|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
|
| สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อคืนประมาณตี ๓ มีฝนตกค่อนข้างจะหนัก ต้องขอบคุณ "ท่านผู้ช่วยดูแล" ที่ย้ายฝนไปตกในยามค่ำคืน ทำให้เวลากลางวันงานไม่กร่อย จะทำอะไรก็สะดวก แต่ว่าวันนี้เป็น "วันพักผ่อน" เนื่องจากว่าต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว
หลังจากที่ตื่นขึ้นมากระผม/อาตมภาพก็ภาวนาจนครบทั้ง ๓ ชุดเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ โดยมีภาระก็คือต้องอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลไปด้วย ครั้นเสร็จเรียบร้อย ก็ไปเคาะประตูส่งวัตถุมงคลให้กับพี่ศุ (นางศุภากาญจน์ หว่อง) ที่จะต้องออกเดินทางตอนตี ๔ เพื่อขึ้นเครื่องจากปีนังไปกัวลาลัมเปอร์ แล้วต่อเครื่องจากกัวลาลัมเปอร์ไป KK คำว่า KK ก็คือเมือง Kota Kinabalu นั่นเอง เพียงแต่ว่าชื่อยาวไปหน่อย เขาก็เลยย่อเหลือสั้นแค่นั้น วันนี้พวกเรารอจนกระทั่ง ๖ โมงกว่าแล้วค่อยออกจากโรงแรม เนื่องเพราะว่าคาใจจากวันก่อนที่ไม่ได้เข้าภัตตาคารไต่ตง เดินไปแวะซื้อผลไม้แผงเดิมก่อน ที่วันนี้มีของเพิ่มขึ้นมาหลายอย่าง แล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าทางรัฐปีนังนี้ เขาขายมะนาวเป็นผลไม้..! เพราะว่าจัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงามเลยทีเดียว เมื่อเข้าไปในภัตตาคารไต่ตง ก็มีบริกรนำอาหารมาเสนอตามแบบของเขา ก็คือจะมีอาหารชนิดต่าง ๆ ใส่รถเข็นมาให้เลือก แล้วก็มีบิล ๑ ใบวางอยู่ตรงโต๊ะของเรา เลือกอะไรไป เขาก็ลงรายการตามบิลนั้น เมื่อได้มาและจัดการฉันไปแล้ว รู้สึกว่าไม่ประทับใจเท่ากับร้านที่มิชลินแนะนำ เนื่องเพราะว่าอาหารทางด้านโน้นรสชาติถูกปากกว่า แถมด้านนี้ยังราคาสูงกว่ามากอีกด้วย..! ครั้นฉันอิ่มแล้ว ทางด้านน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) กับ น้องปุย (นางสาวปิยะพร เพิงจันดา) ตั้งใจจะไปซื้ออาหารกลางวันให้ไปฉันที่สนามบินนานาชาติปีนัง กระผม/อาตมภาพจึงเดินทางกลับที่พักก่อน คาดว่าจะมีเวลานอนผึ่งพุงสักชั่วโมงครึ่ง แต่ปรากฏว่าเมื่อเก็บข้าวเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือเวลาอยู่ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้น จึงคิดว่าไหน ๆ ก็เหลือเวลาแค่นี้แล้ว คืนห้องไปเลยดีกว่า แต่การคืนห้องนั้นต้องตะกายขึ้นไปคืนที่ชั้น ๒๐ เหมือนเดิม แล้วค่อยกลับลงมารอที่ล็อบบี้ชั้น ๑
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 02:28 |
| สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
ครั้นถึงเวลา ๐๙.๒๐ น. น้องปุยก็เรียกรถ Grab มารับ ระยะทางจากที่พักไปถึงสนามบินนานาชาติปีนัง ๑๗ กิโลเมตร แต่เนื่องจากว่าเป็นช่วงรถกำลังติด จึงใช้เวลาวิ่งไป ๓๐ นาที ครั้นเข้าไปถึงด้านใน พวกเราก็ต้องไปนั่งรอ นอนรอ เพื่อที่จะฉันเพลก่อนแล้วค่อยเช็คอิน ซึ่งแม้กระทั่งการเช็คอิน น้องปุยก็เช็คอินออนไลน์มาแล้วด้วย จึงยิ่งเหลือเวลามากเข้าไปใหญ่
ครั้นไปเดินดูบรรดาสินค้าต่าง ๆ ซึ่งคนขายตั้งใจจะขายมาก ดูชิ้นไหน เขาก็หยิบมาวางให้ดูอย่างใกล้ชิด เมื่อจะถ่ายรูป เขายังอุตส่าห์หาฉากมาให้อีก นี่ถ้าหากว่าเงินถุงเงินถัง ก็อาจจะหลงกลในการค้าของบรรดาคนขาย ซื้อหาไปทั้งหมดก็เป็นได้..! แต่ด้วยความที่ว่าสินค้านั้นเป็นโลหะหล่อ เป็นรูปมังกรบ้าง รูปหงส์บ้าง รูปเสือบ้าง พูดง่าย ๆ ว่าเป็นบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของทางด้านจีนเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น มังกรเขียว เสือขาว หงส์แดง เต่าดำ มีทั้งหมด แต่ด้วยความที่ว่าตัวใหญ่และหล่อโลหะหนักมาก จึงบอกเขาว่า "So big" เขาบอกว่ามีกล่องแพ็คให้ กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าอยากจะหิ้วขึ้นเครื่อง ถ้าหากว่าแพ็คไปแล้วอยู่ทางใต้ท้องเครื่อง ไม่แน่ใจว่าจะชำรุดเสียหายหรือไม่ ? ดังนั้น..จึงต้องขออภัยที่ได้แค่ชมโดยที่ไม่ได้ซื้อ..! ครั้นเวลา ๑๑ โมงเกือบจะครึ่ง พวกเราก็ไปอาศัยโต๊ะของร้านกาแฟ นั่งกินอาหารกลางวันที่เป็นข้าวผัดกุ้ง ขนาดสั่งชุดเล็กมาแล้ว ถุงหนึ่งยังต้องแบ่งกันกินถึงสองคน ยกเว้นน้องปุยที่กินเจมาตั้งแต่อายุ ๙ ขวบ จนกระทั่งบัดนี้อายุ ๔๐ กว่าปีเข้าไปแล้ว ดังนั้น..ในส่วนนี้พวกกระผม/อาตมภาพสองคนจึงต้อง "ยัดทะนาน" กันเข้าไป โชคดีที่ไม่ได้สั่งชุดขนาดกลางหรือว่าขนาดใหญ่มา ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องหอบกลับเมืองไทยมากินต่ออีกสองวันก็เป็นได้..! ร้านกาแฟยี่ห้อดังร้านนี้ต้องบอกว่าเอื้อเฟื้อมาก ไม่ว่าลูกค้าจะเอาอะไรมานั่งกินก็ไม่ว่า เพราะว่าทำให้ร้านค้าดูแน่น แบบมีคนอยู่ตลอดเวลา คนที่ผ่านมาเห็นคนมากก็อยากจะที่เข้าร้าน ต้องบอกว่าเป็นการค้าแบบไม่ต้องลงทุนโฆษณา ก็คืออาศัยลูกค้าที่มานั่งกินอาหาร ช่วยเรียกแขกเข้าร้านนั่นเอง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 02:32 |
| สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
เมื่ออิ่มแล้ว พวกเราก็ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์เข้าไปข้างใน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพอเห็นชื่อกระผม/อาตมภาพ ก็บ่นเหมือนเดิมว่า "ยาวมาก" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ "Yes, Sir" ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะพูดว่าอะไร เพราะว่าไปที่ไหนก็มักจะโดนบ่นแบบนี้เหมือนกัน..!
เมื่อผ่านเข้าไปข้างในก็เป็นร้านค้าปลอดภาษี เป็นเรื่องแปลกที่ว่ามาเลเซียเน้นในการปกครองตามหลักอิสลาม ห้ามคนกินเหล้า แต่เจ้าประคุณเถอะ..ร้านค้าปลอดภาษีมีแต่สารพัดเหล้าฝรั่งยี่ห้อแพง ๆ เต็มไปหมด สรุปว่ามีไว้ขายนักท่องเที่ยวกระมัง ? พวกเราเดินไปจนแทบจะสุดสนามบิน จึงถึงช่องทางขึ้นเครื่องของตนเอง นั่งรอ นอนรอ เป็นระยะเวลาที่นานมาก พอเจ้าหน้าที่เปิดเครื่องปรับอากาศให้ คราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน..! เพราะว่าเป็นเครื่องใหญ่ที่ไม่สามารถจะปรับให้เย็นน้อยลงได้ สักพักเดียวเท่านั้น มือเท้าก็เย็นเฉียบไปหมด ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำกันเป็นระยะ โชคดีที่ว่าประตูขึ้นเครื่อง A6 นี้ อยู่หน้าห้องน้ำพอดี บรรดาท่านที่อยู่ประตูขึ้นเครื่องอื่น ๆ ต้องเดินมาใช้ห้องน้ำค่อนข้างจะไกล จนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว เครื่องก็ยังไม่มาจากเมืองไทย น่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่ฝนฟ้าคะนองเป็นพิเศษ เลยเวลาขึ้นเครื่องไปเกือบครึ่งชั่วโมง เครื่องจากเมืองไทยจึงมาถึง แล้วทำไมไม่เข้าเทียบงวงก็ไม่ทราบ ? หากแต่ว่ากางบันไดให้คนเดินลงเข้ามาในตัวอาคาร แล้วพวกเราเองก็ต้องเดินย่ำต๊อกออกไปขึ้นเครื่องเหมือนกัน..! ดูการทำงานของเขาแล้วก็แปลก ๆ ดี ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นระบบไล่ลูกค้าหรือเปล่า ? แทนที่จะให้ได้รับความสะดวกโดยการเดินตรงขึ้นเครื่องไปเลย ก็ต้องวนบันได ๓ รอบ ๔ รอบ กว่าจะถึงพื้นข้างล่าง แล้วยังเดินฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงที่อุตส่าห์ออกมาให้ในตอนไปขึ้นเครื่องนี่เอง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 02:35 |
| สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#5
|
||||
|
||||
|
ที่นั่งของกระผม/อาตมภาพอยู่กลาง ๆ เครื่องพอดี จะขึ้นหัวเครื่องหรือท้ายเครื่องก็แย่พอกัน ก็เลยตัดสินใจขึ้นทางด้านหัวเครื่อง แล้วก็เจอ "คนติด" แบบมากมายมหาศาล..! เนื่องเพราะว่าบรรดาชาวมาเลเซีย ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีนิสัยแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ? เห็นที่ว่างตรงไหนก็ยกกระเป๋ายัดเข้าไปก่อน จากนั้นค่อยเดินไปหาที่นั่งของตนเอง ดังนั้น..แต่ละคนที่ยกกระเป๋ายัดขึ้นไปยังที่เก็บ จึงกลายเป็นขวางทางคนข้างหลังไปเสียนี่..!
เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึงที่นั่ง ปรากฏว่ามีสองสามีภรรยานั่งอยู่ แม้ว่าตัวเองจะนั่งติดริมหน้าต่าง แต่คุณภรรยาเธอนั่งเก้าอี้ตรงกลาง เท่ากับว่านั่งอยู่ข้าง ๆ กระทบไหล่พระเลย..! ยังโชคดีที่มีชาวมาเลย์เชื้อสายจีนที่เข้าใจเรื่องนี้อยู่สองคน คุณผู้ชายทั้งสองรีบมาขอเปลี่ยนที่นั่งกับสามีภรรยาคู่นั้น อธิบายให้เขาฟังประมาณว่าพระของเราห้ามแตะต้องตัวผู้หญิง การเปลี่ยนที่นั่งจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น พวกเรานั่งกันมาสักพักหนึ่ง พอเครื่องขึ้นแล้วก็มีการเสิร์ฟอาหาร แต่ว่าต้องเป็นอาหารที่เขาจองเอาไว้ก่อน หลังจากที่คนกินอาหารเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันจะจัดเก็บ เจ้าหน้าที่ก็ประกาศให้รัดเข็มขัด นั่งอยู่กับที่ เพราะว่าผ่านเขตอากาศแปรปรวนรุนแรงมาก เครื่องเขย่าอยู่เป็นระยะ..! พวกเราแม้ว่าจะล่าช้าจากทางมาเลเซียเกือบ ๑ ชั่วโมง แต่กัปตันน่าจะทำเวลาเพิ่ม ให้พวกเรามาลงท่าอากาศนานาชาติดอนเมือง เลยเวลาไปแค่ ๑๕ นาทีเท่านั้น..! ครั้นเมื่อทำการประทับตราพาสปอร์ต ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว น้องปุยก็ยังตามมาจะเรียกแท็กซี่ให้ กระผม/อาตมภาพบอกว่าไม่ต้อง สนามบินนานาชาติดอนเมืองนี้ ถ้าเรียกแท็กซี่จากข้างนอกจะเสียเวลารอนานมาก ถ้าใช้แท็กซี่ภายในสนามบิน แค่บวก ๕๐ บาทจากมิเตอร์ก็จบแล้ว ดังนั้น..น้องปุยก็เลยควักเงินค่าแท็กซี่มาให้ บอกว่า "อาศุฝากไว้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 02:38 |
| สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#6
|
||||
|
||||
|
แล้วพวกเราก็ได้ข่าวว่าอาศุของน้องปุยนั้น ไปตกเครื่องที่ Kota Kinabalu เพราะว่าเครื่องจากทางด้านปีนังไปลงกัวลาลัมเปอร์ ๘ โมงกว่า เครื่องที่จะไป KK ออกตอน ๐๙.๑๕ น. แล้วประตูขึ้นเครื่องเพื่อต่อเครื่องก็ไกลกันมาก "พี่ศุ" ที่อายุมากแล้ว เดินไม่ทัน แล้วบริษัทการบินนี้ก็ตรงเวลาเหลือเกิน ไม่มี "ไฟนอลคอล" เสียด้วย เดินไปถึงประตูขึ้นเครื่องเขาก็ถอยเครื่องออกพอดี โดยที่ไม่มีการเหลียวแลผู้โดยสารที่หลงอยู่ ๑ คนเลย..!
ทำให้พวกเราต้องปลอบใจกันว่า "ตกเครื่องดีกว่าเครื่องตก..!" รับรองว่าจะต้องมีอะไรแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ตกเครื่องแบบนี้ เมื่อลงสนามบินนานาชาติดอนเมือง มานั่งแท็กซี่แล้วถึงได้รู้ เพราะว่าคนงานของพี่ศุโดนตำรวจจับไป ๗ - ๘ คน ส่วนใหญ่เป็นต่างด้าวทั้งนั้น จึงต้องไปวิ่งเต้นเอาตัวคนงานออกมาให้ได้ ถ้าขืนไปเที่ยว งานนี้คนงานคงต้องติดคุกยาว ๆ กว่าเจ้านายจะกลับมาประกันตัวให้..! พวกเราถึงได้รู้ว่า "เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดี หากแต่ว่าเราจะต้องหาความดีจากเรื่องเหล่านั้นให้ได้" โดยเฉพาะการวัดกำลังใจของตนเอง เมื่อกระทบเรื่องไม่ดีก็ไม่หวั่นไหว เมื่อกระทบเรื่องดีก็ไม่เฟื่องฟู ต้องวางกำลังใจของเราอยู่ในอุเบกขารมณ์ให้ได้ ถ้าไม่ยินดียินร้ายกับอะไร ชีวิตก็จะง่ายขึ้นอีกมาก สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2025 เมื่อ 19:50 |
| สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|