กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม

Notices

กระทู้ธรรม รวมข้อธรรมะจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติ

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-08-2009, 10:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default พระเจ้ากุสราช

เถรีได้อ่านชาดกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องอดีตชาติของพระพุทธเจ้าและพระนางพิมพา เป็นเรื่องที่สนุกมาก ๆ เนื้อหาส่วนหนึ่งหลวงพ่อเล็กท่านเคยเล่าไว้บ้างแล้ว หากทุกท่านจำได้ เป็นตอนที่พี่สะใภ้ปรารถนาจะทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า โดยนำอาหารในส่วนของตนเอง ของสามี และของน้องสามีถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าไป แต่พอน้องสามีรู้ว่าพี่สะใภ้นำอาหารในส่วนของตนเองถวาย จึงเกิดความโกรธ จนท้ายสุดต่างคนก็ต่างอธิษฐานด้วยความชังซึ่งกันและกัน แต่ทว่าเรื่องมันไม่จบแค่นี้สิคะ เรื่องราวสานต่อมันยังมี ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ลองติดตามอ่านกันดูค่ะ ขอรับรองว่าสนุกมาก ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-08-2009 เมื่อ 10:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-08-2009, 10:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ประนางประภาวดี

พระนางประภาวดี
ผู้มีใจเกลียดชัง


ในอดีตกาลพระนางพิมพา ได้เกิดเป็นสตรีผู้เป็นพี่สะใภ้ ส่วนพระโพธิสัตว์เกิดเป็นน้องสามี ทั้งสองอยู่ร่วมบ้านกันเนื่องจากพระโพธิสัตว์นั้นยังไม่มีภริยา

วันหนึ่งพี่สะใภ้ได้ทอดขนมที่มีรสชาติอร่อยยิ่งนัก และแจกบริโภคกันจนหมด โดยแบ่งส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้น้องสามีที่ไปป่า

ขณะนั้นมีพระปัจเจกพุทธเจ้ามาบิณฑบาต พี่สะใภ้จึงนำขนมที่เก็บไว้มาถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าเสีย คิดว่าเดี๋ยวค่อยทำให้ใหม่ แต่ขณะที่ยังไม่ได้ทำ น้องสามีก็กลับมาจากป่า นางบอกกับน้องสามีว่า

“น้องชายเอ๋ย จงทำจิตใจให้ผ่องใสเถิด ขนมอันเป็นส่วนของน้อง พี่ได้ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว”

ฝ่ายน้องสามีกลับโกรธว่า
“เจ้ากินขนมอันเป็นส่วนของเจ้าหมดแล้ว กลับมาเอาขนมอันเป็นส่วนของข้าไปถวายพระ ชิชะแล้วข้าจักกินอะไรเล่า”

แล้วเขาก็รีบตามพระปัจเจกพุทธเจ้าไปทวงขนมในบาตรกลับคืนมา ฝ่ายพี่สะใภ้ก็รีบไปยังเรือนมารดา ไปเอาเนยใสที่ยังใหม่และใสสะอาด มีสีคล้ายดอกจำปามาใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้าแทนจนเต็มบาตร และเมื่อได้เห็นเนยใสแผ่เป็นรัศมีออกไปนางจึงตั้งความปรารถนาว่า

“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ในที่ที่ดิฉันจะเกิดแล้วข้างหน้า ขอให้ร่างกายของดิฉันจงเกิดมีรัศมีเปล่งปลั่ง และมีรูปร่างสดสวยงดงามเป็นอย่างยิ่งเถิด อนึ่ง ขออย่าให้ดิฉันได้อยู่ร่วมในที่แห่งเดียวกันกับคนที่เป็นอสัตบุรุษ ดังน้องผัวของดิฉันคนนี้เลย”

ฝ่ายน้องสามีเห็นดังนั้น จึงเอาขนมของตนใส่ลงในบาตรที่เต็มด้วยเนยใส แล้วตั้งความปรารถนาว่า

“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พี่สะใภ้ของข้าพเจ้าคนนี้ แม้จะอยู่ในที่ไกลแสนไกลตั้งร้อยโยชน์ก็ตาม ขอให้ข้าพเจ้าพึงมีความสามารถไปนำมาเป็นบาทบริจาริกาของข้าพเจ้าให้จงได้เถิด

เมื่อละอัตภาพจากชาตินั้นแล้ว พี่สะใภ้และน้องสามีต่างก็ไปตามกรรมอยู่นานแสนนาน




http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=27522#post27522
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-08-2009 เมื่อ 16:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-08-2009, 16:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องราวยังมีต่อค่ะ
ต่อไปจะเป็นตอนที่พี่สะใภ้มาเกิดเป็นพระนางประภาวดี เป็นธิดาของกษัตริย์ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามมาก ๆ มีแสงสว่างออกจากกายเรืองรอง อันเป็นผลของการถวายเนยใสแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ส่วนน้องสามีมาเกิดเป็นพระเจ้ากุสราชที่มีหน้าตาขี้เหร่มาก ๆ เนื่องจากผลของการถวายทานให้พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยอารมณ์ที่บูดบึ้ง หน้าตาง้ำงอ

