#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่ ๙ โมงเช้าจนป่านนี้ กระผม/อาตมภาพเข้าอบรมการทำบัญชีวัด และบัญชีทรัพย์สินของวัด ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยมีนางกุลิสราพ์ บุญทับ รองผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นวิทยากรร่วมกับท่านอื่น ๆ
ในเรื่องของบัญชีวัดนั้น ทุกครั้งที่ได้มีการตรวจสอบบัญชี กระผม/อาตมภาพต้องกราบเท้าขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เนื่องเพราะว่าพระเดชพระคุณท่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ในการทำบัญชีต่าง ๆ ด้วยความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง มีอยู่วันหนึ่ง ท่านเรียกกระผม/อาตมภาพเข้าไปหาภายในห้องทำงาน แล้วก็ชี้ไปที่ตู้ใบใหญ่ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นสมัยนี้ก็น่าจะประมาณตู้เสื้อผ้า พร้อมกับบอกว่า "แกช่วยค้นหาใบเสร็จรับเงินการซื้อเครื่องปั่นไฟให้หน่อย ข้าจะเอามาเปรียบเทียบกับราคาที่เขาเสนอมาตอนนี้ ว่าขึ้นไปกี่เปอร์เซ็นต์ น่าจะประมาณปี ๒๕๒๔" กระผม/อาตมภาพพอเปิดตู้ออกมาตอนแรกก็ใจหาย เนื่องเพราะว่าทุกตู้นั้น ทุกชั้นล้วนแล้วแต่มีแฟ้มใบเสร็จรับเงินต่าง ๆ แน่นไปหมด แต่เมื่อเห็นที่สันแฟ้มแล้วก็โล่งใจ เพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านแยกให้เรียบร้อย ว่าแต่ละแฟ้มแต่ละปีเป็นใบเสร็จของ พ.ศ.ไหน กระผม/อาตมภาพแค่หาไม่กี่แฟ้ม ก็เจอใบเสร็จรับเงินการซื้อเครื่องปั่นไฟฟ้าเครื่องเก่าแล้ว จึงได้นำถวายให้หลวงพ่อท่าน และกำหนดจดจำวิธีการทำงานของท่านไว้ขึ้นใจ ถ้าไม่มีการแยกแยะละเอียดแบบนี้ คาดว่ากระผม/อาตมภาพคงใช้เวลาทั้งวันกว่าที่จะค้นหาเจอ แล้วเมื่อออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี ได้ทำการก่อสร้างต่าง ๆ ไปเป็นเวลา ๘ เดือน วันหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็ปรากฏตัวมาอยู่ต่อหน้าต่อตา ถามว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบด้วยความภูมิใจ กึ่งจะอวดกับครูบาอาจารย์ว่า "ไม่มีเลยครับ ผมผลักลงเป็นสังฆทานทั้งหมด..!" หลวงพ่อท่านถามต่อไปว่า "แล้วแกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ไม่ทราบครับ ?" "แล้วแกใช้เพื่อส่วนตัวไปเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ไม่ทราบครับ" เท่านั้นเอง ไม้เท้าที่ท่านที่ถือมาก็ลงกบาลเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..! พร้อมกับสั่งว่า "ไปรื้อบัญชีทำใหม่ให้หมด เงินทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร ? จ่ายไปเรื่องอะไร ? ถ้ามีใครตรวจสอบ เราต้องชี้แจงเขาได้ทั้งหมด..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2025 เมื่อ 14:11 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพจึงต้องมานั่งตูดด้าน ทำบัญชีที่ไม่ได้แยกแยะเงินสงฆ์ เงินสังฆทาน เงินส่วนตัว มาเป็นเวลา ๘ เดือนแล้ว ยิ่งทำก็ยิ่งปวดหัว ท้ายที่สุดก็ใช้วิธีว่า ๘ เดือนแรกไม่มีเงินส่วนตัว คือผลักเข้ารวมเป็นเงินสงฆ์ทั้งหมด..! เดือนที่ ๙ จึงแยกแยะเงินถวายส่วนตัวออกมา
ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครตรวจสอบบัญชีของวัดท่าขนุน ย้อนหลังไปถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี จะเห็นว่าในปี ๒๕๓๖ นั้น กระผม/อาตมภาพจะไม่มีเงินส่วนตัวอยู่ใน ๘ เดือนแรก เพราะว่าต้องตัดใจทิ้งไปเลย ขืนมัวแต่ไปค้นหายอดอยู่ ก็อาจจะเครียดจนเส้นเลือดสมองแตกไปเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นถึงได้แยกแยะเงินส่วนตัวและเงินสังฆทานออกจากกัน คราวนี้จากที่ท่านรองผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินบรรยายมานั้น ประเภทเงินที่เกี่ยวข้องกับวัดมีอยู่ทั้งสิ้น ๔ ประเภท ประเภทที่ ๑ เงินแผ่นดิน ได้แก่ เงินนิตยภัต หรือที่หลายคนแกล้งโง่เรียกว่า "เงินเดือนพระ" หรืองบประมาณที่ได้จากเงินอุดหนุนของภาครัฐ เช่นเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด หรือ เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นต้น เงินประเภทนี้ต้องดำเนินการตามประกาศมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๑/๒๕๖๐ ประเภทที่ ๒ เงินผลประโยชน์ ได้แก่ เงินค่าเช่าที่ เงินจากการค้าขายสิ่งของของวัด เงินที่งอกเงยมาจากศาสนสมบัติของวัด เงินส่วนนี้ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหา แต่ว่าวัดในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะมีการให้เช่าที่จัดประโยชน์บ้าง เช่าอาคารพาณิชย์ที่เป็นของวัดบ้าง ต้องปวดหัวมาแยกแยะออกจากบัญชีเงินส่วนอื่น ประเภทที่ ๓ เงินจากการกุศล ได้แก่ เงินกฐิน เงินผ้าป่า หรือ เงินบริจาคที่เจาะจงว่าให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ต้องจัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค หรือว่าตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ก่อนรับบริจาค ประเภทที่ ๔ เงินส่วนตัว ได้แก่ เงินที่ถวายเพื่อใช้ส่วนตัวของพระภิกษุรูปนั้น ๆ หรือว่าเงินที่ออกกิจนิมนต์ต่าง ๆ ในส่วนนี้จะเป็นเงินที่ใช้ได้สบายใจที่สุด เพราะถือว่าเป็นเงินส่วนตัว ต่อให้ไม่ทำบัญชีเลยก็ได้ แต่กระผม/อาตมภาพก็ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว แม้ว่าจะเป็นบัญชีอย่างง่าย ก็คือรับทางซ้ายจ่ายทางขวาก็ตาม แต่ก็ได้ทำมาจนสามารถตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี ๒๕๓๖ ก็คือปีที่ออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ที่ทองผาภูมิ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2025 เมื่อ 01:08 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
คราวนี้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมีปัญหา ก็ต่อเมื่อวัดวาอารามนั้น ๆ ไม่เคยทำบัญชีมาก่อน หรือว่าทำบัญชีก็จริง แต่การใช้จ่ายมั่วไปหมด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะต้องปวดหัวหนัก อย่างที่เคยพบมาก็คือ การทำบัญชีของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ส่วนใหญ่แล้วไม่มีการทำบัญชีรายวัน รายเดือน หากแต่เป็นการทำบัญชีรายปี ส่วนใหญ่ก็จะหลง ๆ ลืม ๆ ว่าซื้ออะไรบ้าง ? จ่ายอะไรบ้าง ? เหล่านี้เป็นต้น
แล้วนิสัยพระส่วนหนึ่งก็คือ ไม่ค่อยขอใบเสร็จรับเงินเอาไว้ กระผม/อาตมภาพเองนั้นขอใบเสร็จรับเงินเอาไว้เสมอ แต่ด้วยความที่ว่าโยกย้ายหลายครั้ง จากศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี ซึ่งปัจจุบันคือสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ไปอยู่วัดโน้นบ้าง วัดนี้บ้าง เพื่อช่วยเขาบูรณปฏิสังขรณ์ ทำให้ไม่สามารถที่จะแบกใบเสร็จรับเงินเป็นตู้ ๆ ตามไปด้วย จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ต้องทิ้งเอาไว้ที่นั่น แล้วก็โดนเขาชั่งกิโลขายบ้าง เกะกะสถานที่แล้วโดนเขาขนไปเผาทิ้งบ้าง แล้วใบเสร็จรับเงิน หรือว่าค่าใช้จ่ายในปัจจุบันนี้ กระผม/อาตมภาพก็ยังไม่มีเวลาไปแยกแยะให้เป็นแต่ละปีเสียด้วย จึงเป็นเรื่องอะไรที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก หากว่าใครมาตรวจสอบ กระผม/อาตมภาพก็จะชี้ให้ดูตู้เอกสาร ๔ ชั้น ซึ่งอยู่ ๒ ข้างโต๊ะทำงานว่า ให้ไปค้นหาเอาเองก็แล้วกันว่า รายจ่ายแต่ละครั้งนั้น มีใบเสร็จรับเงินอยู่ที่ใดบ้าง ? แต่ยังโชคดีอยู่ตรงที่ว่า วัดวาอารามของเรานั้นเป็นนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่มีปัญหาจนเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ไม่เสียเวลาเข้าไปตรวจสอบ จะตรวจสอบก็เฉพาะในส่วนของเงินแผ่นดิน ก็คือส่วนที่อุดหนุนในการบูรณปฏิสังขรณ์วัด หรือว่าการอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นต้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ส่วนราชการต่าง ๆ จึงลำบากกว่าวัดมาก กระผม/อาตมภาพขอถวายกำลังใจให้แก่พระสังฆาธิการทุกรูป ที่เป็นตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไปว่า เรื่องของบัญชีนั้นดูเหมือนว่าจะยาก แต่ถ้าทุกท่านทำอย่างกระผม/อาตมภาพก็จะง่าย ก็คือทุกวันก่อนนอนจะลงบัญชีให้เรียบร้อย หรือถ้าหากว่าหมดสภาพนอนไปก่อน ตื่นขึ้นมาต้องรีบลงบัญชีให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้เกินไปจากนั้น ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะกำหนดจดจำไม่ได้ แล้วเมื่อถึงเวลาต้องส่งบัญชี เราก็จะเหลือแค่เดือนสุดท้าย หรือบรรทัดสุดท้ายเท่านั้น ลงไปก็เป็นอันว่าจบ ทำหนังสือนำก็ส่งผู้บังคับบัญชาได้เลย ถ้าท่านทำลักษณะนี้ก็ค่อนข้างจะสบาย ไม่ต้องเครียด ยกเว้นว่าปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมู ปีหนึ่งค่อยมาหาตัวเลขกันทีหนึ่ง ก็ต้องมา "นั่งเทียน" "ยกเมฆ" กันอุตลุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2025 เมื่อ 01:17 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
แล้วที่สาหัสก็คือ ปีงบประมาณของทางราชการนั้นจะคร่อมปีเก่าด้วย อย่างเช่นว่าปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ก็คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ แต่ว่าท่านได้ "นั่งเทียน" "ยกเมฆ" ในการส่งบัญชีตามปีของคณะสงฆ์ ซึ่งนับวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ไปแล้ว
เมื่อถึงเวลาต้องมาส่งตามปีงบประมาณ แล้วเกิดไป "นั่งเทียน" "ยกเมฆ" ใหม่ แล้วเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ๒๕๖๗ ของท่าน ที่ได้ "นั่งเทียน" "ยกเมฆ" ตัวเลขไปแล้ว พอมาทำตามปีงบประมาณดันจำไม่ได้..! เอกสารต้นฉบับก็ไม่ได้เก็บไว้ เพราะว่าพาซื่อส่งไปตามลำดับชั้นเสียแล้ว สำเนาอะไรก็ไม่ได้ถ่ายเอาไว้ เกิดท่าน "นั่งเทียน" "ยกเมฆ" ตัวเลขใหม่แล้วไม่ตรงกับที่ผ่านมา โอกาสที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจะมีสูงมาก..! ในเรื่องนี้พระเดชพระคุณพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ได้กำชับกองงานเลขานุการคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิว่า ให้เก็บเอกสารรายงานของเจ้าอาวาส และเจ้าสำนักสงฆ์ทุกรูปเอาไว้ ไม่ว่าจะเก็บในลักษณะของแผ่นกระดาษ หรือว่าเก็บในลักษณะสแกนเป็นไฟล์ก็ตาม ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักสงฆ์มาขอดูข้อมูลเก่าเพื่อให้ตัวเลขตรงกัน เราต้องมีให้เขาดูทันที ตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นวิสัยทัศน์ของหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอ ที่ไม่อยากให้พระลูกวัดลูกคณะของตนเองต้องเดือดร้อน ไหน ๆ กองงานเลขานุการก็เหนื่อยแล้ว ขอให้เหนื่อยทีเดียวได้ประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย ก็คือทั้งประโยชน์ของกองงานเลขานุการ และประโยชน์ของทางด้านเจ้าอาวาสด้วย..! ดังนั้น..ในเรื่องของบัญชีต่าง ๆ ถ้าท่านทั้งหลายทำตามที่กระผม/อาตมภาพทำก็จะไม่เครียด และไม่หนักหนาสาหัส แต่ถ้าท่านทั้งหลายรอจนครบปี แล้วค่อยมา "นั่งเทียน" "ยกเมฆ" กัน ท่านอาจจะกลายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีสิทธิ์ที่จะโดนจับสึกหาลาเพศ ติดคุกติดตารางไปเลยก็ได้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2025 เมื่อ 01:20 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|