#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันสิ้นเดือน ๓ ตามปฏิทินจันทรคติ ก็คือวันพระใหญ่แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ พระภิกษุของเราก็มีการลงทบทวนพระปาฏิโมกข์
คราวนี้ในช่วงบ่าย ซึ่งปกติกระผม/อาตมภาพลงรับสังฆทาน ตามคำสั่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดที่จะทำ เพราะว่าเป็นคนเบื่องาน เนื่องจากว่ารับเงินมาก็ใช้งานอะไรไม่ได้ นอกจากทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า เพื่อรักษากำลังใจของคนที่เขามาไกล ซึ่งวันนี้ได้เห็นอย่างชัดเจน ก็คือในช่วงที่จะลงโบสถ์ มีโยมคณะหนึ่งมากัน ๕ คน ดีอกดีใจมากที่ได้เจอ คาดว่าถ้าไม่ได้เจอก็คงจะเหี่ยวไปเหมือนกัน แล้วทั้ง ๕ คนก็ทำบุญมา ๗,๐๐๐ บาท ต้องบอกว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่ควักกระเป๋าไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ บาท เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกสะท้อนใจว่า ในยุคที่เงินทองหายาก ญาติโยมยังเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตรมายังวัดท่าขนุน เพื่อที่จะได้ทำบุญด้วย จึงได้เข้าใจที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า จำเป็นที่จะต้องรักษากำลังใจของผู้มา แต่คราวนี้ตั้งแต่เช้ามาจนกระทั่งเย็นไม่ได้พัก เมื่อเลิกรับสังฆทาน เกือบจะเป็นลม..! ทุกท่านต้องไม่ลืมว่ากระผม/อาตมภาพมีโรคมาลาเรียประจำตัวอยู่ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ ก็คือ ๔๐ กว่าปีที่แล้วมา จนป่านนี้รักษาไม่หาย และขอร้องญาติโยมไม่ต้องแนะนำยาอะไรมาอีก เพราะว่ายาทุกชนิดที่มีในโลกกินมาหมดแล้ว ประเภทกินลงไปแล้วขมติดคอไป ๓ วันก็กินมาแล้ว ไม่ว่าจะสมัยใหม่ขนาดไหนก็รักษาไม่หาย เพราะว่าเป็นโรคเวรโรคกรรม เกิดจากการที่เป็นทหารมาทุกชาติ ไปเข่นฆ่าเขาเอาไว้มาก จึงต้องมาชดใช้เศษกรรมคืนให้กับเขาไป ตรงจุดนี้ญาติโยมไม่จำเป็นที่จะต้องมากังวลแทน เพราะว่าสาเหตุที่คนเราจะตายนั้น นอกจากหมดบุญแล้ว ยังต้องหมดกรรมอีกด้วย แล้วเวรกรรมที่กระผม/อาตมภาพทำมาก็มากมายมหาศาล คงจะใช้ให้หมดได้ยาก ก็ต้องทนลากสังขารอยู่กันต่อไป อยู่ให้ญาติโยมเห็นหน้าแล้วดีใจ ส่วนตนเองก็คง "น้ำตาจิไหล" ทนรับสภาพกันต่อไป เพียงแต่ว่าการเกิดเป็นมนุษย์ อย่างไรเสียอายุก็คงไม่เกิน ๑๒๐ ปี ซึ่งปัจจุบันก็คงมีคนที่อายุถึงได้ยากมาก ในชั่วชีวิต ๖๐ กว่าปีของกระผม/อาตมภาพ ก็เห็นมีแต่หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาคที่อายุยืนถึง ๑๒๘ ปี นอกจากนั้นสูงสุดก็แค่ ๑๐๐ กว่านิดหน่อย ถ้าจะเอาสูงสุดในพระไตรปิฎกเลยก็ต้องพระพากุลเถระ ท่านอายุ ๑๕๐ ปี อยู่จนเบื่อแล้ว ก็เลยเข้ากรรมฐานทิ้งสังขารไปเฉย ๆ ถ้าหากว่าท่านยังไม่เบื่อก็คงจะต้องอยู่ต่อไปอีกนาน เพราะทำบุญไว้ดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2022 เมื่อ 02:27 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
คราวนี้การที่ญาติโยมมักจะโทรมาแล้วถามว่า ไปวัดวันโน้นวันนี้ แล้วจะได้เจอหรือเปล่า ? ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ยืนยันกับทุกท่านแล้วว่า โอกาสไปวัดแล้วเจอเป็นเรื่องยาก ถือว่าเป็นไปตามเวรตามกรรมก็แล้วกัน ถ้าหากว่าวาระมาถึง เลี่ยงกันไม่ได้ ต่อให้ไม่ตั้งใจมาก็ได้เจอ
แต่ก็มีลูกกิฟท์ไปเปิดแรลลี่เที่ยวชุมชนวัดท่าขนุนขึ้นมา ซึ่งได้นัดวันเวลาลงจองเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าใครอยากจะมาแล้วเจอแน่ ๆ ก็ไปจองแรลลี่เอาก็แล้วกัน เห็นเขามีการเล่นสนุกระหว่างทาง มีที่พัก มีอาหารอะไรให้ ถ้าไม่รู้จะไปจองที่ไหนก็พิมพ์คำว่า "กิฟท์จังพลังเวทย์" เข้าไปในเพจนั้นก็คงจะได้เจอ ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าตัวกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นคนไม่รับกิจนิมนต์ทั่วไป อย่างเช่นว่าฉันเช้า ฉันเพล สวดมนต์เย็น อะไรประมาณนั้น เพราะว่าเวลามีไม่พอ จะรับเฉพาะญาติโยมที่เป็นคณะใหญ่ รวมกำลังใจคนมาก ๆ ส่วนพวกประเภท ฉันเช้า ฉันเพล สวดมนต์เย็นอะไรนั้น จะไปให้บุคคลประเภทเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นประเภทไหนก็ไม่บอกด้วย เดี๋ยวญาติโยมทำตามกติกาได้ อาตมาก็จะตายเร็วขึ้น..! คราวนี้ในส่วนของต้นเดือน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการจัดการกับบัญชีต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ในส่วนของบัญชีวัตถุมงคล หลายอย่างก็หมดไปจากวัดแล้ว หลวงพ่อสุคโตก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่องค์ เพราะว่าส่วนใหญ่อยู่กับเพจของกิฟท์จัง เหรียญทองคำรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเหลืออยู่แค่ประมาณหลักสิบ ก็ไปอยู่กับไอ้ตัวเล็ก ส่วนเหรียญหลวงปู่สายหลายอย่าง ก็น่าจะเหลืออยู่เฉพาะในตู้ที่วัดท่าขนุนเท่านั้น เรื่องพวกนี้ก็ต้องบอกว่าใครเร็วก็ได้ไป ใครช้าถึงเวลาจะมาเสียใจก็ไม่ทันแล้ว ไปนึกถึงสมัยที่อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนที่ท่านออกสมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรก ท่านสั่งให้ช่างสร้าง ๓๐,๐๐๐ องค์ ปรากฏว่าได้มาแค่ ๓,๐๐๐ องค์ เนื่องเพราะว่าช่างไม่ถนัดในการทำพระองค์เล็ก ๆ สำหรับห้อยคอ เวลาถอดแบบแล้วซุ้มมักจะหักเสียหาย ไม่สมบูรณ์ เมื่อเวลาจัดงานวัด แล้วคนไปเป็นแสน แต่มีพระให้แค่ ๓,๐๐๐ องค์ กระผม/อาตมภาพเองยอมควักกระเป๋าหมดตัว จองเอาไว้ ๑๐๐ องค์ ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อวิรัชที่ดูแลในเรื่องวัตถุมงคลของวัด เมื่อถึงเวลาปลุกเสกเสร็จ ก็เอามายัดใส่ย่ามให้ แต่ก็ดันมีคนตาดีเห็นเข้า ลองคิดดูว่าคนจำนวนหลายหมื่นถึงระดับแสน แล้ววัตถุมงคลมีอยู่แค่ ๓,๐๐๐ องค์ จึงเกิดอาการโกลาหลชนิดที่บรรดา ส.ห. และตำรวจวัดช่วยกันกันคนเท่าไรก็ไม่สำเร็จ หลายคนถึงขนาดกระโดดข้ามเคาน์เตอร์จำหน่ายวัตถุมงคลเข้ามาข้างใน เพื่อที่จะเอาวัตถุมงคลให้ได้ กระผม/อาตมภาพเองก็โดนทึ้งจนกะรุ่งกะริ่ง..! สรุปว่า ๑๐๐ องค์ที่จองไว้ ไม่เหลือแม้แต่องค์เดียว ที่แน่ ๆ ก็คือเลิกงานแล้วเป็นลม..! เพราะว่าคนเป็นหมื่นยัดมาอยู่ตรงหน้า ไม่มีอากาศให้หายใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2022 เมื่อ 02:31 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าศรัทธาเป็นเรื่องที่ต้องมีปัญญาประกอบ เพราะว่าถ้าเป็นอธิโมกขศรัทธาอย่างเดียวก็จะเกิดเหตุอย่างที่เห็น ก็คือถึงขนาดต้องแย่งชิงกัน แล้วก็มีลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงบางราย เอาสมเด็จองค์ปฐมแขวนหน้ารถไว้ แล้วโดนทุบกระจกเพื่อเอาพระไป พร้อมกับทิ้งเงินค่าพระกับค่ากระจกไว้ให้ด้วย ถ้าลักษณะอย่างนั้น ก็ต้องบอกว่าทำกันเกินไป แต่ถ้าไปนึกถึงความอยากได้ของคน ก็ไม่รู้จะตำหนิใครได้ เพราะว่ากำลังใจของคนนั้นไม่เท่ากัน
วัตถุมงคลนั้น โบราณาจารย์ให้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องยึดโยงให้เราระลึกถึงพุทธานุสติ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นึกถึงสังฆานุสติ คือหลวงปู่หลวงพ่อที่สร้างวัตถุมงคลนั้น ระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่สร้างเครื่องรางของขลังวัตถุมงคลนั้น ๆ แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายก็มักจะวางกำลังใจผิด ในเมื่อวางกำลังใจผิดก็เกิดอาการอย่างที่เห็น บางท่านมีวัตถุมงคลของวัดท่าขนุนแล้วก็ยังคงจองซ้ำจองซาก ประมาณว่าบางคนมีเป็นร้อยองค์ ใส่กล่องเรียงเอาไว้ ถ่ายรูปดูด้วยความปลื้มใจ บางคนก็ทะเลาะกันบ้านจะแตก สามีจะบูชา ภรรยาจะเก็บเงินไว้เลี้ยงลูก..! ส่วนอีกจำนวนหนึ่งก็อยู่ในลักษณะที่เอาไปขึ้นราคาจำหน่ายแพง ๆ ซึ่งเรื่องพวกนี้จะตำหนิก็ไม่ได้ เพราะว่าอุปสงค์ย่อมได้รับการตอบรับด้วยอุปทาน เมื่อมีคนต้องการก็ต้องมีคนหามา ในเมื่อเขาหามาก็ต้องบวกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แต่ว่าบางอย่างก็บวกได้ชนิดที่ทางวัดคิดไม่ถึง อย่างเช่นว่าเหรียญทองคำ ทางวัดมีอยู่รุ่นหนึ่งจำได้ว่าออกไป ๓๐,๐๐๐ บาท เขาเอาไปปล่อยต่อในราคา ๑๕๐,๐๐๐ บาท..! แล้วก็มีคนบูชาด้วย ก็ต้องบอกว่า ถ้าบ้าไม่พอก็คงไม่มีใครกล้าบูชาในราคาสูงขนาดนั้น ในปัจจุบันนี้บรรดาประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะตะวันตก กำลังหนุนให้ยูเครนรบกับรัสเซียอยู่ ตรงจุดนั้นอาจจะทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ได้ อย่างข่าวล่าสุดมา เครื่องบินพาณิชย์ใหญ่ที่สุดในโลกของยูเครน คือ Antonov AN-225 ก็โดนกองทัพรัสเซียทำลายไปแล้ว ถ้าหากว่าของแพงขนาดนั้นยังโดนทำลายทิ้งได้ ก็คาดว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว ไม่มีอะไรที่รัสเซียจะไม่กล้าทำ ตรงจุดนี้พวกเราเองก็อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องห่างตัว เพราะว่าปัจจุบันนี้ก็มีหลายคนที่ทำให้เป็นเรื่องใกล้ตัวด้วยการไปสมัครช่วยรบ ซึ่งตรงนี้กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรกันอยู่ ประเทศชาติบ้านเมืองของตัวเองมี ไม่คิดที่จะช่วยเหลือพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่คิดที่จะช่วยเหลือป้องกัน แต่กลับไปช่วยประเทศอื่น ถ้ามีใจจริง ๆ ก็สมัครลงไป ๓ จังหวัดภาคใต้ไปเลย รับประกันว่าได้รับการสรรเสริญจากทุกผู้คน ไม่ว่าคุณจะมีอาชีพอะไรก็ตาม ลงไปทำมาหากินหรือปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดภาคใต้แทนจะดีกว่าไหม ? ตรงนี้ขอฝากเอาไว้เป็นข้อคิด เพราะว่าบางทีการที่ท่านทั้งหลายอาจจะรักความยุติธรรม แต่ว่าการกระทำของเรานั้น มีผลกระทบในระดับประเทศหรือว่าระดับโลก เมื่อจะทำอะไรก็ควรที่จะตรึกตรองให้ดียิ่งไปกว่านี้ วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-03-2022 เมื่อ 06:32 |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|