#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปรับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นเกียรติคุณ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วขากลับก็แวะที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เพื่อมอบเงินพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่ฆราวาส
เนื่องจากว่าไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ หรือว่าเจ้าหน้าที่ก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นวิทยาสงฆ์ วิทยาเขต หรือมหาวิทยาลัยสงฆ์ ก็มักจะไม่ได้รับเงินเดือนเต็มที่ตามวุฒิการศึกษาของตน อย่างกระผม/อาตมภาพเอง วุฒิการศึกษาปริญญาเอก ถ้าเงินเดือนก็ ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท แต่ตัวเลขที่รับก็คือ ๕,๐๐๐ บาท..! แล้วก็ไม่เคยรับมาก่อนเลย เพราะว่าถ้าเป็นการบรรยายพิเศษ เซ็นรับมาแล้ว ก็มอบคืนให้เขาไปบริหารกันต่อ ถ้าหากว่าอย่างที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตรงนั้นก็เซ็นรับ แล้วส่งเข้ากองทุนการศึกษาของวิทยาลัยไปทั้งหมด จนกระทั่งมาภายหลังมีระเบียบบังคับว่าให้โอนเข้าบัญชีโดยตรง ก็เพิ่งจะระยะเวลาไม่ถึงปีที่ผ่านมา หรืออาจจะปีเศษแล้วก็จำไม่ได้ ที่ไม่สามารถจะจัดการตรงนี้ได้ เพราะว่าระเบียบบังคับให้โอนเงินเข้าบัญชีของแต่ละคน กระผม/อาตมภาพก็ใช้ลักษณะของการมอบเป็นทุนการศึกษา อย่างเช่นปีนี้สำหรับนิสิตใหม่เทอมแรก ไม่ว่าจะเป็นประกาศนียบัตร หรือปริญญาตรีสาขาไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็เหมาจ่ายค่าเทอมให้ทั้งหมด ประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ กว่าบาท กระผม/อาตมภาพสอนในวิทยาลัยสงฆ์หลายแห่งตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ เป็นต้นมา ส่วนที่เห็นชัดที่สุดก็คือ พระภิกษุสามเณรของเรามีความตั้งใจเรียนมากกว่าฆราวาสหลายเท่า เนื่องเพราะว่าหลายท่านบวชเข้ามา เพื่อให้มีโอกาสทางการศึกษาโดยเฉพาะ ตั้งใจว่าพอเรียนไปถึงระดับที่ตนเองต้องการ แล้วก็จะสึกหาลาเพศไปทำงาน ตรงนี้เราก็ไม่ได้ตำหนิกัน เพราะว่าวัตถุประสงค์ในการบวชของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ยิ่งสาขาวิชาที่เรียนรวมกับฆราวาสอย่างรัฐประศาสนศาสตร์ บริหารรัฐกิจ รัฐศาสตร์ จะเห็นความต่างอย่างชัดเจน เพราะว่าพระภิกษุสามเณรนั้นมักจะส่งงานครบถ้วน ขณะที่ในส่วนของฆราวาสแทบจะไม่มีใครสนใจทำตามที่ครูบาอาจารย์สั่งเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2022 เมื่อ 01:17 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังสอนอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มีอยู่รายหนึ่งโดนติด F ไป เพราะว่าไม่เคยเข้าเรียนเลย แล้วก็มีรายการโวยวายใหญ่โตจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนว่า บุคคลนี้มาเรียนทุกวัน หลังจากสอบสวนดูแล้ว ปรากฏว่าไม่เคยเข้าห้องเรียน...แต่มา แล้วก็ได้รับคำสารภาพที่น่าตบให้สลบ..! ก็คือบอกว่า ที่มาเพราะว่าถ้าออกจากบ้านแล้วแม่ถึงจะให้เงิน..!
ส่วนคนอื่น ๆ ถึงจะเข้าห้องเรียนแต่ก็ไม่สนใจ ส่วนใหญ่ทำตัวเป็นเด็กท้ายห้อง นั่งดูโทรศัพท์บ้าง คุยกันบ้าง กินขนมบ้าง พวกผู้หญิงก็แต่งหน้ากันบ้าง ทำให้รู้สึกว่าเสียดายที่พวกเขามีโอกาสในการศึกษา พ่อแม่ก็ทุ่มเทให้เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะเรียนให้มีความรู้ ลักษณะว่ามึนไปวัน ๆ เดี๋ยวก็จบ เกรดจะออกมาทุเรศทุรังขนาดไหนก็ไม่สนใจ..! ยิ่งระยะนี้ก็มีรูปที่เพื่อนฝูงส่งมาให้ดูในกลุ่มไลน์ เป็นรูปบรรดานักเรียนหรือว่านิสิตหญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ? ตั้งวงสูบกัญชากันอย่างทะมัดทะแมง กระผม/อาตมภาพค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่สูบกัญชาอย่างเดียว น่าจะมีส่วนผสมของยาบ้าด้วย..! ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเด็กสมัยนี้ต้องการอะไรกันแน่ จะอ้างว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ก็เลยไปทำเพื่อประชดชีวิต ก็ไม่น่าจะใช่ ตัวกระผม/อาตมภาพนั้น พอรู้ความ ลืมตาตื่นขึ้นมา พ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้านแล้ว ออกไปทำงานแต่มืด เมื่อกลับบ้านมาจากโรงเรียนจนกระทั่งนอนหลับ พ่อแม่ก็ยังไม่กลับมา เพราะว่ากว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก เวลาวันหยุดแต่ละปีก็มีแค่ไม่กี่วัน ก็คือช่วงไหว้เจ้า ได้รับคำสอนจากพ่อแม่บ้าง ก็อยู่ในลักษณะที่ว่า "ให้ตั้งใจเรียน พ่อแม่ไม่รู้หนังสือ ทำอะไรก็เสียเปรียบเขา ถ้าพวกแกรู้หนังสือ ทำอะไรจะได้ไม่เสียเปรียบคนอื่น" คำสอนมีอยู่ประมาณแค่นี้ แล้วกระผม/อาตมภาพก็เรียนจนกระทั่งสอบได้ที่ ๑ ทุกปี..! ดังนั้น...ถ้าหากว่าจะมาเรียกร้องว่าบอกว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ก็เลยประชดชีวิต กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าไม่ใช่ อยู่ที่จิตสำนึกมากกว่า คือสงสัยว่าพ่อแม่ปล่อยให้ลูก ๆ เล่นกับหมามากเกินไป จิตสำนึกเลยโดนหมากินไปหมด..! บางคนโตกระทั่งเป็นควายแล้ว อายุ ๔๐ - ๕๐ ก็ยังมีแต่สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2022 เมื่อ 01:22 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
โดยเฉพาะมีอยู่รายหนึ่ง บวชที่วัดท่าขนุนนี้ด้วย เป็นลูกของเอเย่นต์ส่งหนังสือใหญ่ที่สุดของสามจังหวัดภาคใต้ ด้วยความที่ครอบครัวเป็นคนจีน แล้วเป็นลูกชายคนเล็กคนเดียว จนอายุ ๔๐ กว่าแล้วก็ทำมาหากินอะไรไม่เป็น ได้แต่แบมือขอเงินแม่ใช้
ท้ายที่สุดพ่อแม่ให้มาบวชเพื่อดัดสันดาน ก็ยังเล่นพนันบอลออนไลน์ทุกวัน จนกระผม/อาตมภาพต้องจับสึกไป แล้วท้ายที่สุดก็เลยทำให้แม่เขาประชดชีวิต ในเมื่อลูกไม่เอาดี แม่บวชเองก็ได้ แล้วแม่ก็เลยบวชชีมาจนทุกวันนี้ อยู่ที่วัดชัยชนะสงคราม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีบางท่านที่ผมได้ถามว่า "ลองนึกย้อนหลังไปดูว่า ในชีวิตเคยสร้างความภูมิใจให้กับพ่อแม่บ้างไหม ? หรือมีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ ในเมื่อพ่อแม่อุตส่าห์ให้โอกาสมึงเปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยการให้มาบวช แล้วมึงไม่คิดจะทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจบ้างเลยใช่ไหม ?" ดังนั้น...ในเรื่องของจิตสำนึกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มีหลายคนถามกระผม/อาตมภาพว่า คนโน้นกินเหล้า ทำไมไม่ห้าม ? คนนี้ดูดยาบ้า ทำไมไม่ห้าม ? ไอ้นั่นเล่นบุหรี่วันละ ๒ ซอง ทำไมไม่ห้าม ? กระผม/อาตมภาพไม่ไปยุ่งให้เสียเวลาหรอก เรื่องพวกนี้ถ้าเขาคิดเองไม่ได้นี่ไม่มีทางเลย พูดให้ปากฉีกถึงหูก็เท่านั้น มีอยู่ทางเดียวก็คือ เขาต้องเกิดจิตสำนึกด้วยตนเองว่า ในสิ่งที่ทำนี้ นอกจากตนเองจะเดือดร้อน เสียสุขภาพ เจ็บไข้ได้ป่วย ยังทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน เป็นห่วงเป็นใยไปด้วย ดังนั้น...ในเมื่อเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่บรรดาเด็กทำกันอยู่ ซึ่งเพื่อน ๆ ส่งมาให้ดูในกลุ่มไลน์ ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมระบบการศึกษาของประเทศเราถึงได้รั้งท้ายแม้แต่ในอาเซียน ถ้ารั้งท้ายอาเซียนก็แปลว่ารั้งท้ายของโลก..! แล้วในอาเซียน สิงคโปร์เขาดันมีการศึกษาดีที่สุดในโลก อันดับสองคือฟินแลนด์ เป็นอะไรที่ตัดกันมาก เพราะว่าเด็กเราขาดจิตสำนึก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2022 เมื่อ 01:24 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
จะบอกว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน ต้องอาศัยครูบาอาจารย์ พวกคุณอย่าลืมว่า ต่อให้ยัดเยียดลูกไปเข้าชั้นอนุบาล ก็อยู่กับพ่อแม่มาแล้ว ๓ ปี ๖ ปี ถ้าพ่อแม่ไม่วางพื้นฐานให้ตั้งแต่เด็ก แล้วครูจะเอาอยู่ไหม ? แล้วกว่าจะมาถึงมือพระก็ยิ่งสาหัสเข้าไปใหญ่ จะบวชพระได้ก็ต้องอายุ ๒๐ ปี
พอถึงเวลามาก็ "หลวงพ่อเจ้าขา..ขอช่วยสั่งสอนให้ลูกฉันกลายเป็นคนดีกับเขาบ้างเถอะ" เอาลูกมาฝากบวช ถามว่าจะบวชกี่วัน ? "๗ วันเจ้าค่ะ" เจริญล่ะแม่คุณ...! ลูกอยู่กับตัวเองมา ๒๐ กว่าปี เอาดีไม่ได้ แล้วฝากอยู่หลวงพ่อ ๗ วัน จะให้กระผม/อาตมภาพสอนจนเป็นคนดี "กูไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะได้เสกให้มึงได้..!" ดังนั้น...ในปัจจุบันนี้ของพวกเรา ต้องบอกว่าบางอย่างอาจจะช่วยให้ดีขึ้น อย่างเช่นว่าทีมวอลเล่ย์บอลหญิงไทยเข้ารอบสุดท้ายของ VNL 2022 หรือไม่ก็น้องลิซ่า (ลลิษา มโนบาล) กลายเป็นไอดอล K Pop กลายเป็นนางแบบชื่อดัง หรือไม่ก็แม้แต่ล่าสุด น้องสาวหรือลูกพี่ลูกน้องของลิซ่า พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิมที่ไปได้แชมป์โลกมวย K-1 มา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พอทำไป คนเห็นแล้วมีจิตสำนึกที่ดีก็อาจอยากจะเลียนแบบ พูดง่าย ๆ ก็คืออยากเป็นเหมือนไอดอลตัวเอง ก็อาจจะทำให้คนมาเล่นกีฬามากขึ้น อย่างเช่นวอลเล่ย์บอล หรือไม่ก็ไปฝึกมวย ดีไม่ดีก็ไปฝึกเป็นนักร้องนักเต้นเหมือนกับน้องลิซ่า แต่คราวนี้ส่วนใหญ่แล้วก็ฉาบฉวย ไม่ได้ดูว่ากว่าที่เขาจะเป็นอย่างนั้นได้ ต้องฝ่าฟันลำบากยากเข็ญมาขนาดไหน มักจะไปมองแค่ความสำเร็จของเขาเท่านั้น ถ้าเรานึกถึงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๖ ที่ว่า "หนทางแห่งเกียรติศักดิ์ จักโรยด้วยดอกไม้ หอมหวนยวนจิตไซร้ ฤๅมี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2022 เมื่อ 01:28 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
นั่นแค่ชีวิตฆราวาส แค่เด็ก ๆ พวกเราที่เป็นพระภิกษุสามเณรหนักกว่านั้นมาก เพราะว่าพวกเราต้องปฏิบัติธรรม พวกเราไม่ได้บวชตามประเพณี แต่เราบวชแล้วรู้ว่าถ้าทำชั่วแล้วจะเจออะไรบ้าง จึงเครียดหนักกว่าเขาหลายเท่า
เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าบวชที่วัดท่าขนุน แล้วถือกระผม/อาตมภาพเป็นต้นแบบ กรุณาอย่ามองความสำเร็จตอนนี้ พวกท่านต้องศึกษาประวัติสักนิดหนึ่งว่ากระผม/อาตมภาพทุ่มเทให้กับการฝึกฝนกรรมฐานมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปีนี้ย่าง ๖๔ แล้ว ทำกันชนิดหัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่ใช่ว่าอยู่เฉย ๆ ก็สำเร็จโด่งดังขึ้นมา เพราะฉะนั้น...ถ้าใครยังไม่ได้ปฏิบัติมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ถึง ๖๔ แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็ถือว่ายังปกติ..! แต่ว่าให้ทุ่มเท เพียรพยายามต่อไป เพราะว่าการปฏิบัติธรรมไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลา สำคัญที่ทำดีและทำถูกเท่านั้น ถ้าทำดีและทำถูก ถึงมีเวลาไม่มาก ท้ายสุดก็เอาดีจนได้ วันนี้รบกวนเวลาพวกเรามากแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2022 เมื่อ 01:30 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|