กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-09-2025, 19:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,324
ได้ให้อนุโมทนา: 227,003
ได้รับอนุโมทนา 816,726 ครั้ง ใน 40,292 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-09-2025, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,954 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นขอเจริญพรขอบคุณคณะญาติโยมลูกศิษย์หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนา ที่มาเปิดโรงทานในงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปี และเป่ายันต์เกราะเพชร ทั้งที่เขาเปิดถึง ๓๐ กว่าโรงทาน ทำไมกล่าวถึงแต่โรงทานลูกศิษย์หลวงปู่แก่น ? ก็เพราะว่าท่านมาเปิดตั้งแต่วันนี้เลย ญาติโยมท่านใดที่ยังกินอาหารเย็นอยู่ สามารถเข้าโรงทานได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ถ้าถามว่าหลวงปู่แก่นคือใคร ? ก็คือหลวงปู่พระครูสุนทรกาญจนคุณ (พล ปญฺญาคโม ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์ ความจริงท่านชื่อ "พล" แต่ด้วยความที่ว่าในอดีตชาตินั้นเคยเป็นเพื่อนคู่หู บวชมากับ "เณรแก้ว" ซึ่งก็คือขุนแผนแสนสะท้าน อดีตเจ้าเมืองกาญจนบุรีนั่นเอง ในเมื่อ "เณรแก่น" เป็นเพื่อนกับ "เณรแก้ว" มาด้วยกัน บรรดาผู้ที่พอจะทราบเรื่องอดีตชาติของท่าน ก็เลยพากันเรียกท่านว่า "หลวงปู่แก่น" จนคนลืมชื่อจริงไปแล้ว

ในสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังอยู่วัดท่าซุง หลวงปู่แก่นท่านจะไปกับหลวงพ่อเจ้าคุณณรงค์ - พระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) ทุกครั้ง และเป็นพระเพียงสองรูปที่ได้รับอนุญาตพิเศษจากหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า "ทุกงานให้มาได้โดยไม่ต้องมีฎีกานิมนต์นะครับ" แล้วกระผม/อาตมภาพก็เป็นผู้ที่ต้อนรับพระอาคันตุกะ จัดที่พักถวายท่าน จึงสนิทสนมกับตั้งแต่บัดโน้นเป็นต้นมา

หลวงปู่แก่นท่านศึกษาวิชามาจากหลายครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ "สายเหนียว" จากจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี เหล่านี้เป็นต้น แต่ว่าท่านมีโอกาสศึกษาวิชาการจากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคด้วย ทั้งที่อายุกาลพรรษาของท่าน อย่างไรก็ไม่ทันหลวงปู่ปาน แต่จากที่ท่านเล่าให้ฟังก็คือ ได้อ่านประวัติหลวงปู่ปาน แล้วเกิดความเลื่อมใสมาก จึงเดินทางไปวัดบางนมโค ตั้งใจฝากตัวเป็นศิษย์ แล้วก็เจอหลวงปู่ปาน แบบที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า "ตัวเป็น ๆ" ต้อนรับขับสู้และรับท่านเป็นศิษย์ ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้..!

คนที่ไม่เข้าใจก็จะงงเป็นอันมากว่า หลวงปู่ปานมรณภาพไปนานจนป่านนั้นแล้ว ยังสามารถรับลูกศิษย์ได้ด้วยหรือ ? กระผม/อาตมภาพก็อยากจะเปรียบเทียบว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงก็มรณภาพไป ๓๐ กว่าปีแล้ว แต่ถ้านึกอยากจะตีกบาลอาตมภาพเมื่อไร ท่านก็โผล่มาเมื่อนั้น..! เพราะฉะนั้น..
เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้ามีบุญสัมพันธ์ มีกรรมสัมพันธ์กันมา เรื่องที่ไม่น่าเชื่อพวกนี้ก็สามารถบังเกิดขึ้นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2025 เมื่อ 01:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-09-2025, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,954 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เสียดายที่ว่ารุ่นพี่ท่านหนึ่ง ก็คือหลวงพี่ประทีป (พระใบฎีกาประทีป อตฺถทสฺสี) ซึ่งท่านคอยดูแลหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง อยู่ตลอดมา เป็นพยานหลักฐานเรื่องแบบนี้ได้ดีที่สุด แต่ว่าท่านได้ป่วยมรณภาพไปแล้ว..!

มีวันหนึ่งกระผม/อาตมภาพไปงานวัดท่าซุง เห็นหลวงพี่ประทีปหัวบวมเป็นรอยยาวเลย ถามว่า "พี่ไปโดนอะไรมาวะ ?"" ท่านบอกว่า "ป๋านะสิ.. เมื่อเช้านี้กูนึกว่าจะสึก ป๋าแกมาตอนไหนไม่รู้ ? ฟาดกบาลซะดาวขึ้นว่อนเลย..!" กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องบอกว่า "ไม่ต้องแปลกใจ ผมก็โดนแบบนี้เหมือนกัน..!"

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อไปงานวัดท่าซุง หลวงพี่ประทีปก็บอกว่า "เล็ก..กูจะตายห่..แล้วนะ..!" ถามว่า "พี่เป็นอะไร ?" ท่านเอามือกระผม/อาตมภาพไปจับแถวต้นคอ ข้างไหปลาร้าของท่าน บอกว่า "มึงคลำดูสิ..ลูกเบ้อเร่อเลย" ก็เลยคลำดู ปรากฏว่าร้อนฉ่าเลย ท่านบอกว่า "หมอบอกว่ากูเป็นมะเร็ง..!" ก็เลยบอกท่านว่า "ยินดีด้วยพี่..ตายห่..เมื่อไรมาหากันบ้างก็แล้วกัน..!" พระพี่พระน้องเขาพูดกันแบบนี้ คนไม่รู้เรื่องอยากจะสลบแทน..!

ก็คือ
ถ้าหากว่าเป็นพระที่ท่านวางกำลังใจได้แล้ว เรื่องของกายสังขารจะเจ็บจะป่วยอย่างไร ท่านไม่ได้สนใจ แต่คราวนี้ด้วยความที่หลวงพี่ประทีปท่านมรณภาพไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เลยไม่มีพยานว่า ถึงเวลาหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านอยากจะตีกบาลเมื่อไร แล้วท่านโผล่มาแบบไหน ?

แต่ว่าที่หลวงปู่แก่นท่านเล่าให้ฟังว่า ได้รับการถ่ายทอดวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรจากหลวงปู่ปานมาเอง กระผม/อาตมภาพเชื่อสนิทใจ เนื่องเพราะว่าตอนเดินทางข้ามไปพม่าครั้งแรก เมื่อนึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคยเกิดในประเทศพม่า ให้อนุเคราะห์สงเคราะห์ขอความสะดวกด้วย

ปรากฏว่าหลวงปู่ปานท่านมาเป็นรูปแรกเลย กราบเรียนถามท่านว่า "หลวงปู่เคยเกิดเป็นคนพม่าด้วยหรือครับ ?" ท่านบอกว่า "เกิดออกจะบ่อยไปลูก เพราะว่าพม่าก็เป็นดินแดนพระพุทธศาสนา ด้วยความที่ยึดมั่นในพุทธานุสติ เกิดครั้งไหนก็จะไม่หลุดจากดินแดนพระพุทธศาสนา จึงมีการเกิดในประเทศพม่าด้วย" กระผม/อาตมภาพก็ยังว่าหลวงปู่ท่านยึดมั่นมาก ถึงได้เกิดในดินแดนพระพุทธศาสนา ตัวกระผม/อาตมภาพยึดไม่แน่น หลุดไปเป็นแขกก็มี..!

เรื่องพวกนี้เล่าไปก็เหมือนเพ้ออยู่คนเดียว
แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายภาวนาจนกระทั่งจิตสงบ แล้วมีของเก่าที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นสายวิชชา ๓ อภิญญา ๖ หรือปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ก็ตาม สภาพจิตที่สงบได้ที่จะเหมือนกับน้ำนิ่ง สามารถสะท้อนเงาทุกอย่างลงไปได้ชัดเจนมาก เหมือนกับของจริง

แล้วที่เหนือกว่าของจริงก็คือ
นิมิตทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วย หนาว ร้อน หิว กระหาย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เหมือนกับเราพบด้วยตัวจริงทั้งหมด ก็คือชัดเจนถึงขนาดว่าลมพัดมากระทบร่างกายก็รู้สึก เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายค่อย ๆ ทำดู ถ้าใจสงบแล้วมีของเก่าอยู่ เรื่องพวกนี้จะปรากฏขึ้นเอง แต่ต้องมีสติระมัดระวังเอาไว้ด้วยว่า อย่าไปยึดติดกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเสียงานเสียการได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2025 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-09-2025, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,954 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องต่อไปก็ต้องเจริญพรขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยกันจัดสถานที่ ทำความสะอาด โดยเฉพาะของ ดร.บิ๊ก (พระศตวรรธน์ กุสโล) ที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องโรงทาน ทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อยแล้ว รอแต่เจ้าภาพมาตั้งของเท่านั้น

ส่วนท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าต้องการพระนิรันตรายสุด ๆ อย่างของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาอย่างชัดเจนแล้ว จากที่นายดาบตำรวจท่านหนึ่ง ทำหน้าที่ตำรวจจราจรมาเกิน ๓๐ ปี ท่านบอกว่าตั้งแต่ชันสูตรพลิกศพที่เกิดอุบัติเหตุจราจรมาแล้ว ไม่มีใครที่แขวนหลวงปู่ทวดแล้วตายเลยแม้แต่คนเดียว..!

หรือว่าท่านใดต้องการพระของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค แล้วมาน้อยอกน้อยใจว่าเกิดไม่ทัน เงินไม่ถึง ก็ให้ไปบูชาพระหลวงปู่ปาน กรุวัดคู้สลอด ที่ผู้มีจิตศรัทธาถวายมาร่วมบุญ ทั้งสองรายการนี้มีอยู่ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน

ไม่ทราบเหมือนกันว่าในเฟซบุ๊กวัดท่าขนุนมีหรือไม่ ? เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนไม่เล่นเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะไม่เล่น TikTok กลายเป็นคนหลุดโลก ถึงเวลาพรรคพวกส่งเรื่องอะไรมาก็ดูไม่ได้ เพราะไม่มีแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ แต่ของพวกนี้ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพตั้งราคาเองจะสูงกว่านั้นหลายเท่า แต่ในเมื่อเจ้าภาพขอราคาแค่นั้นก็แล้วไป โดยเฉพาะเจ้าของที่ส่งหลวงปู่ทวดมาให้ เป็นนักเล่นพระอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เท่ากับว่าอยู่ในพื้นที่เอง

พวกเราทั้งหลายถ้าหากว่าเล่นพระ หรือวัตถุมงคล ให้เล่นในเรื่องของพุทธคุณหรือพุทธานุภาพ อย่าไปเล่นตามท้องตลาด เนื่องเพราะว่าในท้องตลาดนั้น บางทีก็มีปั่นราคาจนเกินจริง แล้วกระผม/อาตมภาพก็เจอเซียนพระหลายคน มีกระทั่งชุดเบญจภาคีแต่ขายกินหมด ตัวเองแขวนพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ (พระราชสังวราภิมณฑ์) วัดประดู่ฉิมพลีอยู่องค์เดียว เนื่องเพราะว่ามีประสบการณ์เป็นที่เลื่องลือมาก เหล่านี้เป็นต้น

ใครที่ต้องการสิ่งที่ค่อนข้างแน่นอน ก็คือพระเครื่องที่คุ้มตัวเราได้แน่ ถ้าหากไม่มั่นใจก็หาสมเด็จวัดระฆัง หรือพระหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ได้ จะเป็นของเก่าหรือของเพิ่งทำก็ตาม พระเถระทั้งสองรูปให้พรเอาไว้ว่า
"ถ้าใครบูชาพระเครื่องนี้แล้วระลึกถึงท่าน จะเก่า จะใหม่ จะจริง จะปลอม ท่านจะให้การคุ้มครองรักษาเช่นเดียวกับของจริงที่ท่านทำเอง"

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2025 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว