กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-04-2023, 17:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,592
ได้ให้อนุโมทนา: 217,031
ได้รับอนุโมทนา 749,053 ครั้ง ใน 36,501 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-04-2023, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,581 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็นำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๖ ปฏิบัติธรรมช่วงเช้ามืด ต่อด้วยการทำวัตรเช้า หลังจากนั้นก็ให้พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนออกบิณฑบาต เนื่องจากว่าแผลผ่าตัดที่เท้าของกระผม/อาตมภาพนั้นยังไม่หายดี ไม่สามารถที่จะเดินบิณฑบาตได้ตามปกติ แม้ว่าวันนี้จะมีงาน "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ก็ตาม จึงต้องปล่อยให้พระภิกษุสามเณรท่านทำหน้าที่กันเหมือนกับว่าตนเองไม่ได้อยู่วัด

หลังจากที่ฉันเช้าแล้ว น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้นำกระผม/อาตมภาพวิ่งตรงไปยังวัดห้วยสะพาน หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำพระสมเด็จคำข้าวพิมพ์ปรกโพธิ์เล็ก จำนวน ๒,๐๐๐ องค์ ไปส่งให้หลวงพ่อพระครูกิตติพัฒน์ (พระครูโสภณกาญจนพัฒน์) เจ้าอาวาสวัดห้วยสะพาน เจ้าคณะตำบลตำบลหนองโรง ตามที่ท่านได้สั่งเอาไว้

หลวงพ่อพระครูกิตติพัฒน์ท่านบ่นว่า "ญาติโยมขอบูชากันมากเหลือเกินทั้ง ๆ ที่พระยังมาไม่ถึงมือผมเลย ถ้าหากว่าหลวงพ่อเล็กไม่ไปประกาศบอก ผมก็จะได้เก็บเอาไว้เงียบ ๆ แต่ในเมื่อทุกคนรู้แล้ว ก็ดูท่าว่าจะเก็บต่อไปไม่ไหว"

กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายท่านไปว่า "ทางวัดไม่มีของเหลือแล้ว แม้ว่าจะขึ้นราคาไปหนึ่งเท่าตัว แต่ปรากฏว่าญาติโยมก็สู้ราคากันเหลือเกิน โดยเฉพาะในท้องตลาดนั้น ขึ้นราคาไปมากกว่าทางวัดเสียอีก" ท่านเองท่านก็บอกว่า "อยากจะเก็บเอาไว้รอภาวะสงครามเกิดก่อน แต่ดูท่าว่าจะเก็บไม่ไหว"

อีกส่วนหนึ่งที่เห็นของวัดห้วยสะพานก็คือ วันนี้เป็นงานทำบุญอัฐิ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติโยมที่ล่วงลับไปแล้ว ปรากฏว่ามีคนมาทำบุญเป็นพันคนเหมือนกัน ต้องบอกว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพเคยรณรงค์ ก็คือ "ทำอย่างไรให้การจัดงานทำบุญนั้น ให้มีญาติโยมมากกว่าพระ" แล้วก็ได้รับการถกเถียงคัดค้านขึ้นมาจากบรรดาพระสังฆาธิการว่า ถ้าทุกคนมีบารมีเหมือนหลวงพ่อเล็กก็ทำได้ แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่าทุกคนสามารถที่จะทำได้

เนื่องเพราะว่าถ้าพระภิกษุสามเณรของเรา เป็นพระภิกษุสามเณรตามแบบที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาสั่งสอนเอาไว้ ก็ไม่มีญาติโยมที่ไหนอยากจะเดินทางไปทำบุญไกลจากบ้านตัวเองหรอก ในเมื่อมาเห็นทางวัดห้วยสะพานจัดงานทำบุญแล้วมีโยมมาเป็นพันคน ทั้ง ๆ ที่มีพระภิกษุสามเณรไม่ถึง ๒๐ รูปดี ก็รู้สึกว่านี่เป็นอีกวัดหนึ่งที่ถือว่าเป็นวัดที่มีญาติโยมศรัทธาอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถเป็นที่พึ่งแก่ญาติโยมในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2023 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-04-2023, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,581 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งต่อไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เพื่อที่จะร่วมในพิธีถวายภัตตาหารพระราชทานแก่ผู้เข้าสอบบาลีสนามหลวงรอบที่ ๒ ประจำปี ๒๕๖๖

ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ว่าจะไปนั่งรวมกับบรรดานักเรียนบาลีที่เข้าสอบ แต่ปรากฏว่าท่านพระครูปลัดอ๋อ (พระครูปลัดสุวัฒนวิมลคุณ, ดร.) มานิมนต์กระผม/อาตมภาพไปนั่งยังที่นั่งพระเถระ โดยมีเจ้าคุณอาจารย์พระศรีวิสุทธิวงศ์ (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ.๙) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร หรือที่พวกเราเรียกกันตามคุ้นเคยว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ ท่านเป็นประธานในการรับภัตตาหารพระราชทานครั้งนี้ โดยมีกระผม/อาตมภาพเป็นผู้รับสัพพีฯ หลังจากที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ถวายพระพรแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รับ ภะวะตุ สัพพะมังคะลังฯ เสร็จพิธีแล้วจึงไปฉันเพลกัน

โดยที่พระเดชพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านมาช้าอยู่นิดหนึ่ง เพราะมีภารกิจข้างนอก แต่ก็ยังอุตส่าห์มาร่วมวงฉันด้วย ในวงนั้นนอกจากพวกเราที่รู้จักมักคุ้นกันแล้ว ก็ยังมีท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านพระครูศรีรัตนาภิวัฒน์ (ทวี รตนเมธี) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้น ซึ่งทุกคนบ่นเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า ในเมื่อการสอบรอบสองไม่ใช่ธรรมเนียมประเพณีที่สืบเนื่องกันมาเป็นร้อย ๆ ปี แล้วทำไมทางแม่กองบาลีสนามหลวงจึงไม่เลื่อนเสียหน่อย ?

แม้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะกำหนดเป็นวันขึ้นแรม แล้วบังเอิญมาตรงกับช่วงสงกรานต์ก็ตาม ทุกคนก็รู้ว่าวันสงกรานต์นั้นทุกวัดมีงานวุ่นวายขนาดไหน แต่นี่ต้องมาจัดสอบบาลีในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ เมษายน ซึ่งหลายวัดแม้กระทั่งวันที่ ๑๗ เมษายนก็ยังมีงานทำบุญสงกรานต์กันอยู่เลย แค่ประกาศเลื่อนให้ไปสอบวันที่ ๑๘, ๑๙, ๒๐ นั้นยากนักหรือไร ์ ก็ได้แต่บ่นแล้วพูดคุยกันไป เพราะไม่ว่าอย่างไร ถึงเวลาก็อยู่ในลักษณะที่ว่า "ผีถึงป่าช้า" ก็คือไม่เผาก็ต้องฝังกันไปตามเพลง

เมื่อฉันภัตตาหารเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณแย้ม เจ้าคณะภาค ๑๔ แล้วก็เดินทางมาพักที่วัดท่ามะขาม เมื่อถึงเวลาก็ได้ออกไปทำการบังสุกุลอัฐิหน้าป้ายบูรพาจารย์วัดท่ามะขาม ตามที่ท่านพระครูบ่าว (พระครูกาญจนปริยัติคุณ) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขามแห่งนี้นิมนต์ แล้วรับการถวายน้ำสรงช่วงสงกรานต์จากคณะสงฆ์วัดราษฎร์ประชุมชนาราม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2023 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-04-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,581 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งต่อไปยังวัดอุดมมงคล (เขาน้อย) หมู่ที่ ๔ บ้านวังสารภี ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจัดงานหล่อรูปพระอุปคุตเถระ เมื่อไปถึงปรากฏว่ามีญาติโยมจำนวนมากมารออยู่ ท่านพระครูวินัยธรถวิล ถาวรธัมโม เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคล (เขาน้อย) รองเจ้าคณะตำบลปากแพรก มุ่งแต่จะพากระผม/อาตมภาพไปพบกับญาติโยม ที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพหล่อรูปพระอุปคุตเถระในครั้งนี้ จนเกือบจะพาเดินเลยผู้บังคับบัญชาไปแล้ว ดีที่กระผม/อาตมภาพได้ยินเสียงเรียกจากพระเดชพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

เมื่อหันไปแล้ว นอกจากเห็นหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ก็ยังมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณประสงค์ - พระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย ป.ธ.๘) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีฝ่ายธรรมยุต

และหลวงพ่อเจ้าคุณวัดญวน - พระสมณานัมธีราจารย์ วัดถาวรวราราม นั่งอยู่ด้วยกัน กระผม/อาตมภาพจึงกราบลงกับพื้นตรงนั้นเอง แล้วขอตัวไปพบกับญาติโยมที่รออยู่ ซึ่งแต่ละคนก็ไม่มีอะไรหรอก นอกจากตั้งใจว่ามารอทำบุญกับหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนเท่านั้น

