#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อคืนกระผม/อาตมภาพต้องรอไอ้ตัวเล็ก (นางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล) ผู้ดูแลเว็บไซต์วัดท่าขนุน และเฟซบุ๊กวัดท่าขนุน นำเอาปัจจัยที่ท่านทั้งหลายร่วมบุญมา ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร ร่วมบุญจองผ้าไตรกฐินวัดท่าขนุน หรือว่าร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินวัดท่าขนุน นอกจากเอาปัจจัยไปส่งแล้ว ยังต้องรับวัตถุมงคลไป เพื่อที่จะส่งให้กับผู้จองหรือว่าเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่เป็นเจ้าภาพผ้าไตร หรือว่ากฐินวัดท่าขนุน
ปีนี้กระผม/อาตมภาพมอบพระขุนแผนเคลือบ หลังบรรจุผงสังฆาฏิ ๒๒ พระสุปฏิปันโน ซึ่งทำกล่องไว้สำหรับงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศพระครูวิลาศกาญจนธรรม เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ให้แก่ญาติโยมซึ่งจองผ้าไตรกฐินมาไตรละ ๑ องค์ และอีกส่วนหนึ่งก็คือพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน (พิมพ์เล็ก) ที่ท่านทั้งหลายร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินวัดท่าขนุนกองละ ๓๐๐ บาท ซึ่งพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดินนี้ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์เล็กหรือว่าพิมพ์ใหญ่ก็ตาม เป็นวัตถุมงคลที่กระผม/อาตมภาพใช้ "พระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษ" ในการปลุกเสกตั้งแต่ต้นจนจบ พูดง่าย ๆ ว่าท่านใดที่ใช้พระคาถาเงินล้านเป็นปกติ สามารถนำไปเป็นพุทธานุสติ ช่วยตอนที่เราภาวนาพระคาถาได้เป็นอย่างดี อีกส่วนหนึ่งก็คือวัตถุมงคลในกระทู้ร่วมบุญทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร ซึ่งกระผม/อาตมภาพนำเอาบรรดาวัตถุมงคลที่สะสมเอาไว้ มาลงให้ท่านทั้งหลายได้บูชา แต่ว่าของบางอย่างก็ต้องลุ้นจนตัวเกร็ง ประมาณว่า "จะได้คืนหรือเปล่า ?" ซึ่งในครั้งที่ผ่านมาก็ได้นำเหรียญหลวงพ่อกวยรุ่นแรก ปี ๒๕๐๔ หลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าออกให้บูชา พร้อมกับนั่งลุ้นสุดชีวิตว่าจะได้รับคืนมาหรือไม่ ? พร้อมกับเหรียญโล่ และเหรียญแจกแม่ครัว ตลอดจนกระทั่งเหรียญหลังพระคาถานะโมตาบอด ปรากฏว่าบุคคลที่รู้จักของดีนั้นมีน้อย ทำเอากระผม/อาตมภาพโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายบูชาไป ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะหาคืนได้ในราคาเดิมหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่าเหรียญรุ่น ๑ ปี ๒๕๐๔ นี้ สภาพแย่ขนาดไหนก็ตาม ราคาในท้องตลาดก็ล้านขึ้นทั้งนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:07 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ของบางอย่างที่ยอมนำเอาออกมาให้บูชา ก็อยู่ในลักษณะที่ "เสี่ยงดวง" เหมือนกัน บางอย่างก็ต้องพยายามที่จะทำให้ทุกท่านไม่สนใจสุดชีวิต อย่างเช่นว่าตลับสีผึ้ง ก็ต้องเอาเจลแอลกอฮอล์ล้างมือลง เช็ดแล้วเช็ดอีก ถูแล้วถูอีก จนมีสภาพเหมือนใหม่ ทั้ง ๆ เป็นของที่ออกมา ๔๐ กว่าปีแล้ว เป็นต้น
ในเมื่ออยู่ในลักษณะแบบนี้ ท่านทั้งหลายบางทีก็คิดว่า กระผม/อาตมภาพหวงของ แต่ความจริงของบางอย่างที่หาคืนได้ยาก ก็มีความรู้สึกไม่อยากจะสูญเสียไปเหมือนกัน ไอ้ตัวเล็กเมื่อรับวัตถุมงคลไปแล้ว ก็เดินทางฝ่าฝนและรถติดกลับ ส่วนกระผม/อาตมภาพต้องเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดชลบุรี ทำหน้าที่คณะกรรมการในการตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต่อไป แต่ในที่นี้ไม่ขอกล่าวถึงในเรื่องของการตรวจประเมิน แต่มากล่าวถึงเรื่องร้อนในวงการสงฆ์ ซึ่งมีผู้ที่ออกแนวเกลียดชังพระพุทธศาสนา พยายามที่จะตัดงบประมาณทุกอย่างของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติลง ดังที่กระผม/อาตมภาพได้ขอให้ทุกท่านร่วมกันคว่ำบาตรไปแล้ว แต่ก็ยังมีบรรดาผู้ที่เข้าถึงธรรมในพระพุทธศาสนา ให้คำแนะนำมาว่า พระพุทธเจ้าสอนเราว่า เวรต้องไม่ระงับด้วยการจองเวร กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เกาหัวตัวเอง เนื่องเพราะว่าบรรดาผู้เข้าถึงธรรมแบบนี้ แต่ว่ากลับนำเอาหลักธรรมมาใช้ไม่ถูกกับสถานการณ์ กระผม/อาตมภาพเคยยกตัวอย่างลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจไปอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนเป็นช่วงยาว ๆ หลายครั้งหลายหน แต่ว่าเมื่อไปทำงานแล้วก็โดนเจ้านายให้ออกเสียทุกครั้ง..! ครั้นสอบถามไปแล้วจึงได้รู้ว่า เขาเป็นบุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติในกรรมบถ ๑๐ เพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์ในวัตรปฏิบัติของตน ก็เลยเกรงว่าจะต้องพูดอะไรในลักษณะเพ้อเจ้อ ส่อเสียด โกหก หรือว่าไปพูดแล้วทำให้เขาแตกร้าวกัน จึงใช้วิธีไม่พูดกับใครเลย เพื่อนฝูงผู้ร่วมงานสอบถามอะไรก็นิ่ง ผู้บังคับบัญชาติดตามงานก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เพราะเกรงว่าจะผิดกรรมบถ ๑๐ จึงโดนเชิญออกจากงานไปเสียทุกแห่ง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:10 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ลักษณะแบบนี้คือบุคคลประเภท "เถรตรง" หรือจะว่าเป็นบุคคลที่ใช้หลักธรรมไม่ถูกต้องกับสถานการณ์ เป็นการยึดหลักธรรมตายตัวในลักษณะพลิกแพลงไม่เป็น ต้องบอกว่าขาดปัญญาเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้ง ๆ ที่หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และอยู่ร่วมกับสังคมเป็นอย่างดีมาก
ท้ายสุดบุคคลผู้นี้ก็ตัดสินใจเลิกนับถือพระพุทธศาสนา หันไปถือศาสนาคริสต์แทน เพราะว่าวัตรปฏิบัติไม่ได้เคร่งครัดเหมือนกับหลักธรรมของชาวพุทธ ตามที่เขาเล่าให้ฟัง แต่กระผม/อาตมภาพก็มั่นใจว่า ถ้าหากว่ายังใช้หลักทางพระพุทธศาสนาก็ดี ศาสนาอื่นก็ตาม แบบ "เถรตรง" ในลักษณะแบบนี้ต่อไป ก็คาดว่าท่านอาจจะต้องเปลี่ยนศาสนาไปเรื่อย ๆ จนกว่าที่จะหายโง่เสียที..! ว่าหลักธรรมทุกอย่างเป็นของดี เพียงแต่เราใช้ผิดกาลเทศะเท่านั้น เมื่อได้ยินคำตักเตือนของบุคคลผู้เข้าถึงธรรม ให้ไม่ระงับเวรด้วยการจองเวร กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ทอดถอนใจว่า บุคคลประเภทนี้มีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ..! อีกประการหนึ่งก็คือการที่ไอ้ตัวเล็กรับผิดชอบในเรื่องของเงินทองแทนวัด โดยที่ได้รับการมอบหมายจากกระผม/อาตมภาพแล้วก็ตาม แต่ว่าระยะนี้เมื่อมีข่าวคราวของบุคคลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินวัด จึงมีผู้ที่สงสัยโทรมาสอบถามอยู่ทุกวันว่า "เหตุใดจึงให้ฆราวาสไปยุ่งเกี่ยวกับเงินพระ ?" โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงให้มีไวยาวัจกรในการทำหน้าที่ทั้งหลายเหล่านี้แทน เพราะว่าถ้าพระภิกษุของเราไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทองโดยตรง บรรดาผู้ฉลาดทั้งหลายเหล่านี้ก็จะตำหนิหนักขึ้นไปอีก..! เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่ผู้ชายนั้นหาได้ยากมาก เพราะว่าทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีงานประจำทั้งสิ้น ครั้นใช้เจ้าหน้าที่ผู้หญิง เมื่อญาติโยมโทรมา พอได้ยินเสียงผู้หญิงก็ยิ่งอาละวาดหนักเข้าไปอีกว่า เบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับวัดก็ดี เบอร์โทรศัพท์ของพระก็ตาม ทำไมถึงมีผู้หญิงเป็นผู้รับโทรศัพท์ ? กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจว่า ถ้าท่านไม่มีความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็ไปหาสถานที่ซึ่งท่านไว้วางใจและทำบุญได้อย่างสบายใจจะดีกว่าหรือไม่ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:13 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่าเป็นผู้มีกรรม ในตอนแรกให้พี่เขยของตนเองมาช่วยขับรถวัดให้ ขับได้ประมาณ ๒ ปีเศษก็ขออนุญาตบวช แล้วก็มรณภาพในผ้าเหลืองไปเลย..!
ครั้นมาให้น้องชายของตนเองช่วยขับรถให้ ขับได้ปีกว่า ๆ ก็ขอบวชอีก และตอนนี้ก็ธุดงค์หายเข้าป่าไปสุดหล้าฟ้าเขียว เพื่อแสวงหาธรรมเฉพาะตน ให้หลานชายของตนมาขับให้ ขับได้ประมาณ ๗ เดือนเศษ ก็หนีไปขอบวชกับหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.๙) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร จนป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ที่ไหน ? จนกระทั่งต้องเอาน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งนับแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และอาจจะอยู่ในฐานะศักดิ์ตระกูลสูงกว่าเสียด้วยซ้ำมาขับรถให้ จึงพอที่จะทนอยู่ได้มาหลายปี เพราะว่าจะให้ไปโกนศีรษะบวชชี ก็คงจะไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง..! ระยะแรก ๆ ชาวบ้านก็ช่วยกันจับผิดแบบสาหัสสากรรจ์ พูดง่าย ๆ ว่าน้องเล็กต้องใช้น้ำตาล้างหน้าอยู่ทุกวัน ประมาณว่าตั้งใจมาทำความดีแท้ ๆ ทำไมถึงต้องมากีดกันบีบคั้นกันจนขนาดนี้ ? ครั้นเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นสิ่งที่เขาระแวง ทุกคนก็ค่อยผ่อนผันและยอมรับได้ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาทางสายของคณะสงฆ์ก็สังเกตอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งมีเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดกาญจนบุรี โดนผู้บังคับบัญชาขอให้ลาสิกขาไป เนื่องเพราะว่าให้ผู้หญิงขับรถให้เช่นกัน ท่านก็อ้างว่า "แล้วทำไมวัดท่าขนุนถึงทำได้ ?" ทำเอาหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชวิสุทธิเมธี ถึงกับโวยใส่หน้าว่า "อาจารย์เล็กแกพยายามที่จะกลับให้ถึงวัดก่อนค่ำแทบทุกครั้ง ส่วนคุณออกจากวัด ๔ ทุ่ม กว่าจะกลับมาก็ตี ๓ ตี ๔ แล้วจะให้ผมคิดอย่างไรว่าคุณให้ผู้หญิงขับรถแล้วบริสุทธิ์ใจจริง ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:15 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อกระผม/อาตมภาพได้ยินดังนั้นถึงได้รู้ว่า สิ่งที่เราทำนั้นนอกจากอยู่ในสายตาชาวบ้านตลอดเวลาแล้ว แม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ยังสังเกตอยู่ตลอด และท้ายที่สุดสิ่งที่เราตั้งใจทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็อยู่ในลักษณะกลายเป็นที่ยอมรับได้
ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะมีงานการคณะสงฆ์ที่ไหนก็ตาม ทุกวัดตลอดจนกระทั่งพระสังฆาธิการแทบทุกรูป ก็ไม่เคยเห็นน้องเล็กเป็นคนอื่น แม้กระทั่งในหมู่คณะกรรมการและอนุกรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ทุกคนก็เรียกใช้ไหว้วานเหมือนอย่างกับคนของตัวเอง ทำให้ไปนึกถึงภาษิตโบราณที่ว่า "หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน" แต่ขอโทษเถอะ..ก็จะมีบรรดาผู้ที่ปัญญามาก เข้าถึงธรรมสูง อยากจะเห็นความบริสุทธิ์บริบูรณ์ของพระพุทธศาสนา ตำหนิติเตียนหรือต่อว่ามาเป็นประจำ ๆ แต่ว่าหลังจากที่โดนมาหลายปี ก็ทำให้น้องเล็กมีภูมิต้านทานเพียงพอ ที่จะใจเย็นอธิบายให้ท่านทั้งหลายฟังแบบไม่เบื่อไม่หน่าย ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพบอกว่าให้บล็อกเบอร์ทิ้งไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปพูด แต่ก็ยังอุตส่าห์ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ อธิบาย ยกเว้นเวลาที่ขับรถอยู่ ก็จะบอกว่ากำลังขับรถ ไม่สามารถที่จะคุยโทรศัพท์ได้นาน ขออนุญาตวางหูก่อน หลังจากนั้นมีเวลาว่างแล้วค่อยโทรไปอรรถาธิบายใหม่ กระผม/อาตมภาพยังคิดว่าน้องเล็กสมควรที่จะเป็นพระมากกว่ากระผม/อาตมภาพอีก เพราะว่ามีเมตตากรุณามาก แต่กระผม/อาตมภาพนั้น ส่วนใหญ่มีแต่อุเบกขา หรือไม่ถ้ามีงี่เง่ามาก ๆ ก็อาจจะว้ากใส่ไปเลย..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:16 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|