| 
	|||||||
| เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป | 
![]()  | 
	
	
| 
		 | 
	คำสั่งเพิ่มเติม | 
| 
		 
			 
			#101  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม :  เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเข้าถึงไตรสรณคมน์แล้ว ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ถ้ากำลังใจของเรายึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นก็ใช่ กำลังใจขึ้นลงอาจจะมีบ้าง แต่ไม่เปลี่ยนเป้าหมาย เพราะว่าการขึ้นลงนี่เป็นไปตามกำลังใจช่วงนั้น แต่ไม่เปลี่ยนเป้าหมาย อย่างไรชีวิตนี้ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแน่นอน ถาม : จะทดสอบได้อย่างไรครับ ? ตอบ : ถ้าจะทดสอบก็ต้องทดสอบแบบสุปปพุทธกุฏฐิ ที่พระอินทร์มาทดสอบกำลังใจ โดยให้พูดว่าพระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ เป็นตายแกก็ไม่ยอมพูด เพราะให้พูดอย่างนั้นก็แปลว่าไม่ใช่ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 03:47  | 
| สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#102  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม :  เวลากลางวัน  ใจสงบมองท้องฟ้าแล้วระยิบระยับเหมือนเคลื่อนไปเคลื่อนมา เป็นเพราะดวงจิตหรือเปล่าครับ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : บางทีก็เป็นเรื่องของอานุภาพพลังงาน ถ้าชัด ๆ บางทีก็เห็นเป็นบวกเป็นลบเลย 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 03:47  | 
| สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#103  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "คำว่า "แก้ว" โบราณเขาหมายถึงของดีที่สุด  เขาถึงเรียกว่าแก้ว อย่างประเภทลูกแก้ว เมียแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ของดีที่สุดของประเภทนั้นทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าแก้วแล้วก็ถือว่าดีที่สุด ขนาดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ยังเรียกแก้ว ๓ ดวง  
		
		
		
		
		
		
			เราเองพิจารณาถึงลูกแก้ว ให้นึกถึงพระรัตนตรัยไว้ก่อน หลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ท่านออกแบบตราประจำองค์ของท่านเป็นเพชร ๓ ดวงก็คือพระรัตนตรัย" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 03:48  | 
| สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#104  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม :  อย่างคนขายเนื้อที่ต้องฆ่าสัตว์  คนเหล่านั้นจะไปพระนิพพานไม่ได้จริงหรือเปล่า ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ตอนที่ไปนิพพานเขาไม่ได้ฆ่านี่ ถ้าสามารถตัดกำลังใจช่วงนั้นได้ก็ไปได้ แบบเดียวกับตัมพทาฐิกโจร ไม่รู้ฟันหัวคนมาตั้งกี่ร้อยกี่พัน เฉพาะครั้งแรกก็จัดการพวกตัวเองไปตั้งหลายร้อยแล้ว พระสารีบุตรบอกว่า “เป็นการทำด้วยความต้องการของเธอเอง หรือทำตามที่พระราชาสั่ง ?” ตัมพทาฐิกโจรก็บอกว่า ทำตามพระราชาสั่งเพราะว่าตัวเองเป็นเพชฌฆาต รับเงินเดือนหลวง พระสารีบุตรก็เลยถามว่า “ถ้าอย่างนั้นบาปจะตกอยู่กับใคร ?” ท่านคิดไม่ทัน ก็คิดว่าบาปเป็นของพระราชา เราไม่บาป พอกำลังใจคลายออก ตั้งใจฟังธรรมกลายเป็นพระโสดาบันเลย ตอนที่เขาฆ่าก็คือฆ่า แต่หลังจากนั้นไม่ได้ฆ่าทั้งวัน ถาม : ต้องเป็นโอกาสที่ได้รับธรรมช่วงนั้น ? ตอบ : ต้องมีบุญเก่ามาสนับสนุน ถ้าไม่มีบุญเก่ามาสนับสนุนก็ไปไม่รอดหรอก 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 03:49  | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#105  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : กรณีพวกนักการเมืองในปัจจุบัน  เป็นลักษณะที่พูดไม่หมด    จะเข้าข่ายการโกหกไหมครับ ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ได้...ตัวเขารู้อยู่แล้วว่าเขาพูดไม่หมด แล้วเขาหวังประโยชน์กับตัวเอง การโกหกที่ชัดที่สุดก็คือหลอกคนอื่นแล้วเอาประโยชน์เข้าตัว อย่างโฆษณาในปัจจุบันนี้แหละ เขาไม่ได้หลอก แต่เขาบอกเราไม่หมด เขาบอกแค่ในสิ่งที่เขาอยากให้เรารู้ เขาไม่ได้บอกในสิ่งที่เราอยากจะรู้ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 03:50  | 
| สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#106  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ทำไมสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ถึงสร้างพระไพรีพินาศ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ไม่ได้สร้าง แต่พระองค์ท่านได้มา พอได้มาแล้วพวกที่ทำตัวเป็นศัตรู ก็มีอันเป็นไปทีละคนสองคน พระองค์ท่านจึงพระราชทานพระนามว่าพระไพรีพินาศ วัดท่าขนุนกำลังจะออกพระไพรีพินาศ ปีนี้ครบ ๑๐๐ ปีสมเด็จพระสังฆราช ท่านมีชาติภูมิเป็นคนกาญจนบุรี วัดต่าง ๆ ของกาญจนบุรีจึงมีโครงการเฉลิมพระเกียรติถวายสมเด็จพระสังฆราช วัดท่าขนุนก็ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ถวายเป็นพระราชกุศลด้วย และได้ขออนุญาตสร้างพระไพรีพินาศ ตอนนี้กำลังให้เขาเอาพระไปถอดแบบอยู่ ทำองค์เล็ก ๆ จะได้แขวนคอได้ ถ้าไพรีไม่พินาศ เราก็พินาศไปเอง หมดเรื่องหมดราว จะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 17:58  | 
| สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#107  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : รู้สึกว่าเราไม่ค่อยสบายใจ เราควรทำอย่างไร ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ถ้าไม่มีใจเราก็จะได้สบาย แต่ถ้ามีใจเราก็ไม่สบาย..! ถ้ากรรมเข้ามา วิธีบรรเทาก็คือสร้าง ทาน ศีล ภาวนาเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องของภาวนา จะตัดกรรมใหญ่ได้ดีมาก ๆ แล้วการภาวนาจะทำให้จิตใจเราผ่องใสขึ้นด้วย นี่แสดงว่าเราทิ้งการภาวนาแล้วไปนั่งฟุ้งซ่านแทน 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 17:59  | 
| สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#108  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : คนที่มีความคิดเป็นมิจฉาทิฐิ  ต้องทำอย่างไร ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : มิจฉาทิฐิคือเห็นผิดจากที่พระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้าบอกว่าโลกนี้มีทุกข์ เขาก็บอกว่าสุข ท่านบอกว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เขาก็ยึดว่าใช่ เรียกว่าเป็นมิจฉาทิฐิ พูดง่าย ๆ คือเห็นตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้า ถาม : อย่างนี้ต้องขอขมาพระพุทธเจ้าทุกวันไหมคะ ? ตอบ : ควรจะขอขมาทุกวัน เพราะว่าถึงเราจะไม่ได้ทำผิดด้านนี้ เราก็อาจจะทำผิดด้านอื่น 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 17:59  | 
| สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#109  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ตกลงคนที่เป็นมิจฉาทิฐิ  เราจะคุยทำอย่างไร ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ให้เขาไปเริ่มต้นให้ถูกใหม่ ประเภทเริ่มต้นผิด เดินคนละทางแล้วจะไปคุยอะไรกัน หันหลังให้กันแล้วต่างคนต่างไป ก็ไกลออกไปเรื่อย ๆ ถาม : เมตตาให้ท่านจัดการ ? ตอบ : ไม่ใช่หน้าที่ของอาตมา พระไม่ได้มีหน้าที่ไปดึงใครให้พ้นนรก ถ้าเขาอยากลงก็ปล่อยให้เขาลงไป ถ้าอยากขึ้นมาก็ตะกายเอาเอง..! 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:00  | 
| สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#110  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : รู้สึกว่าตัวเองมีร่างกายที่หนัก ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : รู้สึกได้ถูกต้องเลย ถาม : แล้วหนูรู้สึกทุกข์ค่ะ ตื่นเช้าขึ้นมาต้องแปรงฟัน ล้างหน้า ทำความสะอาดร่างกาย เหนื่อยที่ต้องดูแล ตอบ : บอกไปเลยว่า ฉันจะดูแลแกชาตินี้ชาติเดียว ตายเมื่อไร ลาก่อน ฉันไม่เอาอีกแล้ว ถาม : หนูก็ออกจากงานมา มานั่งกินนอนกินเฉย ๆ ตอบ : แล้วหายเหนื่อยไหมเล่า ? ถาม : อุตส่าห์นั่งกินนอนกิน ก็ยังปวดหัว เวียนหัว ตอบ : กลับไปทำงานใหม่ ถาม : กลับไปทำงานก็ทุกข์อีกนะคะ ตอบ : แล้วนอนอยู่เราทุกข์ไหมเล่า ? ถาม : ทุกข์ค่ะ ตอบ : โง่ตายชักอีกคนแล้ว ตราบใดที่เรายังมีร่างกายนี้อยู่เราต้องบริหารร่างกาย เราต้องบริหารหมู่คณะ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ให้ตั้งใจไว้ว่าถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไร เราไม่ขอคบมันอีกแล้ว ไปสมัครงานใหม่...ทุกข์เขามีเอาไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้แบก เมื่อเห็นทุกข์ก็วางลง แล้วก้าวข้ามไป การที่เราจะก้าวข้ามความทุกข์ไปได้ จะต้องเห็นความเป็นจริง คือเห็นให้ชัดว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ตราบใดที่อยู่กับร่างกายเราก็แต่ความทุกข์ เพราะฉะนั้น..เราไม่ปรารถนาในร่างกายนี้อีกแล้ว ตายเมื่อไรก็จบกันแค่นี้..! 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:02  | 
| สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#111  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม :  เงินเดือนล่าสุดประมาณแปดหมื่นบาทค่ะ  แต่หนูก็ออกมา  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : จะเยอะหรือจะน้อยก็ตาม ก็ให้ได้ทำไว้ก่อน เกิดมาชาติหนึ่งต้องทำประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถึงเวลาก็จากไปอย่างสง่างามที่สุด อยู่คนเขาก็เกรงใจ ไปคนเขาก็คิดถึง แต่ตัวเราไม่เอาแล้ว เอาเป็นว่าถ้าได้เกินหมื่นห้า ที่เหลือเอามาแบ่งให้อาตมา..! ถาม : หนูเกรงว่าถ้าเงินเดือนเยอะ กิเลสจะเยอะตามค่ะ ตอบ : ก็อย่าให้เยอะสิ แบ่งให้อาตมา ไม่มีเงินแล้วกิเลสจะงอกได้อย่างไร ก็ได้แต่นั่งมอง ตรงนี้พูดเล่นนะ อย่างคุณเขาเรียกว่าเสือกไปคิดให้ทุกข์ เลิกคิดก็เลิกทุกข์ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:03  | 
| สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#112  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "ตราบใดที่คนเรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ความเห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด ยังมีอยู่เสมอ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้แปลกตรงที่ว่า ถ้าเขาคิดเองไม่ได้ คนอื่นบอกเขาก็ไม่ฟัง ก็เลยอยู่ในลักษณะที่ว่า ต้องปล่อยให้เขาคิดได้ไปเอง 
		