เมื่อได้เวลากระผม/อาตมภาพก็ขึ้นนั่งปรกอธิษฐานจิต ในการเสกรูปหล่อพระอุปคุตเถระ และคุมธาตุในการหล่อรูปพระอุปคุตเถระองค์ใหญ่ ปรากฏว่าเห็นพระอุปคุตท่านมายืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางมณฑลพิธีแล้ว น้อมจิตน้อมใจกราบลงแทบเท้าท่าน เพราะว่าท่านเคยให้การสงเคราะห์มาหลายต่อหลายครั้ง

ถ้าหากว่าท่านใดที่ไม่รู้ว่าพระอุปคุตเถระนั้นมีรูปร่างลักษณะอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าท่านนึกถึงหลวงพ่อสูงก็แล้วกัน ก็คือมีรูปลักษณ์ผอมสูงมาก แต่ว่าถ้าหากว่าในสมัยนั้น ท่านเองก็คงมีรูปร่างปกติ นอกจากจะผอมไปหน่อยเท่านั้นเอง

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำการพรมน้ำพระพุทธมนต์ ที่ญาติโยมทั้งหลายแย่งกันยื่นหัวมา จนกระทั่งทางเจ้าภาพต้องขอร้องว่า ให้ไปพรมรูปหล่อพระอุปคุตเถระ ทั้งรูปบูชาและรูปหล่อองค์ใหญ่เสียก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2023 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 17-04-2023, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,581 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นก็ได้กราบลาทุกท่าน เดินทางเข้ามาพักที่วัดท่ามะขามอีกรอบหนึ่ง เพราะว่างานต่อไปก็คืองานทำบุญถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า ซึ่งมรณภาพครบรอบปีไปแล้ว

ความจริงหลวงพ่อท่านมรณภาพในวันที่ ๙ เมษายน แต่ว่าถ้าหากทำบุญช่วงนั้นก็อาจจะไม่สะดวก ทางด้านพระครูกาญจนกิจโสภณ, ดร. เจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่ารูปใหม่ เจ้าคณะตำบลทุ่งลาดหญ้า จึงได้เลื่อนมาทำบุญในวันนี้ ซึ่งเป็นการทำบุญช่วงสงกรานต์ จะได้รวมสองงานเป็นงานเดียว ถือว่าเป็นการประหยัดไปในตัว

แต่ว่าการกลับมาพักที่วัดท่ามะขามนั้น กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมบุคคลถึงเป็นลมแดด เนื่องเพราะว่าตนเองอยู่ในมณฑลพิธีหล่อพระที่ร้อนมาก เมื่อกลับถึงที่พัก ทำการเปลื้องจีวรและสังฆาฏิออกแล้ว จึงได้เห็นว่าตนเองนั้น อังสะเปียกโชกไปเกือบครึ่งตัว..! เพราะว่าอยู่ในมณฑลพิธีที่ร้อนมาก

บางคนเคยบอกว่า "พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่มีเหงื่อ" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นพระระดับไหนก็มีสภาพขันธ์ ๕ เหมือน ๆ กัน ดันไปจับเอาพระพุทธวจนะที่ตรัสกับสัจจกพราหมณ์ ซึ่งมาโต้วาทีกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เมื่อถึงเวลาจนแต้มแล้วก็เหงื่อท่วมตัว แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปิดจีวรให้ดูว่าพระองค์ท่านไม่มีเหงื่อเลย ซึ่งความจริงเหงื่อตรงนั้นก็คือเหงื่อจากความตื่นเต้น ไม่ใช่เหงื่อจากความร้อนตามปกติ

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เมื่อไม่มีความตื่นเต้นกับใคร จึงไม่มีเหงื่อไหลออกมาเหมือนสัจจกพราหมณ์ที่เหงื่อท่วมตัวเพราะจนแต้ม ไม่สามารถที่จะตอบปัญหาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

กระผม/อาตมภาพเองก็ยังขำอยู่ว่า ตนเองก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ก็ดันมีผู้ที่มาฟันธงว่ากระผม/อาตมภาพเป็นพระสุปฏิปันโนแน่แล้ว ในเมื่อเป็นพระสุปฏิปันโน ทำไมถึงยังมีเหงื่ออยู่ ? จึงเป็นเรื่องที่ "หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้" เพราะว่าท่านทั้งหลาย "ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด" เอาเรื่องโน้นไปปนกับเรื่องนี้ สับสนวุ่นวายไปหมด ซึ่งภายหลังก็จะทำให้สัทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการเลือนลางผิดเพี้ยนไปมากต่อมากด้วยกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2023 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว