|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พูดถึงวัตถุมงคล คนที่ห้อยนะคะ จำเป็นหรือไม่ที่วัตถุมงคลจะให้ผลเฉพาะกับคนที่อยู่ในศีลในธรรม ใครมาห้อยวัตถุมงคลก็ยังให้ผลได้ตลอด ?
ตอบ : ต้องดูกำลังใจของเขา วัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่งที่ส่งกำลังอยู่ตลอดเวลา สำคัญตรงจิตของเขาที่เป็นเครื่องรับ ถ้าเครื่องรับไม่เปิด ผลก็ไม่มี หรือว่ามีน้อย ถาม : ขยายความตรงที่บอกว่าเปิด เครื่องรับเปิดตรงนี้หมายถึงอะไร ? ตอบ : คือว่าต้องเปิดใจของเรารับ คือใจของเราต้องยึดเกาะท่านเป็นปกติ ถาม : ก็คือต้องเชื่อ ? ตอบ : ใช่ อันดับแรกต้องมีศรัทธา ถ้าหากว่าศรัทธาความเชื่อไม่มี ทุกอย่างก็ไม่มีผล ไม่เชื่อเราก็จะต่อต้าน เท่ากับปิดเครื่องโดยตรงเลย ถาม : นอกจากนี้แล้วมีอะไรอีกคะ ? ตอบ : ก็ศรัทธาความเชื่อ ในเมื่อเชื่อยึดมั่นเเล้วต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เขาให้มา อย่างเช่นว่า อาจจะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์ อาจจะต้องท่องบ่นสวดมนต์คาถาบางบทเป็นประจำ ถาม : ท่องเพื่ออะไรคะ ? ตอบ : ลักษณะเหมือนอย่างกับว่าเป็นรหัสบอกฝ่าย ถ้าหากว่าคนที่เขาสวดมนต์ท่องบ่นคาถาบทนี้ ก็แปลว่าเขาขอให้ช่วยถือว่าเป็นฝ่ายเดียวกันพวกเดียวกัน ถ้าหากว่าเขาไม่ขอก็เป็นอันว่าไม่ต้องไปช่วย ...(หัวเราะ)... ถาม : คนก็หลากหลาย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาขออะไร ? ตอบ : เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เทวดาท่านมีความเป็นทิพย์ ถึงมีคนเป็นพัน ๆ ขอพร้อมกันท่านก็แยกแยะได้ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2016 เมื่อ 03:54 |
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : แสดงว่าผู้ที่จะให้คุณ เป็นแต่เทวดาเท่านั้น ?
ตอบ : ทางด้านไสยศาสตร์ของเขา ถึงจะทำขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าหากผู้ที่ทำได้อภิญญา ความเป็นทิพย์ของการที่ได้อภิญญา ท่านอธิษฐานจิตสำทับเอาไว้ ผลก็เหมือนกัน เพราะอธิษฐานสำทับด้วยกำลังที่สูงมาก ในเมื่อกำลังของเขาสูงมาก การที่เขาแยกแยะเพื่อช่วยเหลือใครเท่าไรก็สามารถทำได้ เพียงแต่ว่าในลักษณะถ้าทำแบบไสยศาสตร์ เป็นอภิญญาโลกีย์นั้น จะมีวาระที่เสื่อมได้ ถาม : ทีนี้คนที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิหรือเปล่า ? ตอบ : ไม่ใช่ ไม่เชื่อแต่ถ้าหากว่าจิตใจของคุณมีสิ่งที่ยึดมั่นอยู่ อย่างเช่นว่า ยึดมั่นในพระรัตนตรัย ยึดมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดถือมาประจำตระกูลของตน หรือว่ายึดมั่นในผู้นำหรือว่าเชื่อมั่นในตนเอง เหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ถาม : นอกจากไม่เชื่อแล้วยังมีความลังเลสงสัย ? ตอบ : นั่นยิ่งดีใหญ่เลย เพราะว่าถ้าหากขืนเชื่อทีเดียวเขาเรียกว่าโง่ เราสงสัยไว้ก่อนเป็นดี แล้วค่อย ๆ พิสูจน์ไปจนกว่าจะเชื่อ อย่างตัวของอาตมาเอง กว่าจะก้าวมาถึงระดับนี้ได้ ต้องใช้เวลาพิสูจน์แบบหัวทิ่มหัวตำอยู่ ๑๑ ปีเต็ม ๆ ถาม : นึกว่าเข้าข่ายลบหลู่ดูหมิ่น ? ตอบ : ไม่หรอกจ้ะ เขาไม่เรียกว่าดูหมิ่น ความขี้สงสัยเป็นปกติอยู่แล้ว อย่างเช่นว่า ทุกวันนี้เวลาไปเจอบางสำนักของเขา ที่มีพฤติกรรมต่างจากความเคยชินของเรา อาตมาเองก็ตั้งข้อสงสัยไว้เหมือนกัน ต้องระวังไว้ก่อน ยังไม่เชื่อทีเดียว จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเขาดีจริง ถ้าเขาดีจริงค่อยยอมรับ สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2016 เมื่อ 03:55 |
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|