		
		
		
		
		
			แบบเดียวกับคนกินเหล้า ถ้าเราบอกว่าไม่ดี เขาก็จะหาเหตุผลมาเอาให้ดีให้ได้ ฉะนั้น..ไม่ต้องเสียเวลาไปบอก เหนื่อยเปล่า ปล่อยให้คิดได้เอง ถึงหลายชาติหน่อยถ้าปัญญามากขึ้นเดี๋ยวก็คิดได้เอง " 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:04  | 
| สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#113  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ต้องทำบุญอะไรคะ  ถึงจะได้เจอนักการเมืองที่เราสนิทและพูดคุยกับเขาได้ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : นักการเมืองคุยกับเราได้ทุกคน แต่ลับหลังเราแล้วเขาจะจำเราได้หรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถาม : ลักษณะแบบสนิท เราช่วยเขาได้ เขาช่วยเราได้ ? ตอบ : เราก็ต้องทำประโยชน์ให้เขาได้ และประโยชน์ที่จะทำให้เขา เราก็จะเดือดร้อนทุกที คบคนแล้วอย่าไปหวังประโยชน์ ถ้าคบคนแล้วหวังประโยชน์จะลำบาก...เหนื่อย... 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:05  | 
| สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#114  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "การดำรงชีวิตอยู่ในโลก ต้องเจอแต่สิ่งที่ไม่ชอบใจทั้งนั้น ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าถึงมองเห็นว่าโลกนี้เป็นทุกข์ เป็นภัย แต่บุคคลทั่วไปที่ปัญญาไม่ถึง จะมองไม่เห็นตรงจุดนี้  
		
		
		
		
		
		
			อย่างที่พูดไว้เมื่อวานนี้ว่า เขาตั้งทฤษฎีเก่า ๆ ขึ้นมา แล้วก็จำจนฝังหัวไปแล้วว่า บุคคลที่จะหลุดพ้นได้ต้องทรมานตนเท่านั้น หรือไม่ก็จะต้องเสพสุขให้ล้นเกินจนเบื่อไปเลย แล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ถ้าเราไปที่เมืองฤๅษีเกษของอินเดีย จะเห็นว่า บรรดาพวกนักบวชต่าง ๆ ก็ยังทรมานตนเป็นปกติ บางคนประเภทเหยียดแขนขึ้นฟ้าข้างเดียว จนกระทั่งติดกันเป็นแท่ง ลดไม่ลงเลย เพราะระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ทำอยู่อย่างนั้น ทาตัวด้วยขี้เถ้า ไม่อาบน้ำตลอดระยะเวลาที่บวชมา ยี่สิบ - สามสิบปี หัวเป็นสังกะตัง ใช้หวีไม่ได้เลย แต่เขาเชื่อว่านั่นจะทำให้หลุดพ้น เพราะว่าสภาพจิตจะได้ไม่ยึดหน่วงอยู่กับร่างกาย แต่กลายเป็นว่ายิ่งยึดหนักขึ้นไปอีก ที่ยิ่งยึดหนักขึ้นเพราะเขาไปเน้นเรื่องร่างกาย เขาไม่ได้เน้นว่าอยู่ที่จิตใจ สภาพโดยแท้จริงแล้วร่างกายของคนและสัตว์อยู่ในลักษณะ 'ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว' พระพุทธเจ้าเห็นความจริงตรงนี้ถึงได้ตรัสว่า มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจสูงสุด สำเร็จได้ด้วยใจ" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:07  | 
| สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#115  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ที่วัดก็รื้อศาลาหลังเก่าไปแล้ว ข้าวของเยอะจนไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน บอกกับแม่ชีว่า อะไรที่คนอื่นเขาต้องการ วัดอื่นเขาต้องการก็ให้เขาไป เดี๋ยวของเราค่อยหามาใหม่  
		
		
		
		
		
		
			วันนี้ญาติโยมส่วนใหญ่ไปงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ครูบาอ่อนที่พะเยา อีกส่วนหนึ่งก็ไปพระธาตุดอยตุง เวลาคนน้อยรู้สึกว่าสบายดี คนมาก ๆ แล้วเหมือนกับรถไฟ หัวรถจักรพอโดนเกี่ยวพ่วงมาก ๆ เข้า ลากไม่ค่อยจะไหว..เหนื่อย คนน้อย ๆ ค่อยรู้สึกรื่นเริงบันเทิงใจหน่อย ไม่ต้องลากใคร ไม่ต้องแบกใคร ความจริงไม่ได้ลากไม่ได้แบกอะไรหรอก เขากระโดดมาเกาะเอง" 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2013 เมื่อ 18:08  | 
| สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#116  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ท่านไม่ไปดอยตุงบ้างหรือคะ ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : จะไปทำไม ? ถาม : ไปเที่ยว ตอบ : ไม่มีอารมณ์..อาตมาไปจนเบื่อตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาสแล้ว ถาม : ถ้าหนูอยากไป แต่ไม่มีเวลาไปล่ะคะ ? ตอบ : เอาใจไป..กายไม่ได้ไปก็ช่างมัน การระลึกถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะพระบรมธาตุดอยตุง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ ถ้าเราไปกราบไปไหว้จนถึงที่ แปลว่าไปลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเฉย ๆ ไม่ได้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า อย่างนั้นอยู่ที่บ้านนึกถึงยังจะดีกว่า ความทุกข์เกิดขึ้นตั้งแต่อยาก แม้แต่อยากพ้นทุกข์ก็เป็นความทุกข์ ถ้าเราอยากไปที่ไหนก็แปลว่าเราเริ่มทุกข์แล้ว ดังนั้น..ก็ปล่อยให้เป็นภาวะเฉพาะหน้า ถ้าได้ไปก็ไป ถ้าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร ต้องวางกำลังใจให้เป็น 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2013 เมื่อ 03:25  | 
| สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#117  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ยิ่งทำงานก็ยิ่งทุกข์ค่ะ   
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไม่ทำแล้วทุกข์ไหมเล่า? ก็ยังต้องกิน ยังต้องดื่ม ยังต้องป่วย ยังต้องร้อน ยังต้องหนาวอยู่ดี 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2013 เมื่อ 03:25  | 
| สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#118  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ภาวนาไปด้วย และอ่านหนังสือไปด้วย ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ค่อย ๆ ซ้อมไป แรก ๆ ยังทำไม่ได้หรอก เพราะว่าถ้ากำลังใจหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ก็จะไม่รับรู้อีกข้างหนึ่ง แต่ถ้าซักซ้อมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็สามารถแบ่งความรู้สึกให้เท่ากันได้ สามารถที่จะอ่านหนังสือไปด้วย ภาวนาไปด้วย ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ทำได้ทุกคน หาเรื่องที่เราชอบแล้วก็อ่าน เพราะถ้าเราเผลอก็จะไหลตามเนื้อเรื่อง จึงต้องรีบดึงกลับ มีของไว้สำหรับทดสอบแบบนี้เห็นความก้าวหน้าชัดเจน ภาวนาให้ทรงตัวก่อนแล้วค่อยไปอ่าน ทำไป ๆ พอใจไม่ปรุงไม่แต่งแล้วก็หมดสนุก ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : ตอนอ่านเราไปจินตนาการตาม พอเราไปจินตนาการตามตัวความรู้สึกทั้งหมดก็ไปปรุงแต่ง เราก็ไหลตามเนื้อเรื่องไป ไม่มีตัวยั้ง แต่ดูหนังภาพเขากำหนดขึ้นมาแทน เราไม่ต้องจินตนาการมาก สักแต่ว่าเห็น จะทำได้ง่ายกว่า 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2013 เมื่อ 02:52  | 
| สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#119  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม :  ......เคลื่อนไปและก็แก่ เห็นชัดแบบนั้น ใช่ที่เขาบอกว่า... ?  
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : ใช่..แต่เป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้น ถ้าจะเอาให้มั่นคงกว่านั้นก็ทรงสมาธิให้เป็นฌานไปเลย ถ้าทรงฌานได้จะอยู่กับปัจจุบันได้แน่นอน แต่ก็ยังแน่นอนแค่สมาธิที่ทรงตัวเท่านั้น ต้องประเภทปัญญาเห็นจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดดับอยู่ทุกขณะ ถ้าแยกอย่างนั้นออกได้ จิตกับกายจะเป็นคนละส่วนกัน ในส่วนของกายก็คือเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา เป็นสมมติไปอย่างนั้น ในส่วนของจิตก็อยู่กับส่วนที่เป็นธรรม เป็นผู้รู้เฉย ๆ มีหน้าที่เสพเสวยสิ่งต่าง ๆ ด้วยสติและปัญญาที่ประกอบด้วยความระมัดระวังอย่างสูง เรื่องพวกนี้ต้องค่อย ๆ ทำไป พอท้ายสุดก็สักแต่ว่าอยู่ สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ถาม : เอาเรื่องการพิจารณามาประกอบหรือครับ ? ตอบ : จำเป็นเลย เพราะถ้าปัญญาไม่ถึง ใจจะไม่ยอมรับ ถาม : สิ่งที่ผ่านไปแม้ไม่นานก็คืออดีต ? ตอบ : ใช่...ขยับไปเรื่อย วินาทีนี้ผ่านไปก็กลายเป็นอดีตไปอีกแล้ว ถาม : ปัจจุบันก็ไม่เที่ยงใช่ไหมครับ.......... ? ตอบ : การที่เราทำนั้นดีอยู่อย่างก็คือ จิตไม่ปรุงแต่งในเรื่องของรัก โลภ โกรธ หลง เมื่อจิตปรุงแต่งในรัก โลภ โกรธ หลงไม่ได้ ตัวกรรมก็ไม่เกิด ในเมื่อตัวกรรมใหม่ไม่เกิด กรรมเก่าที่ส่งมา เดี๋ยวก็หมด ในเมื่อกรรมเก่าหมด กรรมใหม่ไม่เกิด แรงที่จะดึงให้เราอยู่กับโลกก็ไม่มี เราก็สามารถหาทางหลุดพ้นไปได้ ถาม : พอเรารู้สึกว่าว่าง...? ตอบ : ก็บอกแล้วว่า เรามีหน้าที่ดูไว้เฉย ๆ รู้ไว้เฉย ๆ ถาม : พอเรารู้สึกว่าว่าง สักพักก็ตามไม่ทัน ? ตอบ : เริ่มต้นใหม่ ของอย่างนี้ต้องพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แรก ๆ ก็เหมือนกับหัดเด็กตั้งไข่ หกล้มหกลุกไปเรื่อย จึงจะต้องพยายาม เดี๋ยวก็ยืนได้ เดินได้เอง ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : ถ้าสมาธิไม่มี โอกาสที่สิ่งที่เราทำจะทรงตัวมันยากสุด ๆ ต้องบอกว่าแทบไม่มีโอกาสเลย ไปซ้อมเข้า พอรู้ว่าทางไหนที่ดีกับเราก็รีบทำ ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : พยายามอยู่กับปัจจุบันเรื่อย ๆ เพราะว่าไปอดีตก็ฟุ้งซ่าน ไปอนาคตก็ฟุ้งซ่าน อดีตผ่านมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตยังมาไม่ถึง หาความจริงไม่ได้เหมือนกัน จะทำให้ได้ต้องตอนนี้..เดี๋ยวนี้..ปัจจุบันนี้ 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2013 เมื่อ 02:47  | 
| สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
| 
		 
			 
			#120  
			
			
			
			
			
		 
		
	 | 
||||
		
		
  | 
||||
| 
		
	
		
		
			
			 
			
			ถาม : ความว่าง ? 
		
		
		
		
		
		
			ตอบ : สมาธิที่ทรงตัวทำให้รัก โลภ โกรธ หลงถอยไปชั่วคราวก็ว่างได้ อากาสกสิณก็ว่างได้ อรูปฌานก็ว่างได้ ตัวว่างที่ว่างจริง ๆ คือการปล่อยวางจากรัก โลภ โกรธ หลง ทั้งปวง ถ้าหากเข้าถึงตรงนั้นจะเหลือแต่ธรรมะแท้ ๆ ล้วน ๆ บางทีแม้กระทั่งสภาพจิตที่เป็นผู้รู้เรายังไม่เอาเลย สักแต่ว่ารู้อยู่เฉพาะหน้า ก็เลยไม่มีอะไรที่จะปรุงแต่ง ถ้าอย่างนั้นจะว่างจริง ๆ ต้องดูว่าของเรานั้นว่างแบบไหน 
				__________________ 
		
		
		
		
		
			........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2013 เมื่อ 02:47  | 
| สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]()  | 
	
	
		
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
		
  | 
	
		
  |