วมาส่งให้ ? เพราะบางครั้งเวลาพระท่านสงเคราะห์แล้วไม่มีคนบันทึกไว้ อาตมาเองยังเสียดายเลย เพราะท่านให้เยอะจริง ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 241 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าว่า "สาว ๆ สมัยก่อนเขาใช้ส้มมะขามขัดผิว อาบน้ำเสร็จก็ทาแป้ง ทาขมิ้น สมัยก่อนเขาอาบน้ำประณีตมากเลย รุ่นพี่ป้าน้าอาสมัยก่อน จะกระโจมอกไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ ค่อย ๆ ขัดสีฉวีวรรณ จึงเข้าใจว่าการขัดสีฉวีวรรณมาจากการอาบน้ำของคนรุ่นก่อนนี้เอง คนรุ่นก่อนทำอะไรประณีตมาก ค่อย ๆ ผสมดินสอพองกับขมิ้น ค่อย ๆ ขัดผิวด้วยส้มมะขาม
ที่ภรรยาของนายประตูเมืองเตือนศรีสุวรรณกับเพื่อนว่า "เห็นผู้หญิงริงเรือที่เนื้อเหลือง อย่ายักเยื้องเกี้ยวพานนะหลานขวัญ แต่ละนางมิใช่ชั่วตัวสำคัญ จะเสียสันเปล่า ๆ ไม่เข้าการ" คำว่า "ริงเรือ" คือผิวเนื้อเหลืองแบบเรื่อ ๆ บางคนใช้คำว่า "ผิวนวลมะปรางสุก" พอมารุ่นหลังเขาไม่เข้าใจคำโบราณ เขาเลยเปลี่ยนเป็น "ผู้หญิงยิงเรือ" เพราะเขามีสำนวนเก่าว่า "ผู้ชายพายเรือ" ก็คือ ร่อนเร่ตระเวนไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย เขาก็เลยเหมาว่า คำนี้ต้องเป็นผู้หญิงยิงเรือ เพราะผู้ชายพายเรือ... เสียสัน คือโดนโบยจนสันหลังลาย โทษฐานที่ไปเกาะแกะนางในรั้วในวังเข้า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทำไมผีบางที่จึงดุชอบหลอกคน ?
ตอบ : นิสัยก็เหมือนกับคน รัก โลภ โกรธ หลง ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่เขาอยู่อีกเขตเท่านั้น ถาม : แล้วผีที่เป็นเทวดา ? ตอบ : ผีหรือเทวดาก็นิสัยเหมือนคน บางรายก็ค่อนข้างจะเกเร ก็มักจะหลอกคนนั้นคนนี้ บางรายก็หวงที่ หวงถิ่น หวงสมบัติ เห็นเราเข้าไปใกล้ ก็กลัวเราจะเข้าไปเอาของเขา ก็ต้องหลอก ไล่ ขับเราออกมา ส่วนเทวดาบางทีท่านซนก็แกล้งเรา ส่วนท่านที่ไม่ซนก็ต่างคนต่างอยู่ไป เพราะฉะนั้น..จะเห็นว่าเราไปบางที่ก็ผีหลอกจังเลย แต่บางที่กลับอยู่สบาย สรุปว่า ผีหรือเทวดาก็นิสัยเหมือนคน รัก โลภ โกรธ หลงเหมือน ๆ กัน เพียงแต่ว่าอยู่คนละเขตเท่านั้น ถาม : อาทิตย์หน้าจะไปเกาะพระฤาษี ไม่มีพระอยู่สักรูป คาดว่าโดนหลอกแน่ ? ตอบ : ที่โน่นอาตมาโดนตั้งแต่ยุคแรก ๆ แล้ว ไปทำกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ไว้ ทำวัตรเย็นอยู่ ผีโผล่หน้ามา หน้าใหญ่เต็มหน้าต่างเลย บอกว่า "เอ็งไสหัวไปไกล ๆ เลย ขืนโผล่ไปหาคนอื่นเขาจะได้ช็อกตายห่.." เขามาดูว่าอาตมาทำอะไร โผล่หน้ามาดู หน้าใหญ่เต็มหน้าต่างเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงกลุ่มโยมผู้พิการทางสายตาที่ช่วยเหลือกันว่า "บางทีเห็นเขาเกาะเป็นแถว ๆ เออ..เขารักกันดีนะ ถึงเวลาจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน แบบเดียวกับนกจิ้มฟันจระเข้ ถึงเวลาจะไปจิก ๆ พวกเศษอาหาร พวกปลิงตามปากจระเข้ จระเข้ก็ได้ทำความสะอาดตัวเอง
