|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
| สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่องใหญ่เรื่องด่วนก็ยังคงเป็นการช่วยเหลือน้ำท่วมปักษ์ใต้ ไม่ใช่เฉพาะพี่น้องชาวหาดใหญที่เดือดร้อน หากแต่ว่าตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไป ต้องบอกว่าท่วมเกือบทุกพื้นที่ มากบ้าง น้อยบ้าง..!
ทางคณะสงฆ์ภาค ๑๗ และภาค ๑๘ ระดมสรรพกำลังออกไปช่วยเหลือ โดยเฉพาะการประกอบอาหารเพื่อมอบให้แก่ผู้ประสบภัย แต่บางทีก็มีปัญหาตรงที่ว่าต้องรีบทำแต่เช้า แล้วกว่าจะเข้าถึงพื้นที่บางทีก็ตกบ่าย ข้าวปลาอาหารอาจจะมีบูดบ้างอะไรบ้าง หรือไม่ก็พี่น้องที่ได้รับความช่วยเหลือกลับเป็นอิสลาม ตั้งข้อรังเกียจว่าบะหมี่หมูสับกินไม่ได้..! ถ้าหากว่าอยู่ในสถานการณ์ที่จะถึงแก่ชีวิตแบบนั้นแล้วยังเลือกอยู่ ก็คงต้องรอพระเจ้าช่วยเหลือท่านเถอะ..! ในเรื่องของความช่วยเหลือนั้น มีสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้น กระผม/อาตมภาพเคยทำกู้ภัยมาก่อน ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงปกติธรรมดาบางทีเครื่องไม้เครื่องมือ จะรถจะเรืออะไรพร้อมทุกอย่าง แต่พอฉุกเฉินขึ้นมาดันเสียให้ซ่อมดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น..! ดังนั้น..หลายท่านพอไปถึงแล้วก็จะเจอปัญหาหน้างาน อย่างเช่นว่าน้ำแรงมาก ไม่สามารถที่จะจอดเรือท้องแบนหรือเจ็ตสกีรับคนได้ ต้องไปตีวงแล้วตีวงเล่าเพื่อที่จะกลับมา แล้วญาติโยมก็ไม่มีความคล่องตัวพอ ที่จะใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีในการขึ้นได้ บางทีก็ด่าพ่อล่อแม่กู้ภัยทั้งหลายว่า "มึงจะรีบไปไหน ?" ก็ถ้าไม่รีบ..จากกู้ภัยก็จะกลายเป็นผู้ประสบภัย..! เนื่องเพราะว่าไปขวางทางน้ำ เรือใหญ่เท่าไรก็ล่ม เจ็ตสกีที่มีความคล่องตัวขนาดนั้นก็ยังโดนพัดไปกระแทกเสาไฟบ้าง กระแทกรั้วบ้านบ้าง บางทีก็ไปชนเอาสิ่งกีดขวางใต้น้ำพังบรรลัยไปบ้าง..! ทุกคนนอกจากไปด้วยใจแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังควักกระเป๋าตัวเอง ไปเพื่อช่วยเหลือ แต่ไปแล้วโดนด่า คาดว่าถ้าไม่ใช่พวกที่หน้าด้านหน้าทนจริง ๆ ก็คงไม่มีใครทนอยู่ให้เขาด่าแบบนั้น บางรายก็โหดถึงขนาดไม่ได้ดูเลยว่าเขาจะต้องรีบไปช่วย "เคสเร่งด่วน" อย่างเช่นว่าผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยติดเตียง พอเห็นว่าวิ่งเลย ไม่ช่วยตัวเองก็ยิงปืนตามไปเลย แล้วอย่างนั้นจะให้ใครไปช่วยมึงอีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:23 |
| สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
บุคคลประเภทนี้ต้องเจอกระผม/อาตมภาพสมัยยังไม่ได้บวช เพราะกระผม/อาตมภาพเข้าใจดีว่า "คนเขาไม่กลัวคนดี คนกลัวแต่คนที่ชั่วกว่า..!" ในสมัยนั้นพวกนักเลงพวกเกเรเต็มซอย จะโดนอัดชนิดกองกับพื้น แล้วกระผม/อาตมภาพก็แบกไปส่งบ้านด้วย ดังนั้น..ไอ้ประเภทที่มาถามว่า "มึงรู้ไหมว่ากูลูกใคร ?" รู้แน่นอน เพราะว่ากูจะแบกไปส่งบ้านให้เลย..!
เรื่องของงานเหล่านี้เป็นเรื่องของการเสียสละจริง ๆ ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งเสี่ยงอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่คนเราเวลาเดือดร้อนขึ้นมาก็เอาตัวกูของกูเป็นใหญ่ ถ้าไม่ได้อย่างใจ กูก็ด่าเช็ดไว้ก่อน..! โดยที่ไม่ได้ดูว่าบุคคลที่ไปช่วยเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้เห็นน้ำตาของกู้ภัยว่าเป็นอย่างไรเวลาช่วยพวกท่านไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นอย่างยิ่ง นี่คือหลักสมานัตตตาในสังคหวัตถุ ๔ ซึ่งคนมักจะแปลว่าให้ทำตัวสม่ำเสมอ ถ้าชั่วสม่ำเสมอ แล้วจะเป็นสังคหวัตถุได้ไหม ? เพราะฉะนั้น..คำว่า สมานัตตตา ก็คือเอาใจเขามาใส่ใจเรา เห็นตัวเขาเสมอด้วยตัวเรา เรารักสุขเกลียดทุกข์อย่างไร คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์อย่างนั้น จึงควรที่จะช่วยเหลือยื่นโยนกันอย่างเต็มที่ ไม่ควรที่จะเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เรื่องของหลักธรรมที่ความหมายเพี้ยนไปในพระไตรปิฎกของเรามีมาก จึงเป็นเรื่องที่เราท่านจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาและปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงอย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าเรียนปริยัติ คือศึกษาตำราอย่างเดียว ถ้าไม่ใช่สุดยอดอัจฉริยะ เกิดมาในระดับปัญญาธิกะไปเลย ยากมากที่จะ "คิดว่าเป็นอย่างนั้น คาดว่าเป็นอย่างนี้" แล้วถูกต้องตามนั้น เนื่องเพราะว่าสภาวธรรมที่เกิดขึ้นนั้น ต้องปฏิบัติเองถึงจะรู้จริงว่าเป็นอย่างไร การอนุมานเอาตามตรรกะหรือความคิดของตนนั้นใช้ไม่ได้ โอกาสผิดพลาดจะมีสูงมาก..! สำหรับวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของการศึกษาคณะสงฆ์ ก็คือการสอบธรรมศึกษาของเด็กนักเรียน โดยเฉพาะพวกเราที่ต้องดูแลหลายโรงเรียนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ซึ่งมีห้องสอบ ๒๑ ห้อง เราต้องมีพระไปกำกับห้องสอบ ๒๑ รูป รวมกระผม/อาตมภาพก็ ๒๒ รูป แล้วไหนจะโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ โรงเรียนบ้านจันเดย์ โรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ ซึ่งต้องใช้พระภิกษุสามเณรของเราทั้งนั้น ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่มีประสบการณ์แล้วก็ดี จบนักธรรมชั้นเอกแล้วก็ตาม ต้องเลือกคุมห้องธรรมศึกษาเอกเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นค่อยลงไปห้องธรรมศึกษาโท จนกระทั่งหมดแล้วถึงเอาพระใหม่ไปคุมธรรมศึกษาตรี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:27 |
| สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำก็คือ เมื่อได้บัญชีรายชื่อเข้าห้องไปแล้ว ลองสุ่มเรียกสัก ๔ - ๕ คน เพราะว่าบางทีเราก็เข้าห้องผิด บางทีเด็กก็เข้าห้องผิด ก็คือไม่ดูตาม้าตาเรือว่าชื่อของตัวเองอยู่ตรงไหน เพื่อนเข้าห้องนี้ กูก็จะเข้าด้วย..! แล้วส่วนที่ต้องระมัดระวังที่สุดก็คือ เมื่อเด็กส่งข้อสอบต้องให้เซ็นส่งทุกครั้ง อย่าให้มีชื่อเซ็นไว้แล้วไม่มีข้อสอบ หรือมีข้อสอบแต่ไม่มีชื่อเซ็นก็ยังพอทน เพราะว่าไปตามตัวมาเซ็นทีหลังได้
ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งก็คือ เด็กสอบเช้าแล้วบ่ายกลับบ้าน ไม่สอบต่อ หรือเด็กมาสอบช่วงบ่าย แล้วช่วงเช้าไม่ได้สอบ พวกนั้นกระผม/อาตมภาพจะจัดการเอง เพราะว่าต้องดึงทิ้งทั้งหมด เนื่องจากว่าสอบไม่ครบตามรายวิชา ถ้าหากว่าสอบไม่ครบหรือว่าขาดสอบ ผู้กำกับห้องสอบกรุณาอย่าได้ไปเขียนในช่องเซ็นชื่อว่า "ขาดสอบ" เป็นอันขาด ปล่อยว่างเอาไว้อย่างนั้น ถึงเวลาเขามีวิธีจัดการ ก็คือต้องขีดฆ่าด้วยหมึกแดง แล้วเขียนกำกับท้ายว่าขาดสอบ ถ้าท่านไปเขียนว่า "ขาดสอบ" จะกลายเป็นลายเซ็นเด็กส่งข้อสอบ เนื่องเพราะว่าพอมองไปแล้ว ช่องไม่ได้ว่างก็คิดว่าเขามาสอบ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการทำงานค่อนข้างมาก แล้วพระใหม่ของเราบางทีก็ไม่เข้าใจ ก็มีการทำผิดทำพลาด โดยเฉพาะเมื่อรับรายชื่อเด็กของห้องนั้นไปแล้ว ให้เซ็นชื่อกรรมการกำกับห้องสอบไว้ ทั้งหน้าแรกและหน้าสุดท้าย ส่วนใหญ่มักจะเซ็นหน้าแรกหน้าเดียว และที่สำคัญก็คือวิชาธรรมะ พุทธะและวินัย เด็กมีเวลาน้อยมาก ๆ ก็คือ ๕๐ ข้อใน ๕๐ นาที จึงไม่ใช่เรื่องที่เราท่านทั้งหลายจะไปอ่านตัวอย่าง ก. ข. ค. ง. ให้เด็กเขารู้ปัญหาแล้วค่อยไปเลือก แบบนั้นทำได้ครึ่งหนึ่งก็ดีตายชักแล้ว..! และที่แน่ ๆ ก็คืออย่าให้มีการทุจริตรั่วไหลอะไรหลุดออกไปเป็นอันขาด เพราะว่าเราจะไม่โดนคนเดียว แต่ตั้งแต่ประธานอย่างกระผม/อาตมภาพก็จะโดนไปกับพวกท่านทุกคนด้วย..! เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากว่า อย่าได้มีการใช้สื่อโซเชียลส่งเดช แม้กระทั่งในการถ่ายคำตอบประหลาด ๆ ของเด็กแล้วก็ส่งไปหัวเราะกัน เนื่องเพราะว่าบางทีกระผม/อาตมภาพเองก็เจอมาก็ลักษณะอย่างนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:30 |
| สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#5
|
||||
|
||||
|
ข้อที่ ๑ ตอบว่า "ไม่รู้" ข้อที่ ๒ "นี่ก็ไม่รู้" ข้อที่ ๓ "นี่ก็ไม่รู้อีก" เราอาจจะเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่ถ้าหากว่าถ่ายส่งไปเมื่อไร ก็จะกลายเป็นเราทำผิดระเบียบห้องสอบ ทำอะไรจึงเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างยิ่ง เพราะว่าเดี๋ยวนี้การยกเลิกข้อความในไลน์ เขาให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวแค่นั้น พลาดเกินชั่วโมงเมื่อไรก็ลบไม่ได้แล้ว หรือถ้าจะลบก็ต้องเสียสตางค์ให้เขา กลายเป็นว่าปัจจุบันนี้ ถ้ามีอะไรทุจริตผิดพลาดเล็ดลอดลงสื่อโซเชียลเมื่อไร โอกาสที่จะรู้ทั่วประเทศ หรือทั่วโลกจะมีทันที..!
อีกส่วนหนึ่งที่เหมือนดูกับทุจริตเลยก็คือ การช่วยเขียนคำยากให้เด็ก ๆ เราสามารถสะกดให้ได้ แต่ถ้ามีใครถ่ายไป ต้องอธิบายให้เขาทราบได้ด้วยว่าคุณเขียนเพื่ออะไร ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าบางทีกรรมการจากส่วนกลางก็จะมาตรวจสนามสอบ แต่ด้วยความที่ว่าแค่อำเภอทองผาภูมิก็ ๒๐ กว่าสนามไปแล้ว กรรมการจึงมักจะไปไม่ทั่วถึง แล้วก็ยังดีตรงที่ว่า ถ้าจะมาเขาจะติดต่อแจ้งมาก่อน อีกส่วนหนึ่งก็คือการเซ็นชื่อในสมุดเยี่ยม ของกระผม/อาตมภาพตำแหน่งก็คือ "ประธาน" ของพวกท่านก็คือ "กรรมการ" กระผม/อาตมภาพเจอมาแล้ว ที่เขียนว่าตำแหน่ง "พระลูกวัด" ถูกต้องตรงเป๊ะเลย แต่ควรจะโดนถีบมากกว่า..! เพราะว่าวันนั้นคุณคือกรรมการกำกับห้องสอบ เป็นเรื่องที่จะต้องระมัดระวังให้มาก อะไรไม่แน่ใจ ให้ถามรุ่นพี่ที่เขาผ่านงานมาก่อน พรุ่งนี้จะต้องมีพิธีเปิดตอน ๘ โมงเช้า แล้วเด็กสอบตอน ๘ โมงครึ่ง เราจึงต้องงดบิณฑบาต ๑ วัน เพื่อที่จะได้ไปเตรียมการให้เรียบร้อย กระผม/อาตมภาพเองก็ต้องให้โอวาท ต้องอ่านสาส์นจากแม่กองธรรมสนามหลวง แล้วถึงปล่อยเด็กให้เข้าห้อง เวลาแค่ ๓๐ นาทีนี่แทบจะทำอะไรไม่ทัน เราก็จะได้รู้กันในวันนั้นเองว่าใครมีความคล่องตัวในการทำงานเท่าไร ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ทิ้งปัญหาให้กระผม/อาตมภาพแก้ไขอะไรมากมายอะไรนัก..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:34 |
| สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|