#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดสว่างชาติประชาบำรุง ตำบลกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อทำการตรวจยกบ้านยางพัฒนา ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบประจำปี ๒๕๖๘
ในการตรวจยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ครั้งนี้ รูปแบบต่าง ๆ ก็คล้ายคลึงกับสถานที่อื่น เพียงแต่ว่าในระหว่างช่องว่างของกิจกรรม บรรดากรรมการต่าง ๆ กลับมาพูดคุยถึงการที่นายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งสร้างวีรเวรวีรกรรมไว้กับพระภิกษุสงฆ์เอาไว้มาก ทำหนังสือร้องเรียนต่อรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องที่ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการโยกย้ายครั้งนี้ หรือว่าในการปรับเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ ที่ไม่มีชื่อของตนอยู่ด้วย ซึ่งถ้าหากว่าทุกท่านได้ฟังสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดไปตั้งแต่ช่วงนั้น ก็จะได้ยินชัดเจนอยู่แล้วว่า บุคคลที่อยู่ในลักษณะเหยียบคนอื่นเพื่อก้าวขึ้นไปสู่ที่สูง บรรดาผู้บังคับบัญชาไม่มีใครโปรดบุคคลประเภทนี้ เนื่องเพราะว่าเผลอเมื่อไร ตนเองก็อาจจะถูกเหยียบไปด้วย..! ดังนั้น..แทนที่บรรดาคณะกรรมการตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านศีล ๕ จะกล่าวถึงเนื้อหาเรื่องราวของหมู่บ้านนั้น ๆ ตามที่เคยพูดคุยกันในครั้งก่อน ๆ ก็กลายเป็นว่ามาอนุโมทนากับผู้บังคับบัญชา ที่ไม่ปรับเลื่อนให้กับนายตำรวจท่านนั้น ต้องอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า "กรรมใดใครก่อ" บางท่านก็บอกว่า "ผลกรรมสมัยนี้ติดจรวด" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่มีความเห็น เพราะว่าได้ให้ความเห็นไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งที่มีวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือ การที่ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เชิญท่านแม่ทัพภาคที่ ๒ ไปงานของมหาวิทยาลัย แล้วมีนักศึกษาที่ได้ชื่อว่าเป็นปัญญาชนจำนวนหนึ่ง ได้ทำเอกสารประท้วง ในลักษณะที่ว่าแม่ทัพภาคที่ ๒ นั้น ยืนเหยียบอยู่บนซากศพทหาร ประมาณว่าอาศัยศพลูกน้องก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นใหญ่..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2025 เมื่อ 01:56 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพเองบอกไปว่า "ถ้านักศึกษาของเรามีความคิดเพียงแค่นี้ ก็น่าสงสารอนาคตของประเทศชาติเราเป็นอย่างมาก" เนื่องเพราะว่าท่านเป็นแม่ทัพภาคตั้งแต่ก่อนที่จะมีเหตุรบกับเขมรในสงคราม ๕ วัน ไม่ใช่ว่ารบกับเขมรจนลูกน้องบาดเจ็บล้มตาย แล้วท่านถึงได้เป็นแม่ทัพภาค ๒
ขณะเดียวกัน ก็อยากจะสอบถามนักศึกษาเหล่านั้นเหมือนกันว่า "ท่านมีเชื้อสายเขมรหรือเปล่า ?" ถ้าเป็นภาษาโบราณเขาบอกว่า "เห็นขี้ดีกว่าไส้" ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าบรรดาสุภาษิตในลักษณะนี้ เด็กรุ่นใหม่นี้จะได้ศึกษาไว้บ้างหรือไม่ ? แต่ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น กระผม/อาตมภาพเชื่อว่าท่านแม่ทัพภาคก็คงไม่ได้หวั่นไหวไปกับการกระทำแบบนั้น ความจริงจะว่าไปแล้ว สถาบันของตนเองเป็นผู้เชิญท่านไป ไม่ใช่ท่านตะเกียกตะกายขอไปเอง แล้วตนเองที่อยู่ในสถาบันก็มาทำการประท้วง ต้องเรียกว่าไร้มารยาทสุด ๆ..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าเด็กสมัยนี้ศึกษาเกี่ยวกับอะไรกันบ้าง แต่ว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น ดูท่าว่าจะไม่สามารถที่จะศึกษาเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยเสียด้วย..! บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติของเรา ทำให้เราไม่สูญเสียแผ่นดิน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกยำเกรง แต่ว่าพวกเรากลับมาทำในสิ่งที่ "ดิสเครดิต" กันเอง ทำเอาคณะกรรมการโครงการหมู่บ้านศีล ๕ บ่นกันว่า "พวกเราคงจะเหนื่อยกันอีกมาก เพราะว่าโครงการที่พวกเราทำอยู่ ก็คือโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา" ที่เรียกกันเป็นภาษาชาวบ้านว่าโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่มีความปรองดองสมานฉันท์ต่อกัน แล้วจะให้บุคคลอื่นปรองดองสมานฉันท์โดยฝ่ายเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้ อยู่ในลักษณะที่เรียกว่า "กลัวสถานการณ์จะดีเกินไป" ก็เลยออกมาแสดงความคิดเห็น ที่ท่านก็คงจะคิดว่าเท่มาก เพราะว่าไปรับเอาแนวคิดมาจากพรรคการเมือง ซึ่งทำตัวเป็นศัตรูต่อสถาบัน..! โดยเฉพาะคำถามประเภทที่ว่า "มีทหารเอาไว้ทำอะไร ?" ก็เลยทำให้เด็กรุ่นใหม่เห็นความเท่ตรงนี้ โดยที่ชาวบ้านทั่วไปรู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว คาดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าท่านทั้งหลายไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็เตรียมตัว "สูญพันธุ์" ได้เลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2025 เมื่อ 02:00 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงควรทำนั้น เราท่านต้องตั้งสติให้ดี เนื่องจากว่าส่วนใหญ่แล้ววัยรุ่นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย นอกจากต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับของคนอื่น แล้วก็มักจะคิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถที่จะตัดสินใจทำอะไรได้ด้วยตนเอง
โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เลี้ยงดูตนเองมา ส่งเสียให้เล่าเรียน ก็โดนนักการเมืองฝ่ายนั้นปั่นหัวว่า ไม่มีบุญคุณอะไรหรอก เพราะว่าต้องทำหน้าที่ของพ่อแม่อยู่แล้ว ลักษณะตรรกะวิบัติแบบนี้ ก็ดันมีคนที่สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ไปเชื่อถือเสียด้วย ทำเอาสังคมของเราปัดเป๋ไปอยู่ในขณะหนึ่ง ถ้าเราท่านทั้งหลายไม่ตั้งสติเอาไว้ให้ดี คอยที่ระมัดระวัง ช่วยกันประคับประคองเอาไว้ สังคมของเราก็อาจจะออกนอกลู่นอกทางไปมากกว่านี้ สำหรับการตรวจยกบ้านยางพัฒนาขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ นั้น เป็นหนึ่งในสถานที่ของ "ชนเผ่า" หรือที่เรียกกันว่า "ชาติพันธุ์" ในสมัยนี้ ก็คือเป็นหมู่บ้านไทยทรงดำ ซึ่งสมัยกระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่เรียกกันว่า "ลาวโซ่ง" โดยเฉพาะมีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นลาวโซ่งจำนวนมาก เรียนหนังสือมากด้วยกัน คบหาเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน จนกระทั่งตนเองสามารถที่จะพูดและฟังภาษาลาวโซ่งได้ไม่น้อยเลย ภาชนะข้าวของการใช้บางอย่าง ก็จะมีภาษาเรียกเป็นของตนเอง อย่างเช่นว่าหีบห่อสำหรับเก็บข้าวของ เขาเรียกว่า "ขมุก" ขณะที่ภาษาไทยเรียกกันว่า "สมุก" เป็นต้น แม้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความต่าง แต่ก็เป็นความงดงามทางภาษาและวัฒนธรรม ด้วยความที่บรรดาชาติพันธุ์หรือว่าชนเผ่าต่าง ๆ มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองอย่างชัดเจน แต่ก็มีวัดเป็นศูนย์รวม ทำให้สามารถที่จะอยู่ร่วมกันกับคนไทยพื้นถิ่น หรือว่าชนชาติอื่น ๆ ได้อย่างมีความสุข เราจะเห็นได้ว่า ความจริงแล้ววัดนั่นแหละที่เป็นพื้นฐาน หรือว่าเป็นรากฐานสำคัญ ในการประสานสามัคคีของชนชาติไทย สมกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในทุกยุคทุกสมัย ได้ฝากภาระธุระให้กับพระภิกษุสงฆ์ของเรา เพื่อทำหน้าที่เป็นหลักให้แก่ชุมชนโดยตลอดมา ถึงขนาดพระราชทานสมณศักดิ์ให้เพื่อความสะดวกในการทำงาน มีการพระราชทานนิตยภัต คือค่าภัตตาหารให้ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานของท่าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : 27-08-2025 เมื่อ 08:21 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
แต่ว่าปัจจุบันนี้โดนบิดเบือน หรือว่าโดนบุคคลกล่าวหาว่าเป็นเครื่องทำให้พระภิกษุสงฆ์ของเราเสียหาย โดยเฉพาะระดับรัฐมนตรี ถึงขนาดจะสังคายนาพระ มีการตรวจสอบหมายเลขบัตรประจำตัว ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ถึงขนาดตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดเพื่อหาสารเสพติด..!
กระผม/อาตมภาพอยากจะเรียนท่านรัฐมนตรีว่า ในเมื่อท่านมั่นใจในความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตนเองว่า ไม่เคยโกง ไม่เคยกิน ไม่เคยคอรัปชั่นอะไรเลย ก็อย่าพูดแต่ปาก กรุณาบอกมาให้ชัดเจนว่า การตรวจสอบของท่านมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้กระทำกันอย่างถูกต้อง ไม่ได้สักแต่พูดเพื่อเอาหน้า อยู่ในลักษณะของการหาเสียงเท่านั้น โดยที่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดความเสียหายกับสถาบันของพระพุทธศาสนา โปรดดูตัวอย่างของนายตำรวจท่านนั้นด้วยว่า เพิ่งจะล่วงเกินเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไปไม่นาน กรรมก็ติดจรวดมาถึงตนแล้ว ถ้าท่านรัฐมนตรีมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง คิดว่าจะกระทำหน้าที่เพื่อชำระศาสนาให้บริสุทธิ์จริง ๆ ก็กำหนดขั้นตอนมาให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพอยากรู้เหมือนกันว่าระดับรัฐมนตรี ถ้าหากว่าฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะเป็นประชาชนพิเศษ ก็คือพระภิกษุสามเณร แล้วท่านจะได้รับกรรมอย่างไรบ้าง ?! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2025 เมื่อ 02:05 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|