ทั้งสองจะขับเคี่ยวกันอย่างไร ต้องติดตามอ่านค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-08-2009 เมื่อ 10:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-08-2009, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กาลเวลาล่วงมาถึงสมัยหนึ่ง ณ นครกุสาวดี แคว้นมัลละ มีพระราชาปกครองทรงพระนามว่า พระเจ้าโอกกากราช มีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่า สีลวดี และมีสนมนางในแวดล้อมอีก ๑๖,๐๐๐ นาง

พระนางสีลวดีกับพระสนมทั้งหมด ไม่มีผู้ใดเลยที่ให้กำเนิดราชโอรสหรือราชธิดาแก่พระราชา ชาวเมืองทั้งหลายจึงพาร้องเรียนพระราชา ขอให้พระองค์ทรงปล่อยพระสนมทั้งหมดไปเป็นนางฟ้อนโดยธรรม ๗ วัน เผื่อว่าพระสนมจะได้มีบุตร ซึ่งพระราชาก็ทรงยอมกระทำตามคำของชาวเมือง แต่ก็ไม่มีพระสนมคนใดให้บุตรแก่พระองค์

ชาวเมืองจึงกราบทูลว่า เพราะนางเหล่านั้นไม่มีบุญจึงไม่มีบุตร แต่พระอัครมเหสีสีลวดีนั้นทรงสมบูรณ์ด้วยศีล ขอให้พระราชาปล่อยพระนางไปเป็นนางฟ้อน คงจะได้พระโอรสเป็นแน่แท้

พระราชาจึงรับสั่งให้ตีกลองร้องป่าวประกาศว่า พระราชาจะทรงปล่อยพระนางเจ้าสีลวดีให้เป็นนางฟ้อนโดยธรรมเพื่อให้ได้บุตร บรรดาผู้ชายทั้งหลายจึงมาประชุมกันเนืองแน่น

ด้วยเดชะแห่งศีลของพระนางสีลวดี พิภพของท้าวสักกเทวราชก็แสดงอาการเร่าร้อน ท้าวสักกะทรงทราบเหตุจึงแปลงกายเป็นพราหมณ์แก่ไปรอรับพระนางสีลวดีด้วย

เมื่อพระนางสีลวดีเสด็จออกมาหน้าประตูเมือง ท้าวสักกะก็ใช้อานุภาพไปอยู่ข้างหน้า บดบังชายอื่นเสียหมดสิ้น แล้วจูงมือพระนางสีลวดีไป ฝ่ายพระราชาและชาวเมืองเห็นพระนางสีลวดีไปกับพราหมณ์แก่ ก็เสียใจว่าพราหมณ์นั้นไม่สมควรแก่พระนางเลย

ท้าวสักกะทรงพาพระนางสีลวดีไปยังวิมานในเทวโลก แล้วตรัสให้พรพระนางข้อหนึ่งตามแต่จะขอ พระนางสีลวดีจึงทูลขอพระโอรส ๑ องค์

ท้าวสักกะตรัสว่าจะให้ ๒ องค์ โดยองค์หนึ่งมีปัญญาแต่รูปไม่งาม กับอีกองค์หนึ่งรูปงามแต่ปัญญาน้อยกว่า พระนางจะเลือกองค์ไหนให้ไปประสูติก่อน

พระนางสีลวดีก็เลือกโอรสที่มีปัญญาก่อน ท้าวสักกะตรัสให้พรนั้น แล้วทรงประทานสิ่งของ ๕ อย่างแก่พระนาง คือ หญ้าคา ผ้าทิพย์ จันทน์ทิพย์ ดอกปาริฉัตรทิพย์ และพิณ แล้วทรงพาพระนางเหาะกลับไปคืนในห้องบรรทมพระราชา แล้วทรงลูบท้องพระนางให้บังเกิดบุตร

ฝ่ายพระราชาทรงตื่นจากพระบรรทม ทอดพระเนตรเห็นพระอัครชายา จึงตรัสถามความเป็นมา พระอัครชายาก็กราบทูลตามความเป็นจริงพร้อมแสดงของ ๕ อย่างนั้น พระราชาจึงทรงเชื่อ

ต่อมาพระนางสีลวดีก็ประสูติพระราชโอรส ๒ องค์ องค์โตมีนามว่า กุสติณ ส่วนองค์เล็กมีนามว่า ชยัมบดี

กุสติณราชกุมารนั้น เมื่อเจริญวัยขึ้นก็มีปัญญามาก ทรงสำเร็จในศิลปศาสตร์ทั้งหมดได้ด้วยพระปัญญาของพระองค์เอง แต่พระองค์นั้นรูปไม่งาม ด้วยอกุศลกรรมจากชาติที่ไปทวงขนมคืนจากในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-08-2009 เมื่อ 10:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 25-08-2009, 09:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกุสติณราชกุมารอายุได้ ๑๖ ชันษา พระราชาจะมอบราชสมบัติ พร้อมจัดหาพระชายาและพระสนมให้ แต่กุสติณกุมารทรงคิดว่าตนเองรูปร่างไม่สวยงาม แม้ได้พระธิดาที่สวยไปด้วยรูปมาอยู่กับตน นางก็คงจะหนีไป พระองค์จึงตอบปฏิเสธพระราชบิดาและพระราชมารดาไปถึง ๓ ครั้ง

ต่อมาครั้งที่ ๔ พระโอรสคิดว่าไม่สมควรที่จะปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผล พระองค์จึงได้นำทองคำมาปั้นเป็นรูปหญิงสาว ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ ทองนั้นก็เป็นรูปหญิงสาวสวยงามปานเทพธิดา และเปล่งปลั่งดั่งมีชีวิตจริง จนแม้แต่ช่างทองยังเข้าใจผิดว่าเป็นเทพธิดาจริง ๆ

กุสติณราชกุมารให้ช่างทองนำรูปทองไปถวายพระราชา และทูลว่าพระองค์จะครองเรือนและรับราชสมบัติหากได้อภิเษกกับหญิงงามเสมอรูปปั้นนี้

พระราชาจึงให้อำมาตย์นำรูปทองแห่ไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อเสาะหาหญิงสาวที่งามเสมอรูปทองนั้น

อำมาตย์พร้อมขบวนบริวารจึงนำรูปปั้นทองขึ้นตั้งไว้บนยาน แล้วเที่ยวเสาะหาไปทั่วชมพูทวีป โดยเมื่อขบวนมาถึงที่ที่มหาชนชุมนุมกัน ก็จะปล่อยยานนั้นไว้ และคอยฟังมหาชนว่าเขาจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับรูปปั้นนั้น

ฝ่ายมหาชนทั้งหลาย ครั้นมองดูรูปทองนั้น คิดว่าเป็นหญิงจริง ๆ จึงพากันชมเชยว่า หญิงนี้แม้เป็นเพียงหญิงมนุษย์ ก็ยังสวยงามอย่างที่สุดเปรียบประดุจนางเทพอัปสร นางมาจากไหนกัน ทำไมจึงมายืนอยู่ในที่นี้ หญิงงามปานนี้ในเมืองเราไม่เคยมีเลย

เมื่อได้ยินว่าเมืองนี้ไม่มีหญิงใดงามเท่ารูปทอง อำมาตย์ก็จะเคลื่อนขบวนไปเมืองอื่น จนกระทั่งไปถึงเมืองสาคละ แคว้นมัททะ

ในครั้งนั้น พระนางพิมพา ได้มาเกิดเป็นพระราชธิดาองค์โตในจำนวนธิดา ๘ พระองค์ของพระเจ้ามัททราช มีนามว่า เจ้าหญิงประภาวดี

พระราชธิดาของพระเจ้ามัททราชนั้น แต่ละองค์มีรูปโฉมงดงามเปรียบประดุจนางฟ้า แต่พระธิดาประภาวดีนั้นทรงมีความงามเลิศกว่าพระธิดาองค์ใด เพราะพระนางมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระสรีระคล้ายแสงดวงอาทิตย์อ่อน ด้วยกุศลกรรมจากการใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยเนยใส

วันหนึ่งพระนางประภาวดีตรัสสั่งให้ทาสี ๘ คน ไปตักน้ำมาสำหรับสรงสนาน พระพี่เลี้ยงคนหนึ่งที่เป็นหญิงค่อมก็ออกมาดูที่ท่าน้ำ ครั้นมองไปเห็นรูปทองคำที่ตั้งไว้ข้างริมทาง เข้าใจว่าเป็นพระนางประภาวดีจึงเข้าไปหา กราบทูลว่าพระนางใช้ให้มาตักน้ำ แล้วเหตุใดจึงมายืนดักอยู่ที่นี้ ถ้าพระราชาทรงทราบพวกนางจะเดือดร้อน พูดแล้วก็เอามือแตะรูปนั้นจึงได้รู้ว่าเป็นทอง ไม่ใช่พระราชธิดา

ฝ่ายอำมาตย์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ เข้ามาสอบถามนางพี่เลี้ยงค่อมจนรู้ความ จึงนำรูปทองนั้นและเครื่องราชย์ทั้งหลายเข้าไปถวายพระเจ้ามัททราช กราบทูลว่า พระเจ้าโอกกากราชประสงค์จะสู่ขอพระนางประภาวดีให้แก่พระโอรสองค์โต และจะมอบราชสมบัติให้พระโอรสนั้น

พระเจ้ามัททราชก็ทรงรับด้วยความยินดี พระเจ้าโอกกากราชและพระนางสีลวดีจึงเสด็จมารับพระนางประภาวดีกลับนครกุสาวดีด้วยพระองค์เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 26-08-2009, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนต่อไปเป็นตอนที่พระเจ้ากุสราชต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ปิดบังไม่ให้พระนางประภาวดีเห็นตัวจริงว่าขี้เหร่ โดยให้น้องชายตนเองซึ่งเป็นผู้มีรูปงาม สวมรอยเป็นพระเจ้ากุสราชแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 26-08-2009, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระนางสีลวดีนั้น เห็นว่าลูกสะใภ้ของตนมีความงามปานเทพธิดา หากได้แลเห็นพระโอรสกุสติณเต็มตาก็คงรังเกียจ และหนีไป พระนางจึงออกอุบายหลอกพระนางประภาวดีว่า ตามธรรมเนียมราชวงศ์ ห้ามพระชายาพบหน้าพระสวามีในเวลากลางวันอย่างเด็ดขาดจนกว่าจะตั้งพระครรภ์เสียก่อน พระนางประภาวดีไม่รู้ก็ทรงรับอุบายนั้นไว้

แล้วพระเจ้าโอกกากราชก็ทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายกุสติณขึ้นครองราชสมบัติสืบแทน และตั้งพระนางประภาวดีเป็นพระมเหสี โดยทั้งสองต่างยังไม่เคยเห็นหน้ากันในเวลากลางวันเลย เมื่ออยู่ร่วมกันในเวลากลางคืนนั้น รัศมีแห่งพระนางประภาวดีก็ไม่มากพอจะทำให้เห็นพระพักตร์พระสวามีได้

ผ่านไป ๒-๓ วัน พระเจ้ากุสราชก็อ้อนวอนพระมารดา อยากดูหน้าชายาของตน พระมารดาก็บอกให้รอไปก่อน แต่อ้อนวอนหนักเข้า พระมารดาจึงออกอุบายให้พระเจ้ากุสราชไปรอที่โรงช้าง ทำตัวเหมือนคนเลี้ยงช้าง แล้วพระนางจะพาพระนางประภาวดีเสด็จไป

ระหว่างเสด็จดูโรงช้าง พระกุสราชก็หยิบมูลช้างก้อนหนึ่งขว้างไปที่หลังพระนางประภาวดีเพื่อจะได้ให้นางหันมา พระนางประภาวดีทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ทูลพระมารดาให้ลงโทษ ฝ่ายพระมารดาก็ทรงปลอบประโลมให้หายกริ้ว

ต่อมาพระเจ้ากุสราชอยากเห็นหน้าพระชายาอีก พระมารดาจึงพาพระนางประภาวดีเสด็จดูโรงม้า พระเจ้ากุสราชก็เอามูลม้าขว้างไปเหมือนเดิม พระนางประภาวดีก็ทรงกริ้วใหญ่ แต่พระมารดาก็ทรงปลอบประโลมเหมือนเดิม

วันต่อมา พระนางประภาวดีทรงใคร่จะได้เห็นหน้าพระสวามีบ้าง จึงทูลบอกแก่พระมารดา แต่พระมารดาก็บอกให้รอไปก่อน พระนางรบเร้าหนักเข้า พระมารดาจึงบอกว่าพรุ่งนี้พระเจ้ากุสราชจะเสด็จเลียบพระนคร ให้พระนางประภาวดีไปแอบดูเอาเอง

วันรุ่งขึ้น พระมารดาก็สั่งให้ พระชยัมบดีอนุชา ทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ ประทับนั่งบนหลังช้าง แล้วให้พระเจ้ากุสราชประทับนั่งบนอาสนะข้างหลัง แล้วทรงพาพระนางประภาวดีไปประทับยืนดูที่สีหบัญชร

เมื่อพระนางประภาวดีเห็น ก็สำคัญผิดว่าเราได้พระสวามีที่มีความงามสมควรกันแล้ว ก็ทรงมีพระทัยโสมนัส

ฝ่ายพระเจ้ากุสราช เมื่อทรงทอดพระเนตรขึ้นมาเห็นพระนางประภาวดี พระองค์ก็แสดงอาการยั่วเย้า พระนางประภาวดีไม่พอพระทัย ทูลพระมารดาให้ลงโทษ แต่พระมารดาก็แก้ต่างให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 27-08-2009, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต่อไปเป็นตอนที่พระนางประภาวดีทราบความจริงเข้าแล้วว่า พระเจ้ากุสราชซึ่งเป็นพระสวามีนั้นมีหน้าตาอัปลักษณ์ พระนางจึงรับไม่ได้ รีบขนข้าวของกลับบ้านเมืองตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 27-08-2009, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระนางประภาวดีจึงเริ่มสงสัยว่านายควาญช้างคนนี้คงจะเป็นพระเจ้ากุสราชเป็นแน่ แต่เพราะพระองค์มีหน้าตาน่าเกลียด จึงไม่ยอมแสดงองค์

พระนางประภาวดีจึงทรงกระซิบสั่งนางค่อมพี่เลี้ยง ให้ไปคอยดูว่าองค์ไหนคือพระเจ้ากุสราช โดยหากเป็นพระเจ้ากุสราช พระองค์จะต้องเสด็จลงจากหลังช้างก่อน นางค่อมก็ตามไปแอบดู ได้รู้ว่าพระเจ้ากุสราชนั้นคือคนที่นั่งข้างหลัง

ฝ่ายพระเจ้ากุสราช เมื่อลงจากหลังช้าง มองมาเห็นนางค่อมก็รู้ว่านางมาแอบดูจึงรับสั่งให้เรียกนางค่อมมา แล้วตรัสกำชับห้ามนางบอกเรื่องนี้แก่พระนางประภาวดีอย่างเด็ดขาด นางค่อมนั้นจึงกลับไปทูลพระนางประภาวดีว่า พระเจ้ากุสราชผู้เสด็จประทับอยู่บนอาสนะข้างหน้าเสด็จลงก่อน พระนางประภาวดีก็ทรงเชื่อถ้อยคำของนางค่อมนั้น

วันต่อมา พระเจ้ากุสราช ประสงค์จะได้ทอดพระเนตรเห็นหน้าพระชายา จึงทรงทูลอ้อนวอนพระราชมารดา พระมารดาจึงพาพระนางประภาวดีเสด็จไปยังอุทยาน ส่วนพระเจ้ากุสราช ลงไปแอบอยู่ในสระบัว และเอาใบบัวกำบังไว้

เมื่อพระนางประภาวดีเห็นสระโบกขรณีอันดารดาษไปด้วยดอกบัว จึงเสด็จลงสรงน้ำพร้อมด้วยนางบริจาริกาทั้งหลาย ครั้นพอทอดพระเนตรเห็นดอกบัวที่พระเจ้ากุสราชถือซ่อนอยู่ก็อยากได้ จึงทรงเอื้อมพระหัตถ์ออกไป

ลำดับนั้น พระเจ้ากุสราช จึงทรงเปิดใบบัวออก แล้วคว้าพระนางด้วยพระหัตถ์พลางร้องว่า เราคือพระเจ้ากุสราช พระนางพอได้ทอดพระเนตรเห็นพระพักตร์ของพระสวามีเต็มตาก็ตกใจ ทรงร้องขึ้นด้วยสำคัญว่ายักษ์จับเรา แล้วทรงถึงวิสัญญีภาพ สิ้นพระสติสมฤดีอยู่ในที่ตรงนั้นเอง

ครั้นพอพระนางประภาวดีรู้สึก พระองค์ก็ทรงเสียพระทัยว่า คนอัปลักษณ์ที่เอามูลช้างขว้างเราที่โรงช้างคือพระเจ้ากุสราช คนอัปลักษณ์ที่เอามูลม้าขว้างเราที่โรงม้าคือพระเจ้ากุสราช คนอัปลักษณ์ที่หยอกล้อเราบนหลังช้างคือพระเจ้ากุสราช คนอัปลักษณ์ที่จับมือเราในกอบัวคือพระเจ้ากุสราช เราไม่ประสงค์พระเจ้ากุสราชที่มีพักตร์อัปลักษณ์เช่นนี้ เราจะทิ้งพระองค์ไป

ดำริดังนั้นแล้วจึงตรัสสั่งอำมาตย์ที่ตามเสด็จมากับพระนางให้จัดเตรียมพาหนะ เสด็จกลับสาคละนคร อำมาตย์เหล่านั้นจึงไปกราบทูลให้พระเจ้ากุสราชทรงทราบ

พระเจ้ากุสราชทรงมีดำริว่า หากพระนางไม่ได้กลับ ดวงหทัยของพระนางคงจะแตกเป็นแน่ จึงควรปล่อยให้พระนางกลับไปก่อน แล้วค่อยไปนำพระนางกลับคืนมาภายหลัง พอทรงดำริดังนี้แล้วจึงทรงอนุญาตให้พระนางประภาวดีเสด็จกลับไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 27-08-2009, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนต่อไป เป็นตอนที่พระเจ้ากุสราชคิดที่จะไปตามพระนางประภาวดีกลับคืนมา เพราะทรงรักและเสน่หาในความงามของพระนางเข้าแล้ว ทีนี้เราจะได้เห็นกันว่าบุคคลซึ่งลุ่มหลงอยู่ในความรักและความงามของอิสตรีนั้น ต้องเป็นทุกข์และทรมานเพียงใดในการที่จะได้เธอมาครอบครอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 28-08-2009, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพระนางประภาวดีเสด็จจากไปแล้ว พระเจ้ากุสราชก็ทรงเศร้าโศกเสียพระทัย เฝ้าแต่รำพึงคิดถึงพระชายา พระองค์ไม่ได้สนพระทัยพระสนมนางอื่นแม้แต่เพียงนางเดียว พระราชนิเวศน์ของพระองค์จึงเงียบสงัดวังเวงคล้ายไม่มีใครอยู่

พระเจ้ากุสราชทรงรำพึงว่า บัดนี้ พระนางประภาวดีคงไปถึงเมืองสาคละแล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระมารดา กราบทูลว่า พระองค์จะไปตามพระนางประภาวดีที่รักคืนมา กราบทูลแล้ว พระเจ้ากุสราชก็ทรงเหน็บพระแสงอาวุธ ๕ อย่าง กหาปณะพันหนึ่ง พร้อมทั้งภาชนะพระกระยาหาร และทรงถือพิณเสด็จออกจากพระนคร ด้วยพละกำลังของพระองค์ เพียง ๒ วันก็เสด็จถึงเมืองสาคละ

พระเจ้ากุสราชได้ถือพิณไปบรรเลงที่โรงช้างทรง พระนางประภาวดีได้ยินเสียงพิณก็รู้ว่าพระเจ้ากุสราชเสด็จมาตาม แต่พระนางก็ไม่ยอมพบหน้า พระเจ้ากุสราชคิดว่าวิธีนี้คงไม่ได้ผล พระองค์จึงเอาพิณไปเก็บ

วันรุ่งขึ้น พระเจ้ากุสราชได้ไปยังบ้านนายช่างหม้อ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ และเพียงวันเดียวเท่านั้น ก็ทรงขนเอาดินมาจนเต็มเรือน และทรงปั้นภาชนะเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง หลายชนิดหลากสี สำหรับส่วนที่ปั้นให้พระนางประภาวดีโดยเฉพาะนั้น ได้ทรงกระทำให้มีลวดลายเป็นรูปต่าง ๆ ที่ทำให้พระนางประภาวดีมองเห็นได้แต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น

เมื่อเผาภาชนะนั้นแล้ว นายช่างหม้อก็นำไปยังราชตระกูล พระเจ้ามัททราชทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสถามว่าใครทำ นายช่างหม้อกราบทูลว่า ศิษย์ของข้าพระองค์ทำ พระราชาจึงตรัสว่า ผู้นั้นไม่สมควรเป็นศิษย์ของเจ้า ผู้นั้นจงเป็นอาจารย์ และเจ้าจงศึกษาศิลปะในสำนักของเขาเถิด แล้วพระเจ้ามัททราชก็ให้ช่างหม้อนำภาชนะเล็ก ๆ ไปถวายพระธิดา เมื่อพระนางประภาวดีทรงรับภาชนะที่พระเจ้ากุสราชทำขึ้นโดยเฉพาะ พระนางก็เห็นรูปพระเจ้ากุสราชบนภาชนะ จึงได้ขว้างภาชนะนั้นทิ้งลงบนพื้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 28-08-2009, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังไม่หมดค่ะ พระเจ้ากุสราชยังไม่หมดความพยายาม ยังหาวิธีอื่นที่จะเข้าใกล้พระนางประภาวดีอีก คอยมาดูกันว่า พระเจ้ากุสราชจะใช้วิธีไหน และพระนางประภาวดีจะใจอ่อนหรือไม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-08-2009 เมื่อ 00:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 28-08-2009, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเจ้ากุสราชทรงดำริว่าหากพระองค์ยังอยู่เรือนช่างปั้นหม้อ ก็จะไม่มีโอกาสพบหน้าพระชายา พระองค์จึงเสด็จไปขอเป็นศิษย์นายช่างสาน แล้วนำใบตาลมาประดิษฐ์เป็นของใช้ให้พระนางประภาวดี พระนางประภาวดีก็เห็นรูปพระเจ้ากุสราชอีก จึงทรงกริ้วและขว้างลงบนพื้น รับสั่งว่าใครอยากได้ก็จงเอาไปเถิด

พระเจ้ากุสราชจึงไปยังสำนักของนายช่างร้อยดอกไม้ ทรงร้อยพวงมาลาแปลก ๆ ถวายพระนางประภาวดี ก็ถูกพระนางประภาวดีจับขว้างลงพื้นอีก

พระเจ้ากุสราชจึงไปขอทำงานในห้องต้นเครื่องพระราชา พระราชาติดใจรสชาติอาหารจึงรับสั่งให้พระองค์เป็นพ่อครัวทำเครื่องเสวยแก่พระราชาและพระธิดา

วันรุ่งขึ้น พระเจ้ากุสราชจัดแจงเครื่องเสวยเสร็จแล้ว ก็จัดเครื่องเสวยใส่หาบเสด็จไปยังปราสาทของพระนางประภาวดี พระนางประภาวดีไม่ยอมเปิดทวารรับ ทรงตรัสว่านางไม่ปรารถนาผู้มีผิวพรรณชั่วเช่นพระเจ้ากุสราช ขอให้พระองค์เสด็จกลับกุสาวดี และไปหานางยักษ์ที่มีรูปชั่วเสมอกันมาเป็นมเหสีเถิด

อาหารที่พระเจ้ากุสราชทำมาให้นั้น พระนางประภาวดีไม่ยอมแตะต้องเลย พระนางได้ขอแลกกับอาหารผักต้มของนางค่อม แล้วกำชับไม่ให้นางบอกใครว่าพระเจ้ากุสราชติดตามมา

หลายวันผ่านไป พระเจ้ากุสราชทรงอยากรู้ว่าพระนางประภาวดียังมีความเสน่หาอาลัยในพระองค์บ้างหรือไม่ วันหนึ่งเมื่อหาบเครื่องเสวยผ่านหน้าปราสาทของพระนาง พระองค์จึงแกล้งกระทืบบาทเสียงดัง แล้วล้มลงทำทีเป็นสลบอยู่ที่หน้าทวารนั้นเอง

พระนางประภาวดีได้ยินเสียง เปิดทวารออกมาดู เห็นพระเจ้ากุสราชสิ้นสติอยู่จึงได้เข้าไปช้อนพระเศียรตรวจดูลมหายใจ พระเจ้ากุสราชได้ทีจึงถ่มน้ำลายถูกตัวนาง

พระนางประภาวดียิ่งโกรธพระเจ้ากุสราชมากยิ่งขึ้น ทรงด่าว่าพระองค์อย่างรุนแรงแล้วเสด็จกลับเข้าพระตำหนัก แม้พระเจ้ากุสราชจะง้องอนอย่างไรพระนางก็ไม่หายโกรธ

ฝ่ายนางค่อมก็ช่วยเกลี้ยกล่อมพระนางประภาวดี กราบทูลให้พระนางมองความงามที่ความดีและพระปรีชาสามารถของพระเจ้ากุสราช อย่ามองที่พระรูปโฉมเพียงอย่างเดียว แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-08-2009 เมื่อ 23:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 29-08-2009, 00:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรามาลองคิดเล่น ๆ ในแง่ที่ว่าถ้าเราเป็นพระเจ้ากุสราชแล้ว โดนหญิงที่ตนเองรัก ปฏิเสธรังเกียจถึงขนาดนั้น ยังจะยอมกัดฟันง้องอนเธออีกต่อไปหรือไม่......

ทีนี้เรามาดูกันต่อว่า พระเจ้ากุสราชจะตามง้อ หรือท้อใจกลับบ้านเมืองตนเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-03-2012 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 30-08-2009, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เวลาผ่านไป ๗ เดือน พระเจ้ากุสราชก็ทรงเบื่อที่ไม่ได้เห็นหน้าพระชายาของตนเลย จึงคิดจะเสด็จกลับกุสาวดี

ขณะนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่าพระเจ้ากุสราชทรงเบื่อระอาพระทัย จึงดำริว่าจะต้องช่วยให้พระองค์สมประสงค์ จึงเนรมิตทูต ๗ คน ส่งข่าวไปยังกษัตริย์ ๗ นคร ว่าพระนางประภาวดีทรงละทิ้งพระเจ้ากุสราชกลับมาแล้ว ถ้าพระราชาองค์ใดมีพระประสงค์ในพระนาง ก็จงเสด็จมารับเอาพระนางประภาวดีไปเถิด

พระราชาทั้ง ๗ นครนั้น จึงนำขบวนมารับพระนางประภาวดี เมื่อมาถึงสาคละ ขบวนของพระราชาทั้ง ๗ นครก็ได้มาพบกัน ต่างองค์ต่างโกรธ เข้าใจว่าพระเจ้ามัททราชดูถูกที่ยกราชธิดาองค์เดียวให้กับกษัตริย์ถึง ๗ องค์

พระราชา ๗ นครจึงพร้อมใจกันยกพลล้อมพระนคร ส่งสาส์นไปว่าจะออกรบหรือจะส่งพระนางประภาวดีออกมา

พระเจ้ามัททราชเมื่อได้รับสาส์นก็ทรงกริ้วพระธิดา ว่านางมีพระสวามีเป็นผู้เลิศในชมพูทวีปแล้วยังละทิ้งพระองค์มา ด้วยรังเกียจว่าพระสวามีมีหน้าตาอัปลักษณ์ บัดนี้สมควรแล้วที่จะตัดร่างพระธิดาเป็น ๗ ท่อน แล้วส่งไปให้พระราชาทั้ง ๗ นคร

พระนางประภาวดีทรงสดับแล้วก็ตกใจกลัว เสด็จไปหาพระมารดาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ พระมารดาจึงเสด็จไปหาพระเจ้ามัททราช แต่พระเจ้ามัททราชก็แจ้งโทษพระธิดาว่า เพราะพระธิดาไม่ทำตามคำของพ่อแม่ ละทิ้งพระสวามีมา ทำให้มีศึกมาติดพระนครเช่นนี้ บัดนี้พระธิดาได้ทำให้ตระกูลเสียหายแล้ว

พระมารดาหมดทางช่วยจึงกลับมาหาพระธิดา บอกว่าหากนางไม่หลงมัวเมาในรูปโฉมจนละทิ้งพระเจ้ากุสราชมา วันนี้พระเจ้ากุสราชก็คงจะประทับอยู่ที่นี้และช่วยขับไล่ทัพของกษัตริย์ ๗ นครนี้ไปได้

พระนางประภาวดีจึงกราบทูลความจริงว่าพระเจ้ากุสราชนั้นประทับอยู่ในนครนี้แล้วถึง ๗ เดือน

พระมารดาไม่เชื่อ พระนางประภาวดีจึงเปิดบานพระแกล ชี้ให้พระมารดูว่าพระเจ้ากุสราชนั้นปลอมพระองค์เป็นพนักงานต้นเครื่อง ที่บัดนี้กำลังก้มพระองค์ทำงานล้างหม้ออยู่

พระมารดาจึงรีบไปกราบทูลพระเจ้ามัททราชให้ทรงทราบ พระเจ้ามัททราชจึงรีบไปเฝ้าพระเจ้ากุสราช และรับสั่งให้พระธิดามาขอขมา

พระเจ้ากุสราชนั้นมีพระประสงค์จะทำลายมานะของพระชายา จึงได้ราดน้ำบนพื้นรอบตัวจนเป็นโคลนไปหมด เมื่อพระนางประภาวดีมาถึง พระนางก็กราบขอขมาโทษบนพื้นโคลนที่แทบพระบาทพระเจ้ากุสราชนั้น กราบทูลวิงวอนให้พระองค์ทรงช่วย และพระนางจะไม่ชิงชังพระองค์อีกแล้ว

พระเจ้ากุสราชทรงตรัสกับพระนางว่า
“พี่ติดตามน้องมาก็เพราะความรักในตัวน้อง พี่นี้มีอำนาจมีกำลังที่จะทำลายสาคละนครนี้แล้วยึดน้องไปโดยพลการก็ได้ แต่พี่นี้ไม่ได้ทำเช่นนั้น ก็เพราะพี่รักพระน้องนาง พี่ให้สัญญาแก่น้อง ๒ ข้อ คือ พี่จะไม่โกรธเคืองน้องไม่ว่าเรื่องใด และจะไม่เกลียดชังน้องอย่างเด็ดขาดไม่ว่าเวลาใด”

แล้วพระเจ้ากุสราชก็ตรัสสั่งให้ทหารจัดแจงเทียมรถ พระองค์จะเสด็จออกไปจับกษัตริย์ทั้ง ๗ นครนั้นมาให้ได้ พระองค์จะไม่ยอมใครมาย่ำยีชายาของพระองค์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-08-2009 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 30-08-2009, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉากต่อไปจะเป็นฉากที่ทำให้เราได้เห็นศักดานุภาพและความมีเมตตาของพระเจ้ากุสราชค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-08-2009 เมื่อ 23:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 31-08-2009, 16:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเจ้ากุสราชทรงชำระล้างองค์และทรงฉลองพระองค์เสียใหม่ และให้พระเจ้ามัททราชเสด็จดูพระองค์ออกศึกอยู่บนพระราชวัง

พระเจ้ากุสราชทรงยกทัพออกจากพระนคร ทรงเปล่งพระสุรเสียงประกาศดังก้องไปทั้งชมพูทวีปว่า

“เราคือพระเจ้ากุสราช ใครรักชีวิต ก็จงยอมอ่อนน้อมกับเราเสียเถิด”

กษัตริย์ ๗ นคร ได้ยินเสียงประกาศของพระเจ้ากุสราช ก็ตกใจกลัว กองทัพแตกกระจายเหมือนฝูงเนื้อแตกหนีราชสีห์

พระเจ้ากุสราชจึงทรงยึดได้แก้วมณี และจับตัวกษัตริย์ ๗ นครมาถวายพระเจ้ามัททราชให้ทรงลงโทษ แต่พระเจ้ามัททราชบอกว่ากษัตริย์ทั้ง ๗ นี้ ไม่ได้เป็นศัตรูของพระองค์ แต่เป็นศัตรูของพระเจ้ากุสราชโดยตรง จึงขอให้พระเจ้ากุสราชตัดสินพระทัยเอง

พระเจ้ากุสราชจึงกราบทูลขอพระราชธิดาอีก ๗ องค์ของพระเจ้ามัททราชให้แก่กษัตริย์เหล่านั้น ซึ่งพระเจ้ามัททราชก็ตกลงพระราชทานให้

แล้วพระเจ้ากุสราชก็พาพระนางประภาวดีเสด็จกลับกุสาวดี โดยประทับนั่งไปบนราชรถเดียวกัน

และด้วยอานุภาพของแก้วมณี พระรูปโฉมของพระเจ้ากุสราชก็หายอัปลักษณ์ แต่กลับงดงามสมด้วยพระรูปโฉมของพระนางประภาวดีผู้เป็นพระชายา


ประชุมชาดก
ชยัมบดีอนุชา มาเกิดเป็น พระอานนท์
นางค่อม มาเกิดเป็น นางขุชชุตตราอุบาสิกา
พระนางประภาวดี มาเกิดเป็น พระนางพิมพา
พระเจ้ากุสราช มาเกิดเป็น พระพุทธเจ้า

จาก...กุสชาดก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 31-08-2009, 16:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จบแล้วค่ะทุกท่าน สนุกไหมคะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 31-08-2009, 17:15
สิงหนาท
Guest
 
ข้อความ: n/a
Default

มีเป็นไฟล์เสียงชื่อเรื่องว่านางแก้วครับ
หาฟังได้ครับ เป็นเรื่องของพระนางพิมพาท่านทรงเริ่มอธิษฐานเพื่อเป็นคู่ครองของพระโพธิ์สัตว์ หลายภพหลายชาติมากครับ จนท่านลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าพระนิพพานครับ หากอยากลองฟังกดลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
http://www.fungdham.com/book/nangkaew.html

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สิงหนาท : 31-08-2009 เมื่อ 20:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว