เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘

[พิชวัฒน์]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อวานนี้ กระผม/อาตมภาพได้ทำการตรวจยกชุมชนบ้านซก อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘

เมื่อเห็นความอุดมสมบูรณ์ต่าง ๆ ของทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ที่ชาวบ้านนำมาจัดนิทรรศการ ตลอดจนกระทั่งบรรดาคุณครูและเด็กนักเรียน ซึ่งจัดโครงการเกี่ยวกับศีล ๕ แล้วก็รู้สึกว่า การที่บ้านเราเมืองเราอุดมสมบูรณ์เช่นนี้แหละ จึงทำให้ชาติอื่นเขาอยากได้แผ่นดินไทยกันนัก..!

แต่ก็เป็นเรื่องแปลกว่าที่คนไทยจำนวนหนึ่ง ไม่ทราบว่าสืบเชื้อสายมาจากใคร ? นอกจากที่จะไม่รักชาติ ไม่รักแผ่นดิน ไม่รักสถาบันแล้ว ยังอยู่ในลักษณะ "ชังชาติ" อีกต่างหาก พยายามที่จะหาทางบ่อนทำลายสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในทุกวิถีทาง โดยเฉพาะบรรดาท่านซึ่งประชาชนเลือกมาเป็นตัวแทน ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลซึ่งได้รับความเชื่อถือจากประชาชนหมู่ใหญ่ กลับอยู่ในลักษณะไร้เดียงสาสิ้นดี..!

แต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่คนส่วนใหญ่ตั้งใจกระทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ท่านผู้มีเกียรติก็จะค้านไปเสียทุกเรื่อง กลัวว่าคนอื่นจะไม่เห็นว่าตนเองมีอารยะ กลัวว่าประเทศชาติจะไม่เจริญบรรลัยตามชาติตะวันตกเขาไป..! พูดง่าย ๆ ว่า "เห็นฝรั่งเป็นพ่อ" หยิบเอาทฤษฎีประมาณว่าอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ขึ้นมาบอกมากล่าวอยู่เสมอ

อย่างเช่นว่าทหารล้อมรั้วลวดหนาม ก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรม เพราะว่าทำให้ประชาชนของอีกประเทศหนึ่งไม่สามารถที่จะไปมาหาสู่กันได้ ถามจริง ๆ เถอะท่าน สส.ผู้ทรงเกียรติ ว่าบ้านของท่านมีรั้วหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีก็จงรื้อทิ้งไปเสีย เพื่อที่คนอื่นเขาจะได้เข้าบ้านของท่านโดยสะดวก ถ้าท่านยังมีรั้วบ้านอยู่ แปลว่าท่านไร้มนุษยธรรม ไม่เห็นความเป็นมนุษย์ของคนอื่น..!

สิ่งพวกนี้ กระผม/อาตมภาพเองไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านศึกษามาอย่างไร ? ถึงขนาด "เห็นฝรั่งเป็นพ่อ" แบบนั้น ก็แปลว่าต้องศึกษาเมืองนอกเมืองนามาไม่น้อยเลย แต่ว่าท่านกลับยกเอาทฤษฎีลม ๆ แล้ง ๆ เหล่านั้นมา ถ้าหากว่าเพื่อนบ้านของเราเป็นผู้ที่น่ารัก รู้จักบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนก็ว่าไปอย่างหนึ่ง

แต่ว่านี่เขาทั้งหลายนอกจากไม่รู้จักบุญคุณ ในยามที่ทุกข์ยากเดือดร้อนแล้วได้รับความช่วยเหลือจากคนไทย พอถึงเวลามีเรี่ยวมีแรงก็แว้งมากัดเราทุกครั้ง..! บุคคลประเภทนี้ ถ้าท่านนำเอาหลักมนุษยธรรมไปใช้ ก็เสียทีที่เรียนมาสูงขนาดนั้น ไม่รู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ ซึ่งถ้าท่านบุคคลประเภทนี้ก็มีแต่รอวันสูญพันธุ์ตามไดโนเสาร์ไปเท่านั้น..!

[เถรี]

แม้กระทั่งการที่เด็กนักเรียนของอีกประเทศหนึ่ง ข้ามมาเรียนที่ฝั่งไทยเป็นร้อยเป็นพัน กระผม/อาตมภาพในฐานะพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งควรจะมีเมตตากรุณา ยังรู้สึกเลยว่าเราทำบุญคุณกับเขาขนาดนี้ เขาโตขึ้นแล้วจะระลึกถึงบุญคุณคนไทยหรือเปล่า ? เพราะว่าเราไม่มีหลักสูตรสอนให้คน "ชังชาติ" แบบนั้น..!

ในเมื่อไม่มีหลักสูตรประเภทนั้น เขาเองกลับบ้านไปแล้ว ถ้าโดนล้างสมองให้มาเกลียดชังคนไทย ก็เป็นเรื่องที่น่าอนาถมาก เพราะว่าความรู้ความสามารถทุกอย่างก็รับไปจากไทย จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า "ควรที่จะปิดด่าน ไม่ให้เด็กเหล่านี้มาเรียนที่เมืองไทยเสียด้วยซ้ำไป..!" ก็คือแทนที่จะใช้หลักเมตตากรุณา เราก็ใช้หลักอุเบกขาแทน.."

แต่ว่าเห็นทหารไทยของเรานึกถึงมนุษยธรรม ปฏิบัติในสิ่งที่สมควรแล้ว ก็ยังชื่นใจว่าเรามีสถาบันทหารที่เข้มแข็งมาก ทุกท่านที่สละความยากลำบากของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไปยืนหยัดเป็นรั้วให้กับประเทศชาติของเรา ไม่ว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ อาสาสมัครทหารพราน หรือว่าตำรวจตระเวนชายแดน

แม้กระทั่งชาวบ้านที่ถึงเวลาก็ช่วยหาข้าวหาปลาไปส่งให้กับแนวหน้า บรรดาอินฟลูเอ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ช่วยหาเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยปกป้องชีวิตของทหารหาญเรา หรือว่าปกป้องชีวิตของประชาชนเรา ทุกคนร่วมมือเป็นอย่างดี ต่อให้ทำอะไรไม่เป็น ช่วยซักเสื้อซักผ้าให้ทหารก็ยังเอา..!

เรื่องพวกนี้ท่านกลับไม่เห็น แต่ไปเห็นตามแนวทางที่ "พ่อฝรั่งของท่าน" สอนเอาไว้ ว่าจะต้องมีมนุษยธรรม แล้วกูก็ไปทิ้งระเบิดที่บ้านนั้น กูก็ขายอาวุธให้บ้านนี้ กูก็ยุให้บ้านโน้นทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือว่าเขาอบรมให้ท่านมีสันดานเหล่านี้ติดตัวมา ถึงไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ หากแต่คิดถึงประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูอยู่เสมอ..!

สิ่งหนึ่งประการใดที่คนเขาทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม กูต้องค้านทุกเรื่อง กูต้องแสดงความเห็นทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาจะเห็นว่ากูไร้ความสามารถ ขอโทษเถอะท่านผู้ทรงเกียรติ ความสามารถแบบของท่านนี้ ประเทศชาติของเราน่าจะไม่ต้องการ...!

[เถรี]

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์เจริญพระชนมายุขึ้น ๗๔ พรรษาแล้ว ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงวิกฤติ เนื่องเพราะว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงก็ดี เสด็จในกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาก็ตาม ตลอดจนกระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ ต่างก็อยู่ในลักษณะประชวร เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่โรงพยาบาลไปตาม ๆ กัน ซึ่งพระองค์ท่านเป็นบุคคลที่ต้องบอกว่า ควรที่สุดที่จะหวงแหนแผ่นดิน ที่บรรพบุรุษของพระองค์ท่านสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องเอาไว้ให้พวกเรา และพระองค์ท่านเองในสมัยที่ยังหนุ่มอยู่ ก็ทรงออกรบด้วยพระองค์ท่านเอง

เพียงแต่ว่าขณะที่พระองค์ท่านเริ่มอายุกาลผ่านวัยมากขึ้น วิกฤตการณ์ในครอบครัวบีบคั้นเข้ามารอบด้าน แทนที่พวกเราจะยืนหยัด สมัครสมานสามัคคีกัน เพื่อที่จะได้เป็นขวัญและกำลังใจของประชาชนส่วนใหญ่ พูดง่าย ๆ ก็คือดูแลประเทศชาติ ก็คือบ้านหลังใหญ่นี้แทนพระองค์ท่าน ซึ่งต้องคอยดูบุคคลที่รักรอบข้าง ซึ่งเข้าโรงพยาบาลอยู่ แต่ตัวท่านผู้ทรงเกียรติเองกลับอยู่ในลักษณะสุมฟืนสุมไฟ เผาบ้านเผาเมืองตนเอง ท่านคิดว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง สมควรที่จะทำเช่นนั้นหรือ ?

สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คู่อยู่กับชาติไทยของเรามาเป็นระยะเวลาช้านาน ถ้านับตั้งแต่กรุงสุโขทัยมา ก็ ๗๐๐ กว่า เกือบ ๘๐๐ ปีแล้ว ท่านเองกลับทำในสิ่งที่บ่อนเซาะสถาบันเหล่านี้แบบไร้ยางอาย ไม่คิดเลยว่าคนอื่นจะรู้เช่นเห็นชาติหรือไร ?

ขอบอกว่าประชาชนคนไทยนั้น รักใครรักจริง แต่ถ้าหากว่าเกลียดใครก็เกลียดจริงเหมือนกัน ถ้าท่านทั้งหลายยังไม่เปลี่ยนความประพฤติของตนเอง นอกจากจะสร้างเวรสร้างกรรมใส่ตัวแล้ว ถึงเวลากรรมทั้งหลายเหล่านั้นก็จะส่งผล อย่าลืมว่า "น้ำสามารถพยุงเรือได้ น้ำนั้นก็สามารถล่มเรือได้เช่นกัน..!"

เรื่องพวกนี้ไม่สมควรที่กระผม/อาตมภาพ ในฐานะนักบวชในพระพุทธศาสนาจะออกมาพูด แต่ถ้าหากว่าไม่เป็นเสียงหนึ่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะของการจุดเทียนในที่มืด ท่านทั้งหลายก็จะคิดว่าประชาชนคนไทยในประเทศนี้ แทนที่จะกินข้าวก็กินหญ้า สามารถที่จะจูงจมูกได้ทุกคน..!

ขอบอกว่าคนที่เขาไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รู้ หากแต่เขารู้ และรู้ด้วยว่ากาลเทศะคืออะไร ? เขาจึงยังไม่พูดสิ่งทั้งหลายที่ตนเองคิดออกมา เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็ยังถือว่าเป็นการสมัครสมานสามัคคีในประเทศชาติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าท่านมีวุฒิภาวะ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ตน แต่ว่าท่านทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามทั้งหมด จึงเป็นเรื่องที่ควรประณามเสียมากกว่า..!

[เถรี]

ทำให้ประชาชนทั้งหลายซึ่งเลือกท่าน หรือว่าพรรคของท่านเข้ามา ได้เห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มากขึ้น จะได้หูตาสว่างเสียทีว่า ผู้แทนอันทรงเกียรติของท่านนั้น ได้ทำในสิ่งที่ขัดต่อความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่อย่างไร ส่วนเมื่อเขาเห็นชัดเจนแล้ว จะมีการตัดสินใจอย่างไร ก็คงไม่ต้องให้กระผม/อาตมภาพชี้แนะและชักนำ คิดว่ากรรมทั้งหลายที่ท่านได้คิด ได้พูด ได้ทำ อันอยู่ในลักษณะบ่อนทำลายสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็คงจะสนองตัวท่าน ตลอดจนกระทั่งคนรอบข้างที่ท่านรักในระยะเวลาอันไม่นาน

กระผม/อาตมภาพอยากจะฝากบอกแก่ญาติโยมทั้งหลายอย่างหนึ่งว่า อย่าคิดว่าบุคคลที่เขาทำท่าเป็นพรรคพวก ช่วยเหลือสนับสนุนประเทศไทยของเรา เขาจะมาดีทั้งหมด ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ประเทศชาติของเรานั้นอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาก ช่วยกันจับตาดู อย่าให้รัฐบาลโง่ ๆ ของเราไปรับปากให้ประเทศใดประเทศหนึ่งเข้ามาตั้งฐานทัพเป็นอันขาด เพราะว่าท่านกำลังเอาไฟบรรลัยกัลป์เข้ามาเผาบ้าน เนื่องจากว่าโบราณบอกว่า "อยู่ในระหว่างเขาควาย" ก็คือไม่ว่าจะเอียงไปข้างไหนก็อันตรายทั้งสิ้น ยกเว้นว่าท่านจะทำตัวเป็นกลางเหมือนอย่างช่วงที่ผ่านมา จึงจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้..!

ขอให้ทุกท่านช่วยกันจับตา อย่าให้ สส. หรือนักการเมือง ตลอดจนรัฐบาลทั้งหลายของเรากระทำอะไรซึ่งเป็นเรื่องโง่ ๆ อยู่ในลักษณะเผาบ้านเผาเมืองของเรา เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ต้องช่วยกันออกมาคัดค้านให้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจจะไม่เหลืออะไรเลย นอกจากซากปรักหักพังจากช้างสารที่มาชนกันในบ้านเรา..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)