กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-01-2010, 10:07
ตาตั้ม ตาตั้ม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 19
ได้ให้อนุโมทนา: 53,283
ได้รับอนุโมทนา 24,031 ครั้ง ใน 877 โพสต์
ตาตั้ม is on a distinguished road
Default โลหะสร้างพระเครื่อง

ที่มานะครับ
http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=794


โลหะสร้างพระเครื่อง

การศึกษาพระเครื่องมีหลักง่าย ๆ คือ พิมพ์ต้องถูก เนื้อต้องใช่ ธรรมชาติต้องมี หลักทั้ง ๓ อย่างนี้เป็นสิ่งที่เซียนพระต้องยึดถือย่างเคร่งครัด เพราะสามารถเป็นเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้เช่าถูกพระปลอมได้เป็นอย่างดี

เนื้อต้องใช่ ในการศึกษาพระเครื่องนั้น ขอเขียนถึงพระเนื้อโลหะ กรรมวิธีการสร้างพระเนื้อโลหะ จะประกอบด้วยการสร้าง ๓ ประเภท คือ พระหล่อ พระปั๊ม และพระฉีด

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ระหว่างพระเครื่องเนื้อชินและพระเครื่องโลหะอื่น ๆ ก่อน ว่าเหตุใดจึงแยกพระทั้งสองประเภทนี้ออกจากหมวดเดียวกัน
__________________
"คุณากโร....ผู้ทรงความดี"

"ตั้งใจทำอะไรก็ทำให้จริง ชนิดที่ว่าเอาให้ตายไปเลย ต้องมีความอดทนให้มาก อย่าทำเหมือนกับแก้บน ไหว้ครูแล้ว ถ้าไม่จริงจัง ไหว้อีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตาตั้ม : 28-01-2010 เมื่อ 10:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตาตั้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-01-2010, 10:16
ตาตั้ม ตาตั้ม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 19
ได้ให้อนุโมทนา: 53,283
ได้รับอนุโมทนา 24,031 ครั้ง ใน 877 โพสต์
ตาตั้ม is on a distinguished road
Default

"พระเครื่องเนื้อชิน" หมายถึง โลหะทุกชนิด อาจเป็นโลหะล้วน ๆ หรือโลหะผสมกัน เช่น ตะกั่ว เหล็ก ดีบุก ทองเหลือง ทองแดง เงิน นาก ทอง เป็นต้น นำมาหลอมละลายแล้วหล่อลงในเบ้า หรือกดลงในแบบพิมพ์ ซึ่งทำมาจากดินเหนียว หิน หรือไม้แกะสลักก็ได้ สีขององค์พระจะเป็นไปตามลักษณะของโลหะ และสภาพของกรุที่ฝังอยู่ ซึ่งมีอายุและมีความร้อนชื้นแตกต่างกัน คราบกรุที่มีอายุมาก ๆ จะสังเกตได้จากผิวขององค์พระว่า มีคราบราที่ฝังแน่นลึกเข้าไปในเนื้อ บางแห่งจะเห็นการผุกร่อน หรือระเบิดออกมา

เหตุที่บูรพาจารย์ที่เป็นนักสะสมพระยุคแรก ๆ ไม่นำมารวมอยู่ในพระเนื้อโลหะอื่น ๆ เนื่องจาก

๑. พระเครื่องเนื้อชิน ล้วนเป็นพระกรุ พระเก่า ที่มีอายุการสร้างนานเป็นร้อย ๆ ปีขึ้นไป อันถือเป็นพระเครื่องยุคโบราณ ปัจจุบันไม่นิยมสร้างพระเครื่องเนื้อนี้อีกแล้ว

๒. ส่วนผสมหลักของพระเครื่องเนื้อชิน คือ ดีบุกและตะกั่ว มากน้อยตามแต่ผู้สร้างมีความประสงค์ ซึ่งปัจจุบันผู้สร้างได้ค้นพบโลหะอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่า สะดวกกว่า และคงทนกว่า มาใช้ในการสร้างพระเครื่องแทนพระเครื่องเนื้อชิน
__________________
"คุณากโร....ผู้ทรงความดี"

"ตั้งใจทำอะไรก็ทำให้จริง ชนิดที่ว่าเอาให้ตายไปเลย ต้องมีความอดทนให้มาก อย่าทำเหมือนกับแก้บน ไหว้ครูแล้ว ถ้าไม่จริงจัง ไหว้อีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กเมื่อวานซืน : 28-01-2010 เมื่อ 12:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตาตั้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-01-2010, 10:19
ตาตั้ม ตาตั้ม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 19
ได้ให้อนุโมทนา: 53,283
ได้รับอนุโมทนา 24,031 ครั้ง ใน 877 โพสต์
ตาตั้ม is on a distinguished road
Default

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง คือ ผู้ที่นิยมมีความคิดว่า พระเครื่องประเภทเนื้อชินจะต้องเป็นพระยุคเก่าเท่านั้น จึงได้รับความนิยมในการสะสม หากเป็นพระยุคหลังที่สร้างขึ้นใหม่ จะดูขาดธรรมชาติ ไม่เป็นที่น่าสนใจของประชาชน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นพระเครื่องเนื้อชิน ต้องดูเก่า มีธรรมชาติคราบไข ถ้าดูใหม่จะคาดคะเนให้เป็นพระปลอมไว้ก่อนเป็นอันดับแรก

ปัจจุบัน พระเครื่องเนื้อโลหะต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในวงการพระ โดยเฉพาะพระสร้างใหม่ ประกอบด้วยพระเนื้อโลหะ ๔ ชนิดหลัก ๆ คือ

๑.พระเนื้อทองคำ
๒.พระเนื้อเงิน
๓.พระเนื้อทองแดง
๔.พระโลหะผสม

ในจำนวนเนื้อโลหะสร้างพระทั้ง ๔ ชนิด พระเนื้อโลหะผสม ถือว่าเป็นพระที่มีมุมมองให้ศึกษามากมาย ด้วยเหตุที่ว่าพระโลหะผสมมีมากมายหลายเนื้อมวลสาร ซึ่งบางประเภทมีสูตรจากตำราชี้เฉพาะปริมาณของส่วนผสม และบางประเภทก็ไม่ชี้ชัด เพียงใส่มวลสารแร่ธาตุเดิมให้ครบตามจำนวนธาตุที่ต้องการผสมเท่านั้น จึงเป็นที่มาของความไม่แน่นอน ในโลหะผสมของแต่ละเบ้า แต่ละครั้งในการหลอมละลาย
__________________
"คุณากโร....ผู้ทรงความดี"

"ตั้งใจทำอะไรก็ทำให้จริง ชนิดที่ว่าเอาให้ตายไปเลย ต้องมีความอดทนให้มาก อย่าทำเหมือนกับแก้บน ไหว้ครูแล้ว ถ้าไม่จริงจัง ไหว้อีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กเมื่อวานซืน : 28-01-2010 เมื่อ 12:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตาตั้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-01-2010, 10:29
ตาตั้ม ตาตั้ม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 19
ได้ให้อนุโมทนา: 53,283
ได้รับอนุโมทนา 24,031 ครั้ง ใน 877 โพสต์
ตาตั้ม is on a distinguished road
Default

สุดยอดของพระเนื้อโลหะผสมต้องยกให้พระเนื้อนวโลหะ หมายถึงการนำแร่ธาตุต่าง ๆ ๙ ชนิด มาหลอมรวมกัน

พระเนื้อนวโลหะที่มีตำราชี้เฉพาะปริมาณของส่วนผสม ได้แก่ พระในกลุ่มพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ที่มีสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ กทม. เป็นองค์ปฐมการสร้าง สืบตำราต้นแบบที่บังคับในการสร้างพระกริ่งเนื้อนวโลหะสายวัดสุทัศนฯ ประกอบไปด้วย

