#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
|
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีหลายเรื่องที่อยากจะกล่าวถึง ควรที่จะว่ากันเป็นลำดับไป
เรื่องแรกก็คือ มีญาติโยมส่งคลิปมาให้ดู เป็นตู้จำหน่ายพระเครื่องอัตโนมัติ ต้องการองค์ไหนก็กดดูราคา หลังจากนั้นแล้วก็ใส่เงินเข้าไปตามจำนวนตัวเลขที่ขึ้นมา เมื่อกดยืนยัน ตู้ก็จะส่งพระเครื่องออกมาให้ ถ้าหากอยู่ในลักษณะที่เห็น ก็ต้องบอกว่าเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งของการจำหน่ายวัตถุมงคล กระผม/อาตมภาพพยายามดูแล้ว เห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการจำหน่ายนั้น ก็อยู่ในลักษณะที่เรียบร้อยดีงาม ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่ว่าดีดข้าวของออกมา ตกใส่พื้นอะไรทำนองนั้น เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของนานาจิตตัง ก็คือจะมองว่าดีงามก็ได้ เสียหายก็ได้ แต่ถ้าหากว่าจะมองว่าเสียหาย ก็เสียหายตั้งแต่การจำหน่ายวัตถุมงคลในวัดแล้ว เนื่องเพราะว่าออกไปในลักษณะที่บุคคลกล่าวในปัจจุบันนี้ว่า "พุทธพาณิชย์" ดังนั้น..ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะจำหน่ายที่ไหนก็จัดว่าเป็นพุทธพาณิชย์เช่นกัน แต่ถ้ามองในแง่ดีก็คือญาติโยมสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางไกลไปยังวัดวาอาราม เพราะว่ามีตู้อัตโนมัติมาบริการให้ถึงบริเวณบ้านของตนเอง จะว่าไปแล้ว เรื่องของพระเครื่องและวัตถุมงคลนั้น จัดเป็น "ซอฟท์พาวเวอร์" อย่างหนึ่ง สามารถทำรายได้เข้าประเทศไทยปีละเป็นพันเป็นหมื่นล้าน เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าชาวต่างชาติจะนิยมวัตถุมงคลบ้านเราขนาดนั้น..! ถ้าหากว่าจัดจำหน่ายในลักษณะเรียบร้อยดีงาม แบบที่ในคลิปถ่ายมาให้ดู กระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วย ถือว่าเป็นนวัตกรรมในการจำหน่ายวัตถุมงคล สามารถนำเสนอให้กับผู้ที่ต้องการแล้วไม่มีโอกาสเดินทางไปถึงวัดได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องหนึ่งก็คือที่มีการถกเถียงกันว่า มีพระอุปัชฌาย์ทำการอุปสมบทให้กับกุลบุตรที่อยู่ในลักษณะข้ามเพศ เป็นการทำผิดพระวินัย ต้องให้ท่านที่บวชสึกเสีย..! แต่ขออภัย กระผม/อาตมภาพเองยึดถือตามพระธรรมวินัย ซึ่งมีพระอรรถกถาจารย์ พระฎีกาจารย์ท่านตีความมาแล้ว จึงเห็นว่าการบวชบุคคลนั้นเป็นไปโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2023 เมื่อ 02:20 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถ้าหากว่าบวชไปแล้ว สามารถเก็บอาการอยู่ ก็จัดเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำไป เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ามีจริตกริยาที่เรียบร้อย ก็จะเรียบร้อยกว่าบุคคลทั่วไปที่เข้าไปอุปสมบท เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้นั้น ถ้าหากว่าที่กระผม/อาตมภาพใช้คำพูดก็คือ เป็น "ผู้ชายเรียบร้อย" อยู่แล้ว ในเมื่อสำรวมกิริยาอาการ น่าจะทำให้บุคคลเลื่อมใสได้มากอีกด้วย
เรื่องพวกนี้เราต้องเอาพระธรรมวินัยเป็นใหญ่ ในเมื่อพระธรรมวินัยไม่ได้ห้ามไว้ เนื่องเพราะว่ากล่าวถึงบัณเฑาะก์ ๔ ประเภท ท่านผู้บวชก็ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทที่ห้ามบวชอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งวัดท่าขนุนของกระผม/อาตมภาพ ก็เป็นที่รู้กันว่าสามารถที่จะบวชได้ แต่ว่าต้องเก็บอาการให้อยู่ ถ้าเก็บอาการไม่อยู่เมื่อไร ก็จะบังคับให้สึกหาลาเพศไปเมื่อนั้น..! เรื่องพวกนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่กระแสสังคมจะมาตัดสิน เนื่องเพราะว่ามีพระธรรมวินัยและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าสามารถที่จะบรรพชาอุปสมบทได้ตามพระธรรมวินัย ก็ควรที่จะมีสิทธิ์ของตนเองอย่างเต็มที่ การอุปสมบทบรรพชาเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง เราอย่าเพิ่งไปตัดสินโดยยกเอาบุคคลที่มีจริตกิริยาผิดเพี้ยนไป จนกระทั่งก่อให้เกิดความเสียหายกับพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงพระพุทธศาสนา ปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง มีอำนาจมากกว่า จึงได้แสดงกิริยาออกไปตามเพศสภาพของตนเอง แต่เราจะไปเหมาว่าบุคคลประเภทนี้เป็นเช่นนั้นทั้งหมดก็ไม่ได้ โดยเฉพาะท่านมีสิทธิ์ที่จะบรรพชาอุปสมบทแต่เป็นบุคคลลักษณะนี้ จึงเป็นเรื่องที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์จะทำการพิจารณา ควบคุม อบรม สั่งสอน ถ้าท่านทั้งหลายเหล่านี้สามารถที่จะอยู่ต่อได้ โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนา ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่สืบทอดอายุพระศาสนาในฐานะของศากยบุตรพุทธชิโนรสได้เช่นกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2023 เมื่อ 02:23 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือเรื่องของพลายศักดิ์สุรินทร์ หรือที่ทางศรีลังกาเรียกว่า "มุทุราชา" คำว่า "มุทุราชา" เป็นภาษาบาลี แปลตรง ๆ ว่าพระราชาผู้อ่อนโยน ซึ่งมีหลายสำนักข่าวใช้คำว่า "มธุราชา" ภาษาบาลีนั้น ถ้าหากว่ากล่าวผิดแม้แต่เล็กน้อย ความหมายก็จะผิดเพี้ยน เพราะว่า "มธุ" นั้นหมายถึงน้ำผึ้ง เป็นคนละเรื่องกันกับมุทุ ซึ่ง "มุทุ" นั้นก็คือความอ่อนโยน ควรแก่งาน
พลายศักดิ์สุรินทร์นั้นไปในฐานะทูตสันถวไมตรีที่รัฐบาลไทยมอบให้กับรัฐบาลศรีลังกาที่ขอมา โดยที่คำขอได้บอกว่าจะนำไปใช้ในการแห่พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แต่ว่าเมื่อพลายศักดิ์สุรินทร์ไปอยู่ที่นั่น กลับขาดการดูแลที่ดีจนกระทั่งเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อบรรดาองค์กรการกุศลที่เห็นแล้วแจ้งมาทางประเทศไทย ทางประเทศไทยของเรา โดยคุณกัญจนา ศิลปอาชา หรือที่พวกเราคุ้นเคยกันในนามของ "หนูนา"ตลอดจนกระทั่งท่านวราวุธ ศิลปอาชา ซึ่งอยู่ในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ จึงได้ช่วยกันติดต่อตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนกระทั่งสามารถนำกลับมารักษาตัวที่เมืองไทย และปัจจุบันนี้ได้รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องนี้จะว่าไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะตำหนิทางรัฐบาลศรีลังกาได้ เนื่องเพราะว่าทางวัดขอมา ทางรัฐบาลก็ขอความร่วมมือจากประเทศไทย แต่เมื่อส่งไปแล้ว ทางวัดวาอารามขาดการดูแลที่ดี โดยเฉพาะบรรดาเทคนิคการแพทย์ เครื่องไม้เครื่องมือ ตลอดจนกระทั่งสัตวแพทย์ผู้ชำนาญการนั้น ก็ไม่ได้มีพร้อมเหมือนกับเมืองไทย ก็ยังดีที่ว่าทางด้านศรีลังกานั้นไม่ดื้อดึง เพราะทราบดีว่าประเทศไทยของเรานั้น เทคโนโลยีในการรักษาสัตว์ใหญ่แบบช้าง เหนือกว่าทุกประเทศในโลก ถึงขนาดสามารถปั๊มหัวใจแม่ช้างที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว จนกระทั่งกลับฟื้นคืนมามีชีวิตใหม่ได้ เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮากันไปทั่วโลก..! ทางประเทศศรีลังกา เมื่อไม่ดื้อดึง ยอมให้ทางด้านเราดำเนินการ นำเอาพลายศักดิ์สุรินทร์กลับสู่บ้านเมืองของตน ที่ได้พลัดพรากไปถึง ๒๒ ปีเต็ม เมื่อกลับมาก็เห็นว่าพลายศักดิ์สุรินทร์นั้นมีความสุขมาก ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างกักกันโรค และให้หมอติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เมื่อได้รับสารอาหารเพียงพอ มีร่างกายแข็งแรงแล้ว ก็จะได้รับการรักษาตามอาการที่เจ็บป่วยต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2023 เมื่อ 02:26 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
แต่ว่าเรื่องนี้คนไทยของเราอย่าได้เพิ่ง "ดราม่า" เนื่องเพราะว่าในฐานะทูตสันถวไมตรีนั้น เราได้มอบให้กับทางรัฐบาลศรีลังกาไปแล้ว ในเมื่อกลับมารักษาตัว ถ้าหากว่าหายป่วยแล้ว ก็ต้องส่งคืนแก่รัฐบาลศรีลังกาต่อไป ซึ่งการส่งคืนนั้น ถ้าไม่ใช่ส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับคืนไป ก็อาจจะต้องหาช้างเชือกอื่นส่งคืนไปทดแทน จึงไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะมา "ดราม่า" กัน
โดยเฉพาะช้างนั้นเป็นสัตว์ใหญ่ มีคุณต่อประเทศชาติของเราอย่างมหาศาล เป็นสัตว์ประจำชาติของเราก็ว่าได้ ปัจจุบันนี้ก็หายากขึ้นทุกทีแล้ว เนื่องเพราะว่าช้างแอฟริกานั้น ไม่สามารถที่จะฝึกให้เชื่องเหมือนกับช้างเอเซีย โดยเฉพาะช้างไทยได้ ดังนั้น..เขาจึงไม่ขอช้างแอฟริกาไปใช้งาน หากแต่ว่าขอช้างเอเชีย โดยเฉพาะช้างของบ้านเราไป ต้องถือว่ารัฐบาลศรีลังกาให้เกียรติกับประเทศไทย ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีการคบหาสมาคมกันมาเนิ่นนาน แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวรัชกาลที่ ๙ พร้อมด้วยสมเด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก็เคยเสด็จไปยังศรีลังกาด้วยพระองค์เองมาแล้ว เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่สามารถที่จะนำเอาอารมณ์มาเหนือเหตุผลได้ จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพขออนุญาตเตือนพี่น้องชาวไทยเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอาอารมณ์มา "ดราม่า" ว่าทำไมนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาตัวหายดีแล้ว จึงส่งกลับไปตกนรกอยู่ตามเดิม..! เรื่องพวกนี้เราอาจจะกล่าวหาบุคคลที่ไม่มีความพร้อมทางเทคโนโลยีมากจนเกินไป เขาอาจจะดูแลจนเต็มสติกำลังของเขาแล้ว แต่ว่าทำได้แค่นั้นก็เป็นได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอาอารมณ์มาเหนือเหตุผล หากแต่ว่าต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของทางการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2023 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|