ปลาไหลมอเรย์อ้าปากมา ฟันแหลมเปี๊ยบเลย แต่กุ้งพยาบาลมุดเข้ามุดออกทำความสะอาด เป็นเรื่องของการพึ่งพาอาศัยกันในธรรมชาติ สัตว์เขารู้ว่าเขาจะสบายได้เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งมาช่วย จึงไม่ทำอันตราย ไม่อย่างนั้นแล้ว นกไปเต้นเหย็ง ๆ ในปาก จระเข้งับตูมเดียวกลืนเลย คนเราจะพึ่งพาอาศัยกันลักษณะนั้น ก็ต้องประกอบด้วยหลักธรรมหลายอย่าง อย่างน้อยต้องมีพรหมวิหาร ๔ จึงจะเมตตากรุณาสงเคราะห์คนอื่น คนมีพรหมวิหาร ๔ ก็มีศีลเป็นปกติ บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการก็ถือว่า เป็นอัตถจริยาในสังคหวัตถุ ๔"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 03:20 |
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์ถามว่า "มีใครเล่นหุ้นบ้าง ? อาทิตย์หน้าหุ้นจะทะลุพันหกร้อยจุด แต่โปรดระวังพฤหัส-ศุกร์ จะร่วงแรง เล่นหุ้นนี่ต้องรู้จังหวะ ช่วงจังหวะที่จะขึ้นก็จันทร์-อังคาร-พุธ หลังจากนั้นจะมีคนเทขาย ใครบ่นว่ารัฐบาล คสช.ไม่ดี ? หุ้นขึ้นเอา ๆ แต่อย่างว่า..ขึ้นแต่หุ้น เป็นการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ระวังตอนร่วงหนักเอาไว้ด้วย ถ้าเงินไม่เย็นจริง มีหวังได้หน้ามืดกันบ้าง..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 03:20 |
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
![]()
มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งมาทำสังฆทาน พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "ถ้าใครมีแม่ต้องหาให้ได้อย่างนี้นะ โหงวเฮ้งแบบนี้ใจกว้างเป็นแม่น้ำเลย ประเภทขอร้อยบาทให้สองพัน..! เรื่องของตำราโหงวเฮ้ง ถ้าไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเองอาตมาก็คงไม่เชื่อ บังเอิญไปได้ครูดี ตำราของท่านนี่อ่านคนขาดจริง ๆ แต่ท่านขอไว้อย่างหนึ่งว่าอย่าถ่ายทอดต่อ เพราะบางอย่างรู้แล้วเอาไปขู่กรรโชกคนอื่นเขาได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 12:20 |
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ปรารถนาน้อย สันโดษ สงัด ต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : ปรารถนาน้อย เป็นเรื่องของการตัดความโลภ สันโดษ คือ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ไม่ไขว่คว้ามากจนเกิดทุกข์ สงัด ไม่ว่าอย่างไรสภาพไหนก็ตาม จะต้องทำใจของตนให้สงบระงับจากกิเลสได้ สงัดนี่ถ้าเข้าถึงจริง ๆ ก็คือ พระนิพพาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-12-2014 เมื่อ 16:43 |
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การภาวนาคาถาหลาย ๆ คาถา โดยแบ่งเป็นเวลาเป็นสัดส่วน เช่น ภาวนาคาถาอภิญญารวมครึ่งชั่วโมงในตอนเช้า คาถาท่านปู่พระอินทร์ครึ่งชั่วโมงในตอนเย็น หรือระหว่างวันก็จับคำภาวนาคาถาเงินล้านไปด้วย จะสามารถทำได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำได้...แต่ควรจะทำให้คาถาใดคาถาหนึ่งให้เกิดผลก่อน คาถาอื่น ๆ ก็ใช้กำลังใจเท่ากัน เมื่อทำคาถาขึ้นแล้ว จะใช้คาถาไหน ภาวนาเป็นระยะเวลาเท่าไร ก็อยู่ที่เราตั้งใจ ถ้าหากว่ายังทำไม่ได้ผล แล้วไปภาวนาคาถาโน้นบ้างคาถานี้บ้าง จะเป็นการเสียเวลาเปล่า ถาม : การที่ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์อย่างเดียว ไปสอบโดยไม่อ่านหนังสือไปเลย จะเป็นประมาทเกินไปไหมครับ ? ตอบ : ไม่ประมาทเกินไปหรอก แต่ประมาทมากทีเดียว..! ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา หลายท่านทิพจักขุดีขนาดไหนก็ตาม เวลาใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์อย่างเดียวโดยไม่อ่านหนังสือ เมื่อคำตอบมา เป็นคำตอบที่ไม่เคยผ่านหูผ่านตาตัวเองมาก่อน เลยพลอยไม่เชื่อ ฉะนั้น..ก็เจ๊งตั้งแต่แรกแล้ว จึงควรอ่าน ๆ ให้ผ่านตาไว้บ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:41 |
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เดี๋ยวนี้เวลาทำความดี บางครั้งเรารู้สึกอิ่มใจ ปีติใจมากจนน้ำตาจะไหล เนื่องจากความดีที่เราทำนี้ เป็นเพราะเราได้มาพบครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสุปฏิปันโน ถ้าเราไปแจกอาหารออกโรงทาน อยากจะใช้ชื่อป้ายว่า "ลูกศิษย์หลวงพี่เล็ก" (ใช้เฉพาะตอนทำความดี) ไม่ทราบว่าหลวงพี่เล็กจะอนุญาตไหมครับ ?
ตอบ : ไม่อนุญาต เพราะว่าเดี๋ยวก็ไปติดอยู่แค่ปีติ ไม่ได้อะไรสักที ถาม : อย่างนี้ใช้ชื่ออะไรดีครับ ? ตอบ : จะใช้ชื่ออะไรก็ตามใจ ยกเว้นชื่อของอาตมา..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:42 |
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่เจ้าหนี้เข้าบังคับยึดทรัพย์ของลูกหนี้ โดยใช้วิธีตีมูลค่าสิ่งของแล้วหักหนี้ ลูกหนี้เองไม่ได้เต็มใจ แต่ถูกบังคับจากทางเจ้าหนี้ จะถือว่าเจ้าหนี้ทำผิดศีลข้ออทินนาทานไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เป็นไปโดยกฎหมาย ไม่ได้เป็นไปตามสัญญาหรืออำนาจศาลสั่ง..ผิด แต่ถ้าหากว่าเป็นไปตามสัญญา มีข้อบังคับกฎหมายโดยศาลสั่งก็ไม่ผิด ถาม : แล้วการตกลงกันเองแบบปากเปล่าละครับ ? ตอบ : ถ้ามีการตกลงกันแล้ว ถือว่าเป็นไปตามข้อตกลงนั้น..ไม่ผิด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:43 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมอยากได้อานิสงส์ของการบอกบุญบ้าง เลยเอาที่คนอื่นโพสต์บอกบุญมาโพสต์เผยแพร่ต่อ พอคนมาเห็นใครอยากทำก็ทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แบบนี้ผมรู้สึกสบายใจดี รู้สึกว่าไม่ได้ไปบังคับใจใครเขา ทำอย่างนี้ผมจะได้อานิสงส์ของการบอกบุญคนอื่นครบถ้วนไหมครับ ?
ตอบ : ได้..แต่คงไม่ครบหรอก เพราะว่าแต่ละคนทำบ้างไม่ทำบ้าง ถ้าทุกคนทำครบถึงจะได้ครบ..! ถาม : แต่ก็ถือว่าได้อานิสงส์ของ..? ตอบ : ส่วนของเวยยาวัจมัย ช่วยให้งานบุญของผู้อื่นสำเร็จ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:44 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมจะนำไผ่ตันไปกลึงและเกลาเป็นพระขรรค์ เพื่อเตรียมเข้าพิธีมีดหมอของวัดท่าขนุนที่จะมีในครั้งหน้า พอดีผมมี “ไม้ชองระอา” อยู่ด้วย ถ้าจะนำไปทำเหมือนไผ่ตัน อานุภาพในด้านมีดหมอจะใช้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เอาให้แน่ ๆ นะ เอาไผ่ตันไปกลึงที่ไหนได้ช่วยบอกด้วย เพราะยังไม่เคยเจอใครกลึงไม้ไผ่ได้..! จะตันหรือไม่ตัน ไม้ไผ่ก็กลึงไม่ได้ เพราะเสี้ยนไม้ขวางกับมีดกลึง เป็นอันว่ามีปัญญาเอาไปเข้าพิธีก็แล้วกัน ไม่ได้ห้าม ถาม : เขาบอกว่ามีไม้ชองระอาอยู่ ถ้าเอาไปทำเป็นพระขรรค์จะได้ไหมครับ ? ตอบ : ชองระอามีอานุภาพน้อยไปหน่อย ถ้าผัวหรือเมียระอาจะมีอานุภาพมากกว่านี้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:45 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทั้งไม้ไผ่ตันและไม้ชองระอาที่ผ่านพิธีมีดหมอ จะนำไปทาแชลแล็กหรือทาแล็กเกอร์ ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำไมไม่ทำให้เสร็จเสียก่อน ? ถ้าเอาสิ่งที่ไม่ได้ผ่านพิธีทับลงไปก็เสียอานุภาพไปเลย ถือว่าไม่เคารพในพระรัตนตรัย ถาม : แล้วการดูแลรักษา ทาน้ำมันมีดหมออย่างนี้ ? ตอบ : นั่นเขาถวายน้ำมันเป็นพุทธบูชา เป็นอันว่าถ้าอยากจะทาก็ทาให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเอาไปเข้าพิธี ถาม : แล้วการปิดทองเจตนาบูชา ? ตอบ : ได้..แต่เสี่ยงมาก ถ้าตั้งกำลังใจผิด จะกลายเป็นเอาสิ่งที่ไม่มีพุทธานุภาพ ไปทับสิ่งที่มีพุทธานุภาพอยู่ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บางทีอาจจะเกิดโทษปรามาสด้วย ถาม : แล้วการที่เราปิดทองพระหางพระหมากคำข้าว เจตนาให้สวยขึ้นอย่างนี้ละครับ ? ตอบ : อยู่ที่เรามั่นใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:48 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่มีพระถือเครื่องกระจายเสียง เดินถือบาตรนำพระและเณรถือกล่องทำบุญ พร้อมทั้งประกาศให้ทำบุญต่าง ๆ ในที่ชุมชน เช่น ตลาด เป็นต้น ผมขอถามเป็นความรู้ว่า ในทางพระธรรมวินัยผิดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าในทางพระวินัยก็ผิดตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่าภิกษุสามเณรโดยศีลแล้ว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเงินทอง ในทางกฎหมายบ้านเมืองถ้าไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาก็ผิด ดังนั้น..วัดใดวัดหนึ่งจะเรี่ยไร ต้องแจ้งแก่เจ้าคณะตำบล เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็เรี่ยไรได้เฉพาะในตำบลนั้น ถ้าต้องการเรี่ยไรในอำเภอนั้น ต้องให้เจ้าคณะอำเภออนุญาต จะเรี่ยไรในจังหวัดนั้น ต้องให้เจ้าคณะจังหวัดอนุญาต เรี่ยไรในภาคการปกครองนั้น จะเป็นภาคละ ๓ หรือ ๔ จังหวัด ต้องให้เจ้าคณะภาคอนุญาต ไม่สามารถที่จะเรี่ยไรข้ามจังหวัดหรือว่าข้ามภาคได้ เพราะท่านที่อนุญาตมีเขตรับผิดชอบเฉพาะของตนเอง แปลว่ามีโอกาสผิดทั้งทางโลกทางธรรม ถาม : แสดงว่าถ้ามีประเภทพระนั่งท้ายรถกระบะเรี่ยไร เราขอดูใบอนุญาตก่อนเลย ? ตอบ : ใช่..สมัยก่อนที่หลวงปู่พระธรรมเสนานี วัดวังตะกู เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านประกาศชัดเลยว่า ในเขตจังหวัดนครปฐมห้ามทำการเรี่ยไรไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ปรากฏว่ามีนักเลงดีต่างถิ่นมาเรี่ยไร หลวงปู่ท่านไปถึงก็ผัวะเดียวกลิ้งไปเลย รายนั้นก็ลุกขึ้นมาถามว่า “ตบอาตมาทำไม ?” หลวงปู่ชุณห์ก็พลั่กซ้ำลงไปกองอีกรอบ แล้วบอกว่า “จำไว้เลยนะ ถ้ามึงเป็นพระจริง มึงต้องรู้ว่าพระพูดกันเขาใช้ คุณ..ผม ไม่ได้ใช้อาตมา” อาตมาก็ถามว่า “แล้วหลวงปู่ไม่กลัวเขาสวนบ้างหรือครับ ?” ท่านบอกท่านปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นท่านไม่กลัวโดนสวน กฎหมายของท่านมีอยู่ ๒ มาตรา คือมาตรา ๕ สูงกับมาตรา ๕ ต่ำ..! มาตรา ๕ สูงคือฝ่ามือ มาตรา ๕ ต่ำคือฝ่าเท้า..! ฉะนั้น..เราขอดูใบอนุญาตได้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการหากินกัน ไม่มีใบอนุญาตหรอก ถาม : แล้วกรณีนี้ในทางธรรมวินัยผิดไหมครับ ? ตอบ : ทางธรรมวินัยนี่ไม่สามารถปรับเขาได้ เพราะรายนั้นไม่ใช่พระตั้งแต่แรกแล้ว ปลอมเป็นพระมาหากิน ถาม : หลวงปู่ท่านก็แน่จริง ๆ นะครับ ? ตอบ : เป็นพระรูปเดียวในยุคนั้น ที่จบแค่นักธรรมเอกแล้วขึ้นเป็นถึงเจ้าคุณชั้นธรรม ไม่มีประโยคบาลีเลย ได้เพราะงานอย่างเดียว นครปฐมยุคที่ท่านอยู่นี่สงบเรียบร้อยมาก บรรดาตัวแสบไม่มีสิทธิ์โงหัวขึ้นมาเลย จนกระทั่งท่านเกษียณไปแล้ว พวกนั้นถึงได้โผล่มาซ่าได้ ไม่อย่างนั้นเจอมาตรา ๕ ต่ำอย่างแน่นอน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:55 |
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : บริษัทลูกค้าเป็นบริษัทขายเนื้อสัตว์ เขาแจ้งมาทางบริษัทว่า ต้องการเครื่องจักรแบบไหน เราก็ออกแบบตามสั่ง เช่น ออกแบบว่าต้องปล่อยแก๊สเพื่อให้หมูเหมือนจะหลับ มึน ๆ เป็นเวลาเท่านี้ จากวาล์วตัวนี้ แล้วต้อนให้หมูเดินเข้าช่อง ในช่องก็จะมีมีดวิ่งมาปักหมู แล้วหมูจะค่อย ๆ ตาย หลังจากนั้นก็มีเครื่องถลกหนังไปตามขั้นตอน การที่ผมเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องจักรตัวนี้ตามคำสั่งลูกค้า จะผิดศีลปาณาติบาตหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ผิดศีลปาณาติบาต แต่มีส่วนส่งเสริมให้เขาละเมิดศีล ก็แปลว่าเขาได้ ๑๐๐ เราอาจจะได้ ๘๐ ฉะนั้น..ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ทำเองไปเลย จะได้หมดเรื่องหมดราวไป..! ถาม : แล้วถ้าเราไม่ใช่วิศวกรออกแบบ แต่เราเป็นคนคุมละครับ ? ตอบ : ยังตะแบงข้างไปอีก..! ถาม : แล้วอาชีพเป็นอย่างนี้ต้องทำอย่างไรละครับ ? ตอบ : อาชีพอย่างอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ ก็ไปทำสิ หรือไปรับออกแบบอย่างอื่นแทน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:57 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ถ้ามีภพภูมิที่เฝ้าสมบัติ เขาอยากไปเกิด ไม่อยากเฝ้าแล้ว ให้นำไปทำบุญให้หน่อย มาบอกให้เราไปเอาสมบัติ เช่น ทองคำ ไหทองคำ ไหเงิน พระเก่าโบราณ เราจะทำอย่างไรครับ ? สมควรไปเอาหรือเปล่า ? และจะเป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ลองไปดู ดูว่าจะเหมือนท่านเจ้ากรมเสริมฯ กับอาตมาหรือเปล่า เพราะท่านเจ้ากรมเสริมฯ พอฝึกมโนยิทธิได้ ก็มีท่านทั้งหลายเหล่านี้มาบอก ให้ไปเอาที่โน่นที่นี่ ไปทีไรไม่เคยได้สักที อาตมาก็เหมือนกัน ไปทีไรไม่เคยได้สักที ทั้ง ๆ ที่เขาเปิดให้ดูแล้ว พอถึงเวลาก็อ้างว่าผิดอย่างโน้น พลาดอย่างนี้ไปเรื่อย ท้ายสุดอาตมาก็เลยสรุปว่า "ต่อไปถ้าจะให้ เอาไปขายแล้วโอนเงินเข้าธนาคารให้เลย..!" ตั้งแต่นั้นมาก็เลิก เหมือนกับเขามาทดลอง ลองไปดูก็แล้วกัน ได้มาก็ถือว่ากำไร ไม่ได้ก็เสมอตัว ถาม : ทองคำที่ได้มา หากนำมาหล่อพระทองคำ เช่น ถวายหลวงพ่อร่วมหล่อพระทองคำ จะได้บุญหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ถ้าน้อยกว่า ๑ ตันไม่ค่อยได้บุญหรอก เพราะของอาตมาใช้เยอะ..! ถาม : ทองคำที่ได้มา เรานำมาขาย นำเงินมาใช้ส่วนหนึ่ง ทำประโยชน์และทำบุญให้เขาส่วนหนึ่ง จะทำได้หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ปกติที่อาตมาแนะนำ คือ ให้ตั้งใจว่าส่วนหนึ่งทำบุญในพุทธศาสนา ส่วนที่สองทำงานสาธารณประโยชน์ให้กับประชาชนทั่วไป ส่วนสุดท้ายค่อยเป็นของตนเอง แต่แบ่งให้ยุติธรรมหน่อย ไม่ใช่ส่วนสุดท้ายมากกว่าเพื่อน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2014 เมื่อ 13:59 |
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ถ้าคืนไหนผมไม่สวดมนต์ ก็มักจะโดนอำ แล้วต้องตื่นมาสวดมนต์ทุกครั้ง หากวันไหนที่ตั้งใจไปตักบาตรแต่ลุกขึ้นจากที่นอนไม่ไหว ก็มีฝันอันน่าสะพรึงน่ากลัวมาก ๆ จนต้องลุกขึ้นไปตักบาตร ปัจจุบันถึงแม้จะสวดมนต์แต่ก็ยังโดนอำอยู่ ควรจะทำอย่างไรจึงจะไม่โดนอำครับ ?
ตอบ : เป็นสัญลักษณ์ให้เราทำความดี เขาช่วยส่งใบเตือนขนาดนั้นแล้ว ถาม : สวดมนต์แล้วก็ยังโดนอำอยู่ ต้องทำอย่างไรครับ ? ตอบ : ก็สวดต่อไป คาดว่าไม่ใช่ผีอำ แต่เป็นการเข้าใจผิด เกิดจากกำลังใจที่ทรงสมาธิขั้นสูง จิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกัน ทำอะไรไม่ถนัดก็เลยคิดว่าผีอำ เพราะสมาธิแน่นทรงตัวแล้วขยับไม่ได้ ที่ ต.วังปลิง อ.สะเดา จ.สงขลา มีโยมผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง สมาธิทรงตัวเร็วมาก พอสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ก็แข็งทื่อเลย เขาใช้คำว่า “ต้องคอยเขย่าให้หลุด” พอขับไปหน่อยก็แข็งอีก ต้องคอยเขย่าให้หลุด เขาถามว่าเขาเป็นอะไร อาตมาตอบว่าขอให้เป็นอย่างนั้นบ่อย ๆ แต่เขย่าให้หลุดให้เร็วขึ้น เพราะเขาไม่รู้ว่า ทันทีที่เขาตั้งใจ สมาธิจะทรงตัว จิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกัน ต่อไปนี้คน ๆ นี้จะเข้าออกสมาธิได้เก่งมาก แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองได้สมาธิ ถาม : อย่างนี้วิธีปฏิบัติคือ ? ตอบ : ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้เร็วขึ้น ถาม : เคยใช้คาถาเงินล้านภาวนาขณะนอน รู้สึกนิ่ง ๆ ตัวโล่ง ๆ เหมือนจะลอยขึ้นไปข้างบน น่ากลัวมาก เหมือนมีแรงอะไรดูดเราออกจากร่าง ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นอะไร บางทีก็ตัวแข็งไปหมด หายใจไม่ออกด้วย พอหยุดภาวนาทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ และสติก็เตลิดเปิดเปิง ผมผ่านไม่พ้นจุดนี้สักทีครับ นี่คืออะไรและผมต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ? ตอบ : ทำเหมือนเดิมบ่อย ๆ แล้วตัดตัวกลัวตายให้ได้ นั่นเป็นอาการที่จะออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง ถ้าตราบใดที่ยังกลัวตายอยู่ ก็จะไปไหนไม่ได้ สภาพจิตยังเป็นห่วงร่างกาย จึงไม่ไปไหนเสียที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2014 เมื่อ 03:23 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การเช่าพระกรุ อย่างเช่น พระสมเด็จวัดเกศไชโย ซึ่งเป็นของวัด ถ้าเราเช่าบูชาต่อมาจากคนอื่น เราบาปไหมครับ ? และถ้าเราอยากได้ไว้บูชาจริง ๆ เราร่วมชำระหนี้สงฆ์โดยการร่วมสร้างพระหน้าตักสี่ศอกปิดทองกับผู้อื่น แล้วหายกันหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้ารู้อยู่ว่าเป็นของจากกรุภายในวัด อยากได้ด้วยความโลภ เช่ามาราคาถูกเพื่อเอาไปปล่อยราคาแพง ก็มีส่วนในการติดหนี้สงฆ์ไปเต็ม ๆ แต่ถ้าตั้งใจสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ร่วมกับเขา สามารถที่จะพ้นโทษนั้นได้ แต่ว่าให้ร่วมบุญกับเขามากหน่อย ไม่ใช่ทำบุญแค่บาทครึ่งบาทเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2014 เมื่อ 03:24 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เคยทะเลาะกับแม่ เเล้วนำพวงมาลัยที่ซื้อมา ซึ่งตั้งใจว่าจะนำมาบูชาพระ โยนลงที่นอนอย่างเเรง เพราะกำลังโกรธ พอหายโกรธแล้วความตั้งใจเดิมปรากฏ จึงเดินไปดูพวงมาลัย เห็นว่าสภาพยังดีเหมือนเดิม ก็นำไปถวายพระที่บ้าน อย่างนี้ไม่ทราบว่าดิฉันมีบาปอย่างไรบ้างคะ ? แล้วจะแก้ไขอย่างไรดีคะ ? กังวลมากเลย
ตอบ : จะไปเกิดเป็นอสูร..! พวกอสูรเกิดจากการทำความดีผสมโทสะ ถ้าจะแก้ไขก็ขอขมาทั้งพระ ขอขมาทั้งแม่บ่อย ๆ อสูรอยู่ในเขตของเทวดา เพียงแต่ว่าสวยสู้เทวดาไม่ได้ เพราะหน้าหงิกตอนทำบุญ ถาม : แต่ไม่ใช่อสุรกายที่จัดเป็นอบายภูมิใช่ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าเรียกก็คือ เทวอสุรกาย พวกที่อยู่ในอบายภูมิเป็น นิรยอสุรกายหรือเปตอสุรกาย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2014 เมื่อ 03:25 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : หนูเป็นคนพูดจาเรื่องไม่ดีของคนอื่น บางครั้งเรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว แต่เวลาพูดไม่ดีมีผลสะท้อนกลับมาที่ตัวหนูเสมอ คือรู้สึกถึงพลังความร้อนหรือพลังอะไรก็ไม่รู้ เป็นลูก ๆ มาเผาตัวเองและที่สำคัญหลังจากนั้นจะรู้สึกผิดถึงผิดมาก สรุปหนูควรแก้อย่างไรดีทั้งเรื่องปากหมาและเรื่องความรู้สึกผิด ?
ตอบ : ก็เลิกทำ แสดงว่าดีชั่วก็รู้อยู่ แต่อดใจไม่ได้ ถาม : รู้สึกตัวว่าผิด ? ตอบ : แพ้ใจตัวเอง แสดงว่ารู้ตัวแล้วว่าจะลงนรก เริ่มร้อนแล้ว ถาม : มีวิธีแก้ไหมครับ ? ตอบ : ก็เลิกทำ ถาม : บางทีกำลังใจหวั่นไหวครับ อดใจไม่ได้ ? ตอบ : นั่นเป็นแค่ข้อแก้ตัว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2014 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|