#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อวานหลังจากเสร็จการประชุมที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร กระผม/อาตมภาพก็เดินทางฝ่าฝนและรถติด กลับไปยังวัดท่าขนุน เนื่องเพราะว่าวันนี้มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๔/๒๕๖๗ ของวัดท่าขนุน จึงจำเป็นที่จะต้องไปเป็นประธานในพิธีบวช และโดยเฉพาะต้องนำในการเจริญพระกรรมฐานช่วงเช้ามืด
การเจริญพระกรรมฐานช่วงเช้ามืดนั้น กระผม/อาตมภาพตั้งความหวังไว้สูงมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ได้สรุปเอากรรมฐานทั้ง ๔๐ กองมารวมกันไว้ในที่เดียว ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ทราบดีว่าบุคคลที่จะรับได้นั้นมีน้อย แต่ว่าถึงจะมีน้อย แต่ถ้าหากว่ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งรับได้ ก็จะไม่ต้องไปเสียเวลาในการฝึกพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองด้วยความยากลำบาก เหมือนกับสมัยที่กระผม/อาตมภาพเริ่มฝึกใหม่ ๆ จึงทำให้ต้องตัดสินใจเดินทางกลับ เป็นระยะทาง ๒๐๐ กว่ากิโลเมตร โดยที่ทั้งฝนตกทั้งรถติด..! ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะถึงวัดท่าขนุนประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง แต่ปรากฏว่าเหมือนกับระยะทางหายไปช่วงหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าโค้งตรงนี้น่าจะเป็นสถานที่หนึ่งซึ่งเราคุ้นเคย ปรากฏว่ากลายเป็นอีกโค้งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้วัดไปแล้ว เป็นต้น จึงทำให้ไปถึงวัดในเวลาแค่ทุ่มกว่าเท่านั้น แต่กระนั้นก็ตาม ด้วยความที่อากาศเปลี่ยนและฝนตก ก็ทำให้เกิดการเจ็บคอขึ้นมาจนได้..! ครั้นถึงเวลาตี ๓ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพได้ออกไปนำญาติโยมทั้งหลายเจริญพระกรรมฐานก่อน เสร็จแล้วจึงออกบิณฑาตตามปกติ โดยที่วันนี้มีโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและผู้สมัครบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม ไปใส่บาตรกันหนาตาทีเดียว เมื่อฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลงยังศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สายวัดท่าขนุน สนทนากับญาติโยมจน ๘ โมงครึ่ง แล้วทำพิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๔/๒๕๖๗ให้กับทุกคน เมื่อมอบหมายให้พระวิปัสสนาจารย์นำญาติโยมทั้งหลายปฏิบัติธรรมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาทำหนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ แต่ด้วยความที่เหนื่อยมากและพักผ่อนน้อย หนังสือที่ออกไปจึงมีจุดผิดพลาด ก็คือแทนที่จะลงเป็นวันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน กลับลงเป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑ มิถุนายน ซึ่งไม่ใช่ แต่เมื่อส่งออกไปแล้วโดนทักท้วง กระผม/อาตมภาพก็ต้องรอจนกว่าจะเสร็จงานวันนี้ ก็คือการมาเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พุทธมณฑล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2024 เมื่อ 01:03 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ขณะนี้กระผม/อาตมภาพยืนอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของพระประธานในพุทธมณฑล ก็คือองค์พระศรีศากยทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ซึ่งเป็นภาพประทับใจที่กระผม/อาตมภาพคงจะจดจำไปไม่รู้ลืม
เนื่องเพราะว่าในช่วงที่เป็นพระใหม่อยู่ที่วัดท่าซุงนั้น เมื่อบวชไประยะหนึ่ง บรรดารุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ ก็พากันสึกหาลาเพศเสียหลายรูป ไม่ว่าจะเป็นหลวงตามหาแสวง ญาณสังวโรก็ดี หรือว่าหลวงพี่พรสรรค์ ตลอดจนกระทั่งหลวงพี่ชัยศรี ที่พวกเราจะคิดว่าเป็นองค์แทนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ก็สึกหาลาเพศไป ยามค่ำคืน กระผม/อาตมภาพนอนกอดจีวรด้วยความรู้สึกว่า ใครก็อย่าหวังว่าจะมาแย่งจากเราไปเป็นอันขาด..! แล้ววันหนึ่ง เมื่อเจริญพระกรรมฐานที่ตึกธัมมวิโมกข์ข้างตึกกลางน้ำแล้ว ขากลับกระผม/อาตมภาพได้เดินผ่านมา ยกมือไหว้ไปที่ตึกกลางน้ำ ซึ่งเป็นที่พักของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ อยู่ พร้อมกับนึกในใจว่า "หลวงพ่อครับ หน้าอย่างผมนี่จะอยู่ในผ้าเหลืองไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมครับ ?" ทันทีที่คิดเสร็จ บริเวณทั้งหลายทั้งปวงรอบข้างก็เหมือนกับว่างโล่งไปหมด สามารถมองไปจนถึงขอบจักรวาล มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปางพุทธลีลา แบบเดียวกับองค์ประธานพุทธมณฑลนี้ พระหัตถ์ซ้ายจูงแขนขวาของกระผม/อาตมภาพ พระหัตถ์ขวาชี้ไปยังที่ไกล เห็นจุดสีทองลิบ ๆ วับ ๆ อยู่ พร้อมกับตรัสว่า "ตรงนั้นคือพระนิพพานนะลูก ไปให้ถึงนะ" เมื่อพระองค์ท่านตรัสเสร็จแล้ว ภาพทุกอย่างก็กลับคืนมาตามปกติ กระผม/อาตมภาพเองปลื้มอกปลื้มใจเหมือนจะลอยได้ทั้งตัว ด้วยความรู้สึกว่า "ผู้ปฏิบัติธรรมที่ไม่เอาไหนอย่างเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังอุตส่าห์เมตตาปรากฏพระองค์มาชี้ทางให้" เมื่อกลับถึงกุฏิที่พัก จึงได้แต่งกลอนเอาไว้บทหนึ่งว่า "หนทางแม้สุดไกล ขอมุ่งไปกว่าจะถึง ยากเข็ญมิคำนึง ถึงทุกข์ทนสักเพียงไร เดินตามรอยเท้าพ่อ มั่นคงต่อธรรมวินัย พ่อชี้หนทางใด จักมุ่งไปไม่ลังเล จิตมั่นด้วยศรัทธา ทุกเวลามิหันเห ผู้ใดจะรวนเร มิซวนเซตามเขาไป พ่อนำทางให้ลูก มีแต่ถูกลูกมั่นใจ ขอเดินตามพ่อไป ตราบจนถึงซึ่งนิพพาน" ความรู้สึกตอนนั้นมั่นคงขนาดนี้จริง ๆ ก็คือไม่ว่าจะเหนื่อยยากหรือว่าลำบากสักเพียงใดก็ตาม ขึ้นชื่อว่าความเพียรพยายามเพื่อพระนิพพานนั้น จักไม่มีวันเคลื่อนวันคลายไปจากใจของตนเองเลย..! โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปางพุทธลีลานั้น มาภายหลังพระองค์ท่านตรัสว่า พระองค์ท่านก็คือสมเด็จพระกัสสปทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๓ ภายในภัทรกัปนี้ เป็นผู้ที่เลิศไปด้วยลาภพระองค์หนึ่ง กระผม/อาตมภาพจึงเคยชินกับการจับภาพของพระองค์ท่านเป็นกรรมฐานตลอดมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-06-2024 เมื่อ 00:20 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ได้มาเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ซึ่งเป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ระหว่างพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และการอ่านโองการสรรเสริญเทพเทวา โดยเฉพาะเทวดานพเคราะห์ในแบบของศาสนาพราหมณ์ เพื่อที่จะขอกำลังจากเทวดาทั้งหลาย ให้ช่วยอภิบาลรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้มีพระพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นมิ่งขวัญประชาชนชาวไทยสืบไปชั่วกาลนาน
ครั้งนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้ระดมบรรดาพระเถระเจ้าคณะปกครอง ตั้งแต่ระดับรองเจ้าคณะอำเภอขึ้นไป ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ทั้งสิ้นรวมแล้วประมาณ ๒,๐๐๐ รูป มาร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์ในวันนี้ กระผม/อาตมภาพได้เคยร่วมเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์มาแล้วหลายวาระ ถ้าหากว่าทางพิธีพราหมณ์นั้นได้บุคคลที่คล่องตัวก็จะจบเร็วขึ้น แต่ถ้าหากว่าไม่คล่องตัว ขาดการซักซ้อม อ่านโองการสรรเสริญเทวดาและขอเทวดาสงเคราะห์นั้นแบบติด ๆ ขัด ๆ ก็จะทำให้การเจริญพระพุทธมนต์นั้นเชื่องช้าไปเสียเปล่า ๆ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่คาดได้แต่หวังไม่ได้ เนื่องเพราะว่าไม่ทราบว่าทางด้านพราหมณ์นั้นจะจัดผู้ใดมาร่วมงาน แต่ทางด้านคณะสงฆ์ของเรานั้น การสวดบทสรรเสริญเทวดานพเคราะห์ที่มีการกำหนดเอาไว้นั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นบทเจริญพระพุทธมนต์ใน ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนานทั้งสิ้น จึงมีความเชี่ยวชาญชำนาญกันดีอยู่แล้ว ขอเพียงทางด้านพราหมณ์ตั้งโองการสรรเสริญเทวดาเสร็จ ทางด้านพระภิกษุสงฆ์ก็พร้อมเจริญพระพุทธมนต์ทันที เมื่อมีการเจริญพระพุทธมนต์เสร็จ ทางพราหมณ์ก็จะมีการตั้งโองการอัญเชิญเทวดานพเคราะห์องค์ต่อไปตามลำดับ วันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเลิกได้เร็วช้าเท่าไร แต่คาดว่ากรรมฐานช่วงเช้ามืดตี ๓ ครึ่งของเช้ามืดวันพรุ่งนี้ น่าจะต้องหากินกันเอง ถือว่าเป็นการทดสอบอยู่อย่างหนึ่งว่า เมื่อไม่มีผู้นำแล้ว เราสามารถที่จะทำได้คล่องตัวสักเท่าไร แต่ว่าก็ยังเหลืออยู่อีก ๑ วันก่อนที่จะเสร็จสิ้นโครงการ กระผม/อาตมภาพก็คงจะกลับไปนำปิดท้ายให้กับทุกท่านเอง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2024 เมื่อ 01:10 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|