๑. ชิน น้ำหนัก ๑ บาท (๑ บาท = ๑๕.๒ กรัม)
๒. จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก ๒ บาท (แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน)
๓. เหล็กละลายตัว น้ำหนัก ๓ บาท
๔. บริสุทธิ์(ทองแดงบริสุทธิ์) น้ำหนัก ๔ บาท
๕. ปรอท น้ำหนัก ๕ บาท
๖. สังกะสี น้ำหนัก ๖ บาท
๗. ทองแดง น้ำหนัก ๗ บาท
๘. เงิน น้ำหนัก ๘ บาท
และ ๙. ทองคำ น้ำหนัก ๙ บาท

นำโลหะทั้ง ๙ นี้มาหลอมรวมกัน ได้เนื้อนวโลหะที่งดงามยิ่ง ส่วนกรรมวิธีที่แสนวิจิตรเข้มขลัง เคร่งครัด จะกล่าวอย่างละเอียดในการศึกษาเรื่องพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ให้ลึกซึ้งต่อไป
__________________
"คุณากโร....ผู้ทรงความดี"

"ตั้งใจทำอะไรก็ทำให้จริง ชนิดที่ว่าเอาให้ตายไปเลย ต้องมีความอดทนให้มาก อย่าทำเหมือนกับแก้บน ไหว้ครูแล้ว ถ้าไม่จริงจัง ไหว้อีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 10-02-2010 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตาตั้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 29-01-2010, 18:01
ตาตั้ม ตาตั้ม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 19
ได้ให้อนุโมทนา: 53,283
ได้รับอนุโมทนา 24,031 ครั้ง ใน 877 โพสต์
ตาตั้ม is on a distinguished road
Default

ส่วนพระเนื้อโลหะที่น่าสนใจศึกษาเป็นอันดับสอง คือ เนื้อสัตตโลหะ หมายถึง โลหะผสม ๗ ชนิด อันประกอบด้วย

๑. เหล็ก
๒. ปรอท
๓. ทองแดง
๔. เงิน
๕. ทองคำ
๖. จ้าวน้ำเงิน
และ ๗. บริสุทธิ์

ตามอัตราส่วนของแต่ละตำรา และวัสดุที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น อาวุธที่เป็นเนื้อสัตตโลหะ จะมีปริมาณของแร่เหล็กมากกว่าแร่ชนิดอื่น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีพระที่สร้างจากโลหะ ๕ ชนิด ที่เรียกว่า เบญจโลหะ หมายถึงโลหะผสม ๕ ชนิด อันประกอบด้วย

๑. เหล็ก
๒. ปรอท
๓. ทองแดง
๔. เงิน
และ ๕. ทองคำ

อัตราส่วนตามความเหมาะสมของวัตถุที่สร้าง แต่โลหะหนักส่วนมากมักจะเป็นเหล็ก เพราะเหล็กมีราคาถูกกว่าโลหะชนิดอื่น ๆ

พระเนื้อทองเหลือง นับเป็นโลหะผสมที่นิยมใช้กันมากในยุคหลัง ๆ ซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี และอาจจะมีธาตุอื่นปะปนอยู่บ้างเล็กน้อย เช่น ตะกั่ว ดีบุก อะลูมิเนียม เหล็ก แมงกานีส นิเกิล เป็นต้น

พระเนื้อบรอนซ์ เป็นชื่อดั้งเดิมของโลหะผสม ระหว่างดีบุกกับทองแดง ปัจจุบันหมายถึงโลหะผสมระหว่างทองแดงกับโลหะอื่น ๆ ยกเว้นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี ซึ่งจะเป็นทองเหลือง ไม่ใช่บรอนซ์

พระเนื้อเมฆพัด เป็นโลหะผสมที่เกิดจากการนำแร่โลหะต่าง ๆ หลายชนิด อาทิ เหล็ก ทองแดง ดีบุก ตะกั่ว เงิน ทองคำ เป็นต้น จะเป็นปริมาณเท่าใด หรือใช้กี่ประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สร้าง ระหว่างหุงแร่จะซัดด้วยกำมะถัน จนเกิดเป็นสีดำมันวาว ออกเหลือบสีน้ำเงิน

พระเนื้อเมฆสิทธิ์ นับเป็นโลหะผสมที่มีความคล้ายคลึง และเป็นคู่แฝดกับเนื้อเมฆพัด กรรมวิธีการสร้างก็คล้ายกัน
__________________
"คุณากโร....ผู้ทรงความดี"

"ตั้งใจทำอะไรก็ทำให้จริง ชนิดที่ว่าเอาให้ตายไปเลย ต้องมีความอดทนให้มาก อย่าทำเหมือนกับแก้บน ไหว้ครูแล้ว ถ้าไม่จริงจัง ไหว้อีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2010 เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตาตั้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 29-01-2010, 18:03
ตาตั้ม ตาตั้ม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 19
ได้ให้อนุโมทนา: 53,283
ได้รับอนุโมทนา 24,031 ครั้ง ใน 877 โพสต์
ตาตั้ม is on a distinguished road
Default

ถ้าเป็นคนรุ่นเก่า จะเรียกการสร้างโลหะผสมเมฆสิทธิ์และเมฆพัดว่า การเล่นแร่แปรธาตุ นับเป็นโลหะที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เพราะขณะที่ทำการหลอมรวม จะต้องบริกรรมพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย

สำหรับโลหะผสมเมฆสิทธิ์ ประกอบด้วยแร่ธาตุ ๔ ชนิด คือ เงิน สังกะสี ทองแดง และปรอท

พระเนื้อสัมฤทธิ์ เป็นโลหะผสมที่นิยมนำมาสร้างพระบูชา และรูปหล่อขนาดใหญ่ นับเป็นโลหะผสมยุคแรก ๆ ที่มีการสร้างขึ้นมาแต่โบราณ บางคนเรียกว่า ทองสัมฤทธิ์ หรือ ทองบรอนซ์ ส่วนประกอบของโลหะผสมสัมฤทธิ์คือ ทองแดง ดีบุก เงิน และทองคำ

พระเนื้อโลหะประเภทสุดท้าย คือ เนื้อขันลงหิน เป็นเนื้อโลหะที่รู้จักกันมาแต่โบราณ และเป็นประเภทหนึ่งของโลหะผสมที่เรียกกันว่า บรอนซ์

แต่โลหะผสมเนื้อขันลงหิน จะเจาะจงเฉพาะโลหะผสม ระหว่างทองแดงกับดีบุกเท่านั้น ส่วนบรอนซ์จะรวมถึงโลหะทุกประเภทที่ผสมกับทองแดง ยกเว้นสังกะสี ดังนั้นสีบรอนซ์จึงมีหลายสี เช่น บรอนซ์เงิน บรอนซ์ทอง บรอนซ์ออกสีนาก เป็นต้น

โลหะผสมที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นโลหะผสมที่นิยมนำมาสร้างพระบูชาและพระเครื่อง

นอกจากนี้ ก็มีพระที่สร้างจากเนื้อโลหะหลัก ที่มีส่วนผสมอื่นเจือปนอยู่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย เพื่อความสะดวกในการขึ้นรูป ทำให้สวยงาม และคงทนยิ่งขึ้น เช่น ทองคำ เงิน ตะกั่ว เป็นต้น แต่ไม่เป็นที่รู้จักนิยมแพร่หลายเช่นที่กล่าวมา
__________________
"คุณากโร....ผู้ทรงความดี"

"ตั้งใจทำอะไรก็ทำให้จริง ชนิดที่ว่าเอาให้ตายไปเลย ต้องมีความอดทนให้มาก อย่าทำเหมือนกับแก้บน ไหว้ครูแล้ว ถ้าไม่จริงจัง ไหว้อีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2010 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตาตั้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว