#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ พวกเราก็มีรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็คงจะไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประชาชน นอกจากพวกพ้องและตัวเอง..! โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลย ที่บุคคลซึ่งเป็นคนต่างศาสนาและมีจำนวนเพียงเล็กน้อย แต่กลับมาเป็นผู้นำทางวัฒนธรรมของประเทศชาติ..!
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ อาจจะโดนเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งทำลายถึงฐานรากของประเทศไทย แต่เชื่อเถอะ..บรรดานักการเมืองไม่มีใครกังวลสนใจเรื่องของประเทศชาติหรอก นอกจากอำนาจเฉพาะตน ที่จะพาให้เขารุ่งเรืองและร่ำรวย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้มาบริหารประเทศ หากแต่มาเพื่อที่จะเกาะกินประเทศของเราต่างหาก..! โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นพรรคที่รังเกียจสถาบันหลักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะเป็นเจ้าของวาทกรรมที่ว่า "ทหารมีไว้ทำอะไร ?" "พระมหากษัตริย์มีไว้ทำอะไร ?" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายยังทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอด ปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาเกาะกิน ประเทศชาติของเราก็อาจจะพังทลายเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ตัวอย่างก็คือประเทศเนปาล สถาบันพระมหากษัตริย์โดนทำลายลงไป แล้วบรรดานักการเมืองก็ขึ้นมามีอำนาจแทน แต่ไม่ได้ทำอะไรซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประชาชนเลย นอกจากกอบโกยและโกงกินจนกระทั่งร่ำรวย ปล่อยให้ลูกหลานกร่างไปทั้งบ้านทั้งเมือง จนกระทั่งท้ายที่สุด ประชาชนก็ทนไม่ได้ ออกมาเผาบ้านเผาเมือง โดยที่ไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้..! ไม่เหมือนกับประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็น "วันมหาวิปโยค" ก็ดี หรือว่า "พฤษภาทมิฬ" ก็ตาม เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกมา ทุกอย่างก็โดนระงับยับยั้งลงอย่างราบคาบ เพราะว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คือเจ้าของประเทศชาตินั่นเอง แล้วพระองค์ท่านก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นคนไทย เป็นคนต่างด้าว เป็นไทยพุทธ เป็นคริสต์ เป็นอิสลาม เป็นฮินดู หรือว่าเป็นซิกข์ แต่ในสายตาของพระองค์ท่าน ทุกคนก็คือพสกนิกรที่พระองค์ท่านต้องดูแล เพื่อให้เขาเหล่านั้นอยู่ดีกินดี เพียงแต่ว่าบรรดานักการเมืองไม่ได้คิดแบบนี้ ไม่ได้เห็นแบบนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2025 เมื่อ 01:41 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ถ้าสมมติว่าประเทศไทยเป็นบริษัทบริษัทหนึ่ง บรรดาบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าของเรา ก็คือผู้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันก็คือผู้จัดการบริษัทนั้น จึงไม่มีใครต้องการที่จะทำให้บริษัทของตนพังทลายลงไป นอกจากต้องพยายามบริหารให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
แต่ว่าบรรดานักการเมืองของเรา ซึ่งเป็นบุคคลที่เปรียบเสมือนลูกจ้าง ที่ได้รับการว่าจ้างเพื่อให้บริหารบริษัทนี้ให้เจริญรุ่งเรือง แต่ปรากฏว่าทุกคนเข้ามาแล้ว ก็เบียดบัง กอบโกย โกงกิน เท่านั้นยังไม่พอ ยังพยายามที่จะล้มล้างเอาเจ้าของบริษัทเดิมออกไป โดยที่ไม่ได้สนใจว่าพนักงานชั้นล่างอีกจำนวนมากมายมหาศาลนั้น มีความต้องการอย่างไร ? สนใจอยู่อย่างเดียวก็คือ ถ้าอำนาจอยู่ในมือของตนเมื่อไร ก็จะทำการกอบโกย โกงกินกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้ว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพนักงานส่วนใหญ่ทั้งบริษัทก็ไม่สนใจ..! ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมภาษิตจีนที่ว่า "น้ำพยุงเรือให้ลอยได้ ก็สามารถล่มเรือได้" สักวันหนึ่งถ้าประชาชนทนไม่ไหว ก็จะออกมาลักษณะเดียวกับประเทศเนปาล หรือว่าอย่างในปัจจุบันก็คือประเทศฝรั่งเศส ที่มีการประท้วงกันอย่างหนักหนาสาหัส ถ้าท่านทั้งหลายสามารถที่จะปราบปรามได้ อย่างน้อยก็ต้องมือเปื้อนเลือด เสียประวัติ ทำให้วงศ์ตระกูลของตนเองฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน แต่ถ้าปราบปรามไม่ได้ ท่านทั้งหลายก็จะกลายเป็นบุคคลที่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่..! เพราะว่าไม่มีประชาชนคนไหนต้องการบุคคลที่เข้ามาโกงกิน โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วไป แล้วก็ไม่มีประชาชนคนไหนต้องการบุคคลที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แบบนั้น โดยเฉพาะบุคคลที่มีพ่อเป็นเขมร..! เมื่อเป็นใหญ่ในแผ่นดินขึ้นมา แทนที่จะทำความเจริญให้กับประเทศชาติบ้านเมืองของเรา กลับไปเกรงใจเพื่อนบ้านที่หาความดีไม่ได้ นอกจากคอยที่จะทำลายและทำร้ายเราอยู่ตลอดเวลา แต่ท่านก็ยังเห็นเขาเป็นพ่อ รู้สึกว่าอนาถใจมาก ไม่คิดเลยว่าบุคคลที่ได้ชื่อว่ามีชื่อเสียง มีฐานะ มีเกียรติในสังคม จะยอมลดตัวลงไปเป็นลูกไล่ของประเทศเล็ก ๆ ที่หาเครดิตไม่ได้ในสายตาชาวโลก พูดง่าย ๆ ว่าท่านไม่รู้สึกอับอายขายหน้า เรียกเขาเป็นพ่อได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่กระผม/อาตมภาพและประชาชนคนไทย อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2025 เมื่อ 01:44 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
อยากจะบอกว่าบรรดานักการเมืองนั้น มีสิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปไม่มี ก็คือความหน้าด้านและใจดำ คำว่า "หน้าด้าน" ก็คือ สามารถที่จะกลืนน้ำลาย หรือว่าพลิกลิ้นทุกอย่างได้ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง คำว่า "ใจดำ" ก็คือ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องแล้ว ต่อให้ชาวบ้านจะล้มตายสาหัสแค่ไหน ทหารตำรวจชายแดนจะบาดเจ็บล้มตายแค่ไหนก็ไม่สนใจ แถมยังเหยียบย่ำซ้ำเติมอีกด้วย..!
อยู่ในลักษณะที่ว่า มียามคอยดูแลให้บ้านของท่านปลอดภัย นอกจากไม่เห็นความดีแล้ว ยังตำหนิด่าว่ายามเสียอีก ว่าไร้ความสามารถ ต่อต้านบรรดาผู้ร้ายที่มาบุกรุกไม่ได้ ถึงขนาดบาดเจ็บล้มตาย จะจ้างเอาไว้ทำอะไร ? เหล่านี้เป็นต้น สิ่งที่บั่นทอนกำลังใจของบรรดาผู้เป็นรั้วของชาติก็ดี บั่นทอนกำลังใจของชาวบ้านทั้งหลายก็ตาม สักวันหนึ่งก็จะกลับมาสนอง ให้ท่านทั้งหลายกลายเป็นบุคคลที่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ในเวลาอันไม่นาน..! เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ไม่น่าที่กระผม/อาตมภาพจะต้องออกมาพูด แต่ก็ขอพูดเอาไว้ อย่างน้อยก็เป็นบันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง ประมาณว่าบ้านเราเมืองเราหาคนดีไม่ได้แล้ว เพราะว่าคนดี ๆ ไม่มีใครอยากจะลงไปเกลือกกลั้วในปลักโคลนโสมมแบบการเมือง จึงพากันถอนตัวหนีห่างออกไป ส่วนท่านทั้งหลายเมื่อเข้ามา ชื่อเสียงเกียรติภูมิ เกียรติยศ เกียรติศักดิ์ของวงศ์ตระกูลก็ไม่คำนึงถึง ถ้าสามารถทำให้ตนเองและพรรคพวกร่ำรวยขึ้นมาได้ มีอำนาจอยู่ในมือ ก็สามารถทำได้ทุกอย่างแบบหน้าด้าน ๆ ไม่ว่าใครจะมีคดีความอะไรก็ตาม กูก็สามารถใช้อำนาจในการกลบเกลื่อน หานักการเมืองหรือนักกฎหมายที่มีวาทะกรรมสวยหรู ออกมาพลิกลิ้น "กล่าวผิดเป็นถูก" "ชี้ม้าเป็นกวาง"..! เรื่องพวกนี้มีประวัติศาสตร์ในชาติอื่น ๆ เป็นจำนวนมากมาแล้ว ที่เห็นชัด ๆ อยู่ว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นเมื่อไร ประเทศชาติก็จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำดินเมื่อนั้น เนื่องเพราะว่าถึงเวลาชาวบ้าน ถ้าโดนกดอยู่จนทนอึดอัดไม่ไหว ก็จะระเบิดออกมา แล้วท่านทั้งหลายก็ได้เห็นเนปาลเป็นตัวอย่าง ได้เห็นฝรั่งเศสเป็นตัวอย่าง หรือว่าเห็นอดีตของประเทศไทยเป็นตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็น "เหตุการณ์๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖" "เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙" หรือว่า "พฤษภาทมิฬ ๓๕" ก็ตาม..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2025 เมื่อ 01:49 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ต่อให้ท่านทั้งหลายพยายามที่จะขอความเมตตาเท่าไร ประชาชนคนไทยก็คงจะรู้จักหลาบจำ แล้วท่านก็ไม่สามารถที่จะกลับคืนบ้านคืนเมืองตนเอง ดีไม่ดีตายแล้วแม้แต่กระดูกยังไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิ..! ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนั้น แทนที่จะมีคนเห็นใจ กลับมีแต่คนจะสมน้ำหน้า บุคคลที่มารยาทน้อยหน่อย ก็อาจจะมีการถ่มถุยให้อีกต่างหาก..!
ถ้าท่านคิดว่าสภาพแบบนั้น เหมาะสมกับตัวเองและวงศ์ตระกูลแล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งหลายทำประโยชน์เพื่อตนเองต่อไป รอเวลาที่หม้อน้ำทานแรงเดือดไม่ไหว ระเบิดออกมาเมื่อไร แล้วท่านก็จะได้รู้ว่าพลังประชาชนนั้นคืออะไร..!? สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพได้ไปทำหน้าที่นำญาติโยมทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เห็นญาติโยมตั้งใจไปทำความดีกันอย่างหนาแน่น ก็ยังรู้สึกปีติและปลื้มใจ ถ้าหากว่างานใหญ่ ก็คืองานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ในวันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๘ นี้ ญาติโยมทั้งหลายไปกันหนาแน่นแบบนี้ กระผม/อาตมภาพก็จะได้อาศัยบารมีพระ หรือว่าพรหมเทวดา ท่านช่วยกันอนุเคราะห์สงเคราะห์ รวบรวมกำลังใจของญาติโยมทั้งหมด ที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งเดียวนั้น ใช้ในการรักษาสถานการณ์ประเทศชาติของเรา อะไรที่หนักก็จะได้ผ่อนให้เบา อะไรที่เบาก็จะได้ทำให้หาย อย่างน้อย ๆ ให้ประเทศชาติของเราสามารถยืนหยัด ฝ่าวิกฤตโลก ซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่นานนี้แล้ว สามารถที่จะเอาตัวรอดท่ามกลางกระแสคลื่นลมสาหัสนี้ไปได้ จึงต้องขอยืมกำลังใจทุกท่าน โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวให้ชัดเจน แต่ก็ขอแสดงความขอบคุณขอบใจทุกคน ที่ให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2025 เมื่อ 01:51 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|