#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ หลังจากฉันอาหารเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อกราบสักการะพระพุทธชินสีห์และพระไพรีพินาศ
ปรากฏว่าวันนี้ตรงกับวันพระแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ จึงมีคณะญาติโยมไปสวดมนต์ไหว้พระ ที่พระอุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหารมากเป็นพิเศษ แต่เจ้าหน้าที่ก็จัดการได้ดีมาก ก็คือนำกระผม/อาตมภาพเข้าไปถวายพานสักการะทางด้านหน้าองค์พระพุทธชินสีห์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้ออกมาสวดมนต์อยู่ทางด้านที่กั้นเอาไว้สำหรับพระภิกษุสงฆ์โดยเฉพาะ นับว่าได้รับความสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง ภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหารนี้ นอกจากพระพุทธชินสีห์ ซึ่งอัญเชิญมาจากจังหวัดพิษณุโลกแล้ว ยังมีพระประธานองค์เดิม คือหลวงพ่อโตสุวรรณเขต มีพระพุทธรูปฉลององค์สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระพุทธรูปฉลององค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วก็ยังมีพระรูปเหมือนสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ จึงเป็นสถานที่ซึ่งท่านทั้งหลาย ถ้ามีโอกาสควรที่จะได้ไปกราบสักการะ โดยเฉพาะถ้าอย่างกระผม/อาตมภาพแล้ว อย่างน้อยก็ต้องไปปีละ ๑ ครั้ง เมื่อเสร็จสรรพแล้ว ทางด้านเจ้าหน้าที่ยังจัดสถานที่ให้ถ่ายรูปภายในพระอุโบสถอีกด้วย ต้องเจริญพรขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ ให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสะดวกและเรียบร้อยดีงาม หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินไปยังพระเจดีย์ไพรีพินาศ กระทำประทักษิณ เจริญพระพุทธมนต์รอบพระเจดีย์ แล้วมากราบสักการะองค์พระไพรีพินาศ มีญาติโยมที่ขึ้นไปสวดมนต์ไหว้พระอยู่ทางด้านบน ได้ถวายพวงมาลัยและดอกบัวให้อีกด้วย ขออนุโมทนากับญาติโยมท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเดินลงมา ปรากฏว่าวิหารพระศาสดานั้นได้ทำการปิดซ่อมทั้งหลัง พร้อมกับวิหารเก๋ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระพุทธไสยาสน์ แต่ว่าสถานที่นั้นก็ไม่ได้อยู่ในความหวังว่าจะได้เข้าไปกราบสักการะอยู่แล้ว เนื่องเพราะว่าวิหารพระศาสดาเปิดปีละครั้งเดียวเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2023 เมื่อ 01:49 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
พระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา หรือพระศาสดานั้น ก็คือพระพุทธรูปสำคัญ ๑ ใน ๓ องค์ ที่สมเด็จพระเจ้าศรีทรงธรรมปิฎก หรือที่เรียกแบบชาวบ้านเข้าใจกันว่า "พระมหาธรรมราชาลิไท" ได้ดำเนินการหล่อขึ้น และได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองพิษณุโลกมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จนกระทั่งได้รับการอัญเชิญมายังกรุงเทพมหานคร ประจำอยู่ที่อุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวิหารพระศาสดา
องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระดำริ จะอัญเชิญพระพุทธชินราช มาประจำอยู่ที่อุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร เมื่อตอนที่สร้างวัดเสร็จใหม่ ๆ ปรากฏว่าชาวเมืองพิษณุโลกร้องไห้ว่านำเอาพระสำคัญไปจนหมด แล้วจะเหลืออะไรเป็นที่พึ่งของชาวเมืองพิษณุโลก ? องค์สมเด็จพระปิยมหาราชทรงเห็นใจประชาชนทั้งหลาย จึงได้ส่งช่างขึ้นไปทำการถอดแบบ แล้วหล่อเป็นองค์พระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งประจำอยู่อุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร แต่ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ว่า ไม่ว่าบุคคลใดก็ตาม จะมีฝีมือในระดับไหน ก็ไม่สามารถที่จะถอดแบบองค์พระพุทธชินราชออกมา แล้วหล่อได้เหมือนต้นแบบเลยแม้แต่รายเดียว..! เรื่องที่กระผม/อาตมภาพยังคาใจอยู่ก็คือว่า ถ้าหากว่าชีปะขาวที่มาร่วมพิธีหล่อพระนั้นก็คือพระวิษณุกรรมเทพบุตร ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าในปัจจุบันนี้ เขามีเทคนิคในการสแกนองค์พระสามมิติ ซึ่งยืนยันได้ว่าจะเหมือนทุกกระเบียดนิ้ว กระผม/อาตมภาพอยากให้มีบุคคลทดสอบเหลือเกินว่า ถ้าใช้ระบบสแกนสามมิติแล้วยังหล่อได้ไม่เหมือน แสดงว่าฝีมือเทวดาสร้าง ไม่มีอะไรที่จะเลียนแบบได้จริง ๆ หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็เดินทางต่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อสักการะองค์พระแก้วมรกตและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อไปถึงก่อนเวลา จึงได้เดินลงไปยังอุโมงค์มหาราช ไปทำการภาวนาสะสมเสบียงบุญอยู่ ณ ที่นั้น จนกระทั่งเวลา ๘ โมงเช้า เดินมาถึงหน้าประตู นายทหารที่เฝ้าอยู่แจ้งว่า "เปิด ๘ โมงครึ่งครับ" กระผม/อาตมภาพจึงเดินเลยไปยังศาลหลักเมือง ปรากฏว่าทางด้านตรงสามแยกใหญ่นั้น มีการตั้งกองถ่ายภาพยนตร์กันอยู่ มีเจ้าหน้าที่คอยชี้บอกว่าเราควรจะเดินหลบไปทางไหน ถึงจะไม่ไปเกะกะการถ่ายหนังของเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2023 เมื่อ 01:51 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อเข้าไปถึงศาลหลักเมือง กระผม/อาตมภาพก็อุทิศส่วนกุศลถวายให้กับเจ้าพ่อหลักเมือง และบริษัทบริวารทั้งหลาย แม้กระทั่งเทวดาผู้รักษาศาลหลักเมืองทุกแห่งในสยามประเทศ และพระสยามเทวาธิราชทุกพระองค์ ปรากฏว่าเมื่อเดินออกมา มีผึ้งฝูงใหญ่บินตอมตามออกมาด้วย
กระผม/อาตมภาพตอนแรกยังเข้าใจว่าเป็นฝูงผึ้งกำลังหาที่สร้างรัง แต่ว่าทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) กับทิดดอย (นายภาณุพงศ์ วังประภา) ที่ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้ บอกว่า "บินตอมหลวงพ่ออยู่องค์เดียวเลยครับ" กระผม/อาตมภาพก็คิดว่า อาจจะเป็นท่านทั้งหลายที่อนุโมทนาบุญแล้ว มาแสดงตนให้เห็นในลักษณะนั้นก็เป็นได้ ทั้งที่ใช้เวลาในระยะทางแค่เดินไปเดินกลับ ตลอดจนกระทั่งอุทิศส่วนกุศล รวมแล้วราว ๆ ๑๔ นาทีกว่า ปรากฏว่าเมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แถวนักท่องเที่ยวก็ยาวหลายร้อยเมตรแล้ว หลังจากที่เข้าไปทางด้านใน บรรดานักท่องเที่ยว ถ้าเป็นชาวต่างชาติก็แยกไปเข้าอีกทางด้านหนึ่ง เพราะว่าต้องจ่ายค่าผ่านประตู ส่วนบรรดาคนไทยทั้งหลายก็แสดงบัตรประชาชน ยืนยันตัวตนด้วย แต่พอกระผม/อาตมภาพควักบัตรประชาชนออกมา เจ้าหน้าที่ก็นิมนต์ให้ลัดคิว แซงทุกคนเข้าไปก่อนเลย เมื่อเข้าไปถึง บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ยังเมตตา ให้ถอดรองเท้าเอาไว้ข้างที่ทำงานของเขา ไม่ต้องเอาวางบนชั้นวางเหมือนคนอื่น เมื่อยกเอาพานดอกบัวเข้าไปถวายสักการะองค์พระแก้วมรกตทางด้านใน เจ้าหน้าที่ก็บริการด้วยการยกเข้าไปถวายทางด้านหน้าองค์พระแก้วมรกตเลย กระผม/อาตมภาพได้กราบขอขมาพระรัตนตรัย ปกติก็จะสวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ถวายบูชา ๓ จบ แต่ปรากฏว่างานนี้บรรดาเทวดารักษาในพระอุโบสถจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ขอสัก ๙ จบ เพื่อที่จะได้ส่วนกุศลเพิ่มขึ้น กระผม/อาตมภาพเองไม่ชอบทำอะไรขาด จึงเติมให้เต็ม ๑๐ จบไปเลย ทำให้คนอื่น ๆ ต้องรอกันอยู่นานมาก หลังจากอุทิศส่วนกุศลถวายให้แก่เทวดาทั้งหลายที่รักษาพระแก้วมรกตในทิศทั้ง ๔ องค์ในหลวง สมเด็จพระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พระสยามเทวาธิราชทุกพระองค์ เทพเจ้าที่รักษาศาลหลักเมืองทุกแห่ง ตลอดจนกระทั่งพระยายมราช เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ต้องเดินออกมาทางด้านพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ผ่านพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ออกมาทางด้านประตูอีกด้านหนึ่งก็แยกกับคณะ เรียกรถแท็กซี่ ส่งกลับไปยังที่พัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2023 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อถึงที่พัก ปรากฏว่า "เสบียงบุญ" ที่สะสมเอาไว้ช่วงนี้ หลุดหายไปเรียบร้อยแล้วประมาณ ๓ ชั่วโมง นับว่าเป็นที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าการทำความดีนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงต่อคนอื่น เราทำเราได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีเสบียงบุญไปแชร์ให้กับกลุ่มไลน์เขาดู เมื่อฉันเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะการเข้าไปตรวจการณ์ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ?
แล้วอีกส่วนหนึ่งก็เข้าไปดูในกลุ่มไลน์ ซึ่งเป็นทริปไปเที่ยวลาวใต้ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ กระผม/อาตมภาพตอนแรกไม่เข้าใจระบบการทำงานของทางคณะทัวร์ ที่ตั้งใจบริการทุกระดับประทับใจ จึงได้แสดงความคิดเห็นไปว่า การที่ให้ทุกคนสั่งอาหารตามใจตัวเองนั้น จะเป็นการเสียเวลามาก แต่ทางด้านลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) หัวหน้าทัวร์ยืนยันว่า จะใช้เวลาในร้านอาหารไม่เกิน ๑ ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าอย่างนั้น กระผม/อาตมภาพก็ขอดูก่อน ถ้าหากว่าเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้ก็แล้วไป แต่ถ้าหากว่าช้าเมื่อไร ก็มีการทิ้งกันทันที..! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาจจะสร้างความเครียดให้กับคนทำงานได้ แต่ก็จำเป็น เนื่องเพราะว่าขบวนใหญ่ คนมาก ถ้าหากว่าไม่เด็ดขาด ช้ากันแค่คนละนาที เวลาก็จะเลื่อนไปเรื่อย แล้วทำให้การเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ ตามตารางกำหนดการก็จะเคลื่อนไปหมด จึงต้องขอดูฝีมือของลูกกิฟท์ว่าจะบริหารจัดการออกมาได้ดีเพียงใด สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2023 เมื่อ 01:56 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|