#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อยากจะกล่าวถึงเรื่องอื้อฉาวในวงการคณะสงฆ์ช่วงนี้ เพื่อที่พวกเราจะได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง ก็คือเรื่องของพระมหาอุเทน ปัญญาปริทตฺโต ป.ธ. ๙ ที่โดนทางวัดชนะสงครามขับไล่ออกจากวัด ซึ่งความจริงท่านไม่ได้โดนไล่ออกจากวัด หากแต่ไล่ออกจากคณะ ๙ ที่สังกัดอยู่ แล้วคณะอื่น ๆ ไม่อยากมีปัญหา จึงไม่มีคณะไหนรับท่านเข้าไปอยู่ด้วย ทำให้ต้องออกไปหาวัดอื่นอยู่ต่อไป
แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็เพราะว่ามีฆราวาสเข้ามายุ่งเกี่ยว ก็คืออยู่ในลักษณะที่ว่าการขับไล่นั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย..กูจะบ้า..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เรื่องของคณะสงฆ์ต้องจัดการกันโดยพระธรรมวินัย ไม่ใช่จัดการกันโดยกฎหมายบ้านเมือง มึงจะหลงประเด็นกันไปใหญ่แล้ว..! แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ หลายต่อหลายเรื่องก็หลงประเด็นกันไปใหญ่โต อย่างเช่นว่าถ้าหากพระนำเงินสงฆ์ไปเป็นของตนเอง ก็คือต้องอาบัติปาราชิก คำว่าต้องอาบัติปาราชิกก็คือ ถ้าเงินเกิน ๑ บาท ก็แปลว่าขาดความเป็นพระไปเลย ไม่ใช่ต้องรอศาลมาตัดสินว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้วถึงจะโดนอาบัติ หากแต่ว่าโดนอาบัติทันทีที่ทำกรรมนั้นสำเร็จลง แต่ในปัจจุบันนี้ พอศาลชั้นต้นตัดสินก็ยังอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน กูก็ฎีกา ต่อให้ศาลฎีกาพิพากษายืน กูก็จะฟ้องศาลปกครองต่อไป จะหลงประเด็นกันไปถึงไหน ? เรื่องของพระเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินกันโดยพระธรรมวินัย ยกเว้นบางอย่างที่ไปละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หลังจากการตัดสินโดยธรรมวินัยแล้ว จึงมอบให้ทางบ้านเมืองเขาไปจัดการต่อ คราวนี้เรื่องของพระมหาอุเทนที่โด่งดังขึ้นมา ก็เพราะว่ามีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของ "คนตื่นธรรม" แล้วท่านไปฟันธงว่าเจ็บป่วยเพราะว่าไปล่วงเกินท่านแล้วไม่ขอขมา ซึ่งตรงนี้ต่อให้ใช่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ได้เลย จะเรียกว่ากล่าวหากันลอย ๆ ก็ได้ แต่เมื่อคนตื่นธรรมตอบโต้กลับขึ้นมา เรื่องก็ใหญ่โตไปอีก เพราะว่าท่านยังเล่นไม่เลิก แล้วก็ลามไปถึง "คุณแพรี่" อีกด้วย เพียงแต่ว่าอยู่ในลักษณะที่ท่านไปว่าคนอื่นเสีย ๆ หาย ๆ ต้องใช้คำว่าด่าเลย โดยเฉพาะคำว่า "อัปรีย์ จัญไร" หรือคำว่า "สลิดดก" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นคำที่แรงมาก..! ทางวัดชนะสงครามมีหนังสือคำสั่งให้หยุดความประพฤตินั้นลง เพราะว่าแม้กระทั่งทาง "คุณแพรี่" ยังมีสติยั้งคิด บอกว่าจะไม่ด่าท่านคืน แต่ท่านก็ยังไม่เลิก นี่กระผม/อาตมภาพว่าไปตามข่าวที่คนเขาส่งมาให้ แล้วก็ได้ดูคลิปบางส่วนที่เขาส่งมาให้ ข้อมูลอาจจะไม่ครบถ้วน แต่เป็นไปในลักษณะอย่างที่ว่านี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : 12-10-2025 เมื่อ 10:58 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ในเมื่อท่านเล่นไม่เลิก ทางเจ้าคณะ ๙ จึงมีคำสั่งให้พ้นจากคณะ ไปหาที่อยู่ใหม่ แต่ปรากฏว่าไม่มีคณะไหนอยากจะรับ "เผือกร้อน" เอาไว้ ท่านก็เลยต้องหาวัดอื่นอยู่ แล้วก็มี "ดราม่า" ขึ้นมาตรงที่ว่าท่านสร้างคุณงามความดีให้กับคณะสงฆ์ไว้มากมาย ทำไมไม่เห็นความดีกันบ้างเลยหรือ ? ตรงนี้กระผม/อาตมภาพก็ว่าหลงประเด็นอีก เพราะว่าการทำความดีก็คือความดี การทำความไม่ดีก็คือความไม่ดี จะเอามาปะปนหักล้างกันไม่ได้ พูดแบบนี้เดี๋ยวกระผม/อาตมภาพก็จะโดนไปด้วย..!
ทุกท่านจะต้องพิจารณาก่อนว่า ความจริงแล้วเรื่องนี้ ถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัยจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด ก็คือการที่พระภิกษุไปด่าว่าคฤหัสถ์เสีย ๆ หาย ๆ โดยปกติถ้าลงโทษกันตามพระวินัยก็คือต้องทำปฏิสารณียกรรม คือ บังคับให้พระรูปนั้นไปขอขมาต่อฆราวาส แบบเดียวกับที่คณะสงฆ์บังคับท่านสุธรรมเถรไปขอขมาท่านจิตตคฤหบดี แล้วท่านทั้งหลายลองพิจารณาดูว่า จากความประพฤติของท่านพระมหาอุเทน ถ้าบังคับแบบนั้นท่านจะไปไหม ? นี่คือข้อที่ ๑ ข้อที่ ๒ ก็คือ เมื่อคณะสงฆ์ตักเตือนแล้วท่านไม่ฟัง ยังคงด่าว่าต่อไปแบบเมามันมาก ลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าคณะสงฆ์ไม่เมตตา สวดประกาศขึ้นมา ท่านจะต้องอาบัติหนักก็คือสังฆาทิเสส ปัจจุบันนี้ทางด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งมติมหาเถรสมาคมออกมาแล้วว่า พระที่ต้องสังฆาทิเสส ถ้าสร้างความเสียหายมาก ให้ถอดยศถอดสมณศักดิ์ทั้งหมด แล้วค่อยดำเนินการเรื่องอื่นภายหลัง ก็แปลว่าถ้าทำในด้านนี้ แม้กระทั่งเปรียญธรรม ๙ ประโยคท่านก็จะโดนยึดไปด้วย..! หวังว่าทุกท่านคงจะจำสิกขาบทที่ ๑๒ ในสังฆาทิเสสได้ ก็คือ "ภิกษุว่ายาก สอนยาก ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดประกาศให้ละความประพฤตินั้น ถ้าไม่ละ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส" ก็แปลว่าคณะสงฆ์ท่านเมตตามากแล้วที่ไม่เล่นลงมาตรงนี้ ในเมื่อไม่มาตรงนี้ ทางด้านเจ้าคณะก็ใช้หลักการตามพระธรรมวินัย ก็คือ "ปัพพาชนียกรรม" ก็คือไล่ออกเสียจากหมู่ ด้วยความที่ไม่มั่นใจว่าท่านเองจะสามารถละความประพฤตินั้นได้หรือไม่ ถ้ามาร่วมหมู่กับตนเองแล้ว จะสร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่ของตนหรือไม่ บรรดาเจ้าคณะอื่นในวัดชนะสงครามจึงไม่มีใครรับเข้าคณะไว้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2025 เมื่อ 02:09 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
เรื่อง "ดราม่า" ก็ออกมาตรงที่ว่า แม้แต่ "คุณแพรี่" และ "คนตื่นธรรม" ก็บอกว่าให้อภัย ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็ติดต่อไป แต่คราวนี้ทางบรรดาทนายเข้ามายุ่งด้วย ทุกท่านจะเห็นว่าตั้งแต่บรรดานายแพทย์ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองบ้าง เล่นการเมืองบ้าง แล้วการเมืองบ้านเราเจริญไปถึงไหน ?
ปัจจุบันนี้บรรดาทนายก็ออกมาแสดงความเห็นในทุกเรื่อง เรื่องที่คนรู้สึกทุเรศที่สุดก็คือเรื่องของครูปรีชา แต่ปัจจุบันนี้ทนายจะออกมาฟ้องคณะสงฆ์วัดชนะสงคราม ว่าขับไล่พระมหาอุเทนไม่ถูกตามกฎหมาย กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า "คุณเป็นทนาย ยึดแต่กฎหมายบ้านเมือง แล้วลืมพระธรรมวินัยไปหรือเปล่า ?" เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ต้องจัดการตามพระธรรมวินัยก่อน ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอื่น แล้วค่อยว่ากันไปตามกฎหมายบ้านเมือง หรือว่าจารีตประเพณี เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่พวกเราซึ่งเป็นคนวงนอก ต้องพิจารณาให้ชัดเจนด้วย ไม่เช่นนั้นจะมีการเข้าข้างฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ แล้วก่อให้เกิดความแตกสามัคคีหนักขึ้น พูดง่าย ๆ ว่าทุกวันนี้เรื่องวุ่นวายในบ้านในเมืองของเรา ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากคนที่ไม่รู้จริงแล้วขยัน ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะทนเห็นความยุติธรรมไม่ได้ หรือต้องการ "หาแสง" ก็ไม่รู้ ? แต่ว่าทำให้สิ่งที่ถูกต้องผิดเพี้ยนกันไปมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือเรื่องที่บรรดาสื่อมวลชนต่าง ๆ ไปปั่นสารพัดข่าว เพื่อที่จะเอายอดวิว ยอดไลค์ ยอดโฆษณา โดยที่ไม่ได้สนใจว่าสังคมของเราจะบรรลัยขนาดไหน ?! แล้วก็ไปปั่นจน "ลุงพล บ้านกกกอก" กลายเป็นวีรบุรุษ กลายเป็น "ยูทูบเบอร์" ชื่อดัง ทำให้ตำรวจและศาลทำงานยากมาก จนกระทั่งสุดท้าย เมื่อหลักฐานต่าง ๆ ชัดเจน ศาลตัดสินลงโทษลุงพลไป บรรดาพวกที่โดนปั่นจากสื่อโซเชียลโดยไม่ลืมหูลืมตา ก็ยังไปโวยวายว่าศาลลงโทษผิดคน..! นี่คือความวิบัติของตรรกะและสังคมของเรา จากสื่อต่าง ๆ ทำให้เป็นไป แล้วก็น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ก็คือส่วนใหญ่เรามักจะเชื่อสื่อเสียด้วย..! จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณร แม่ชี และอุบาสกอุบาสิกา ทำอย่างไรที่เรารับเรื่องต่าง ๆ มาแล้ว ต้องมีสติ รู้พิจารณา เพราะว่าปัจจุบันนี้ AI สามารถสร้างได้ทุกเรื่อง วันนี้ก็มีโยมส่งคลิปมาให้ มีจระเข้คลานขึ้นบ้าน แล้วเด็กทารกปีนขึ้นไปบนหลังจระเข้ พอพ่อแม่วิ่งออกมา จระเข้ก็พาเด็กวิ่งหายลงบันไดไปเลย กระผม/อาตมภาพฟันธงทันทีว่า AI ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..! เพราะอันดับแรก พวกสัตว์เลื้อยคลาน ถ้ามีอะไรเกาะหลังจะสะบัดตัวทันที ประการที่ ๒ ก็คือเด็กทารกนั่งบนหลังจระเข้ไม่มีที่จับ จระเข้พุ่งไปด้วยความเร็วสุดตัว ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ยังหงายหลัง แต่เด็กตัวไม่โยกเลย..! ดังนั้น..สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ท่านได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัสในปัจจุบัน ปรุงแต่งให้เราแยกแยะยากขึ้น มากขึ้น พวกเรายิ่งต้องสร้างสติและปัญญาให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างมั่นคงมากกว่านี้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2025 เมื่อ 02:13 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|