กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-03-2025, 18:20
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,938
ได้ให้อนุโมทนา: 225,208
ได้รับอนุโมทนา 800,447 ครั้ง ใน 39,357 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-03-2025, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังมหาวิหารอนุสรณ์ ๑๐๐ ปีพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) หมู่ที่ ๑ ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เพื่อร่วมงานทำบุญประจำปี ตามที่ได้รับฎีกานิมนต์จากพระครูปลัดสุวัฒนรัตนคุณ (สมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง และเป็นรุ่นน้องที่เคยอยู่วัดท่าซุงมาด้วยกัน

มหาวิหารอนุสรณ์ ๑๐๐ ปีพระราชพรหมยานนั้น แต่เดิมเรียกกันว่าศาลา ๑๒ ไร่ สร้างขึ้นโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เนื่องเพราะว่าในตอนแรกนั้น ทางวัดท่าซุงใช้ศาลาพระพินิจอักษร ซึ่งจะอยู่ด้านข้างของอุโบสถ ถ้าหันหน้าเข้าหาอุโบสถก็อยู่ทางด้านซ้ายมือของเรา แต่ปรากฏว่าในปี ๒๕๒๕ มีการเป่ายันต์เกราะเพชร ญาติโยมไปกันล้นหลาม จนต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าศาลาถึง ๔ - ๕ รอบ หลวงพ่อท่านจึงปรารภสร้างศาลา ๒ ไร่ขึ้นมาแทน

แต่ศาลา ๒ ไร่นั้นก็ใช้ได้แค่ ๒ ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกก็คือวันที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖ ครั้งที่ ๒ คือวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ปรากฏว่าญาติโยมไปกันล้นหลาม จนกระทั่งดันเอาประตูยืดของศาลา ๒ ไร่ซึ่งปิดกั้นคนเอาไว้ด้านนอกพังลงไปบานหนึ่ง..! พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านถึงได้สร้างศาลา ๔ ไร่ขึ้นมา

เมื่อ ๒ บวก ๔ รวมกันเป็น ๖ ไร่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับศรัทธาญาติโยมอยู่ดี ท่านถึงได้สร้างศาลา ๑๒ ไร่ขึ้นมา แล้วก็มีการปรับปรุงใหม่ ในวาระครบ ๑๐๐ ปีชาตกาล หรือว่าวันเกิดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ทางวัดได้มีการปรับปรุงศาลา ๑๒ ไร่ จนกระทั่งกลายเป็นมหาวิหารอนุสรณ์ ๑๐๐ ปีพระราชพรหมยานอย่างที่เห็น

บอกง่าย ๆ ว่าศรัทธาญาติโยมนั้นน่ากลัวมาก ๆ ถ้าถามว่าน่ากลัวขนาดไหน ? ปี ๒๕๓๐ กระผม/อาตมภาพได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ให้เป็นผู้พรมน้ำมนต์ให้กับญาติโยมทั้งหลายที่มาทำการสะเดาะเคราะห์ในศาลา ๑๒ ไร่ โดยที่ให้บรรดาทหารแบกเอาแท็งค์น้ำขนาด ๒,๐๐๐ ลิตร ขึ้นไปบนสะพานลอย ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างศาลา ๒ ไร่กับศาลา ๑๒ ไร่ แล้วก็ทำการเสกน้ำมนต์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2025 เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-03-2025, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพมีหน้าที่ยืนพรมน้ำมนต์ให้กับญาติโยมที่หลั่งไหลออกจากศาลา ๑๒ ไร่เมื่อเสร็จงานแล้ว ผลก็คือใช้เวลาพรมน้ำมนต์อยู่เป็นชั่วโมง ๆ จนกระทั่งน้ำที่บรรจุอยู่ในแท็งค์ ๒,๐๐๐ ลิตรหมดเกลี้ยง ตัวกระผม/อาตมภาพซึ่งโดนน้ำมนต์ทีละหยดสองหยด จากการพรมให้กับญาติโยมที่หลั่งไหลจากประตู ๑๒ ไร่ออกมา จนกระทั่งตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัว เหมือนอย่างกับเอาน้ำราดตนเองเป็นถัง ๆ เลย..!

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเสร็จงานแล้ว กระผม/อาตมภาพยกแขนไม่ขึ้นไป ๗ - ๘ วัน ก็คือล้าจนกระทั่งไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนตัวเอง เพราะว่าพรมน้ำมนต์ให้กับญาติโยมที่หลั่งไหลออกมาเป็นชั่วโมงทีเดียว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพก็เข็ดผู้คนจำนวนมาก ๆ และพยายามหนีงานที่มีคนมาก ๆ มาโดยตลอด

การที่ไปยังศาลา ๑๒ ไร่ในครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพยังบอกกับท่านเจ้าคุณพิชิตชัย - พระราชปัญญาโสภณ (พิชิตชัย อภิชโย ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๓ วัดบพิตรพิมุข ว่า "กลับมาเยี่ยมบ้านเก่า" แล้วก็หัวเราะเฮฮากัน

เนื่องเพราะว่าตัวกระผม/อาตมภาพก็ดี พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสุนทร (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรีก็ดี ท่านเจ้าคุณพิชิตชัยก็ดี หรือว่าหลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำงานเกี่ยวกับการตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งงานนี้ไม่ว่าจะเป็นกรรมการหลัก หรือว่าคณะอนุกรรมการก็ไปกันมากมาย จนกระผม/อาตมภาพบอกว่า น่าจะเปิดประชุมคณะกรรมการเรื่องเกี่ยวกับการตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบที่นี่กันได้เลย ทำเอาทุกคนหัวเราะเฮฮาชอบใจกันมาก

เมื่อถึงเวลา ญาติโยมทั้งหลายซึ่งหลั่งไหลกันไปในศาลา ๑๒ ไร่จนน่าชื่นใจ ก็ร่วมกันสมาทานศีล และฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ ตามมาด้วยการกล่าวสัมโมทนียกถา โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ประธานคณะกรรมการสาธารณสงเคราะห์คณะสงฆ์ไทย เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดโพธิ์ แล้วก็ร่วมกันทำบุญ ก็คือให้บรรดาผู้ที่ได้รับนิมนต์ไปร่วมงาน นั่งเป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมทำบุญ ซึ่งญาติโยมที่เห็นกระผม/อาตมภาพแล้วดีอกดีใจ เฮกันเข้ามาทำบุญ โดยที่ก้าวข้ามบรรดาเด็ก ๆ ที่กั้นเป็นเลนให้เดินไปเลยก็มี จนเจ้าหน้าที่ต้องมาตักเตือนว่าให้เดินไปตามลำดับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2025 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-03-2025, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จจากการทำบุญแล้ว กระผม/อาตมภาพตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะถวายปัจจัยเอาไว้ที่วัดท่าซุงแห่งนี้ เนื่องเพราะว่าโดยนิสัยแล้วก็คือทำตามคำสั่งครูบาอาจารย์ตลอดชีวิต พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าเงินเกิดขึ้นที่ไหนให้ทิ้งไว้ที่นั่น พูดง่าย ๆ ว่าไปที่วัดไหน มีคนร่วมบุญด้วย กระผม/อาตมภาพก็จะทิ้งเอาไว้ที่วัดนั้นเสมอ

มีเพียงครั้งเดียวที่ไม่สามารถจะทิ้งเอาไว้ได้ ก็คืองานภาวนาพระคาถาเงินล้านที่ลานน้ำพุเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นประธานในงาน ญาติโยมทำบุญมา ๔ แสนกว่าบาท แต่ว่าผู้จัดงานนั้นกลับเป็นฆราวาส กระผม/อาตมภาพไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเอาเงินจากศรัทธาญาติโยม ซึ่งก็คือสังฆทานดี ๆ นี่เอง ไปมอบให้กับเจ้าภาพที่เป็นฆราวาสได้อย่างไร เนื่องเพราะว่าไม่ใช่สงฆ์ จึงเป็นงานเดียวที่ได้ติดเงินที่รับทำบุญจากญาติโยมกลับวัด และไปลงบัญชีสังฆทานไว้แทน

ในเมื่อเวลาฉุกละหุกมาก เพราะว่าเลยเพลไปมากแล้ว กระผม/อาตมภาพรวบถุงได้ก็ถวายให้หลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ซึ่งเป็นระดับครูบาอาจารย์ ตั้งแต่สมัยที่เป็นพระบวชใหม่ หลวงพ่อโอท่านเดินไม่ค่อยจะถนัด ญาติโยมประคองซ้ายประคองขวาอยู่ รับถุงใส่เงินจากกระผม/อาตมภาพแบบงง ๆ ทักทายกันได้แค่ไม่กี่คำ กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวขึ้นรถออกจากวัดท่าซุงมาหาข้าวกล่องฉันกลางทาง เนื่องเพราะว่าต้องรีบกลับไปยังวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อจัดกระเป๋าเตรียมที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นภายในคืนนี้

การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในคืนนี้นั้น ได้รับนิมนต์จากคุณเผือกน้อย (นายเฉลิมเดช รุจิราวรรณ) ผู้ซึ่งทำหน้าที่ถอดบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ จากเสียงเป็นอักษรมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น จนคนเขาแซวกันว่า "น่าจะไปแอบมีลูกเอาไว้ที่ประเทศญี่ปุ่น จนต้องเดินทางไปเยี่ยมบ่อย ๆ กระมัง ?"

เมื่อกระผม/อาตมภาพปรารภในสิ่งที่คาใจว่า เคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อโตคามากุระ คุณเผือกน้อยจึงได้นิมนต์ให้กระผม/อาตมภาพไป และต้องการให้เกิดความแปลกใหม่ในชีวิต จึงได้ทำการจองตั๋วรถไฟ เพื่อที่จะเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งเป็นขนส่งสาธารณะมีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น พูดง่าย ๆ ว่าตลอดระยะเวลาซึ่งอยู่ญี่ปุ่นนั้น เราจะเดินทางด้วยรถไฟเกิน ๙๕ เปอร์เซ็นต์ กระผม/อาตมภาพเองชอบอะไรที่ง่าย ๆ และแปลกใหม่แบบนี้อยู่แล้ว จึงได้เผลอตกปากรับคำไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2025 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-03-2025, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อมีการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองตั๋วรถไฟต่าง ๆ เอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปรากฏว่ามาปีนี้สิ่งของต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นขึ้นราคาไปมหาศาล เนื่องเพราะว่าประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าให้กับคนไทย เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ จึงทำให้คนไทยจำนวนมหาศาล แห่กันไปกิน แห่กันไปเที่ยว

จนกระทั่งทำให้ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในการสนับสนุนให้ชาวนาปลูกข้าว โดยที่มีแนวคิดว่า ต้องการให้อาชีพนี้มีความยั่งยืน จึงสนับสนุนโดยการซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูงมาก ๆ เพื่อจูงใจให้ชาวนาทำอาชีพนี้กัน

ปรากฏว่านักท่องเที่ยวไทยเข้าไปกินข้าวญี่ปุ่นจนแทบจะหมดประเทศ..! ทางประเทศญี่ปุ่นจึงต้องสั่งซื้อข้าวหอมมะลิจากประเทศไทยเข้าไป เพื่อรองรับความต้องการของคนไทยโดยเฉพาะ และสิ่งต่าง ๆ ก็ขึ้นราคาสูงขึ้นไปเป็นเท่า ๆ ตัว ถ้าไม่ได้จองเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว คาดว่างบประมาณในการเดินทางครั้งนี้น่าจะสูงกว่าที่จ่ายไปแล้วอย่างน้อยก็ ๑ เท่าตัว..!

และเจ้ากรรมเถอะ อยู่ ๆ อากาศก็แปรปรวน กลับมาหนาวใหม่ บางพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นถึงระดับติดลบเลยก็มี ทำเอากระผม/อาตมภาพสองจิตสองใจ เนื่องเพราะว่าไปไหนไม่ชอบหอบหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเหมือนคนย้ายบ้าน จึงได้แต่มองหาเครื่องกันหนาวที่สามารถจะบรรจุลงในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้เพียงพอ ถ้านอกเหนือจากนี้แล้ว ก็คงต้องอาศัยบรรดาเจ้าที่เจ้าทางช่วยสำแดงเทวานุภาพ อนุเคราะห์สงเคราะห์ไม่ให้หนาวตายที่ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้เป็นลำดับไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2025 เมื่อ 01:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว