กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-07-2014, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติทั้งหมดเอาไว้เฉพาะหน้า คือให้ความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่ ๒ ของเดือนนี้ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องที่ใกล้ชิดกับเราที่สุด ก็คือร่างกายของเรานี้เอง ถ้าแยกแยะร่างกายนี้ออกก็จะมีส่วนประกอบอยู่ ๕ ส่วน ก็คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือที่เรียกรวมกันว่าขันธ์ ๕ หรือการรวมอยู่ของสิ่ง ๕ ประการ

รูป คือ ร่างกายนี้ ซึ่งประกอบขึ้นจากธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัยอยู่ชั่วคราว เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง เมื่อถึงเวลา รถยนต์คันนั้นหมดอายุการใช้งาน เราซึ่งเป็นจิตอาศัยอยู่ในรถยนต์คันนี้ ก็ต้องทิ้งรถเก่าไปหารถใหม่ ซึ่งก็จะได้ตามบุญตามกรรมที่เราสร้างเอาไว้

เวทนา คือ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเป็นกลาง ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ สัญญา คือ ความรู้ได้หมายจำต่าง ๆ สังขาร คือ ความนึกคิดปรุงแต่งของใจ วิญญาณ คือ ความรู้สึกที่เรารับรู้ได้ด้วยประสาทร่างกายเช่น เจ็บ ป่วย หนาว ร้อน หิวกระหาย เป็นต้น

ร่างกายที่เราอาศัยอยู่นี้ เกิดขึ้นมาได้เพราะอวิชชาคือความไม่รู้ ทำให้เรายึดถือมั่นหมายในร่างกายนี้ ในเมื่อเรายึดถือมั่นหมายก็ทำให้เกาะติดอยู่กับที่ ในเมื่อเกาะติดอยู่กับที่ก็ต้องเกิดมา เมื่อเกิดมามีร่างกายนี้แล้ว เรื่องของความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นของแถมที่มากับร่างกาย แต่เราก็มักจะไปยึดว่านี่เป็นความสุข เราชอบใจ นี่เป็นความทุกข์ เราไม่ชอบใจ นี่เป็นความไม่สุขไม่ทุกข์ เราเฉย ๆ

สัญญาคือความรู้ได้หมายจำนั้น ก็สามารถที่จะเสื่อมสิ้นไปตามสภาพสังขาร ถ้าหากว่ากายสังขารไม่ดี สมองได้รับการกระทบกระเทือน หรือว่าสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น ความจำของเราก็ไม่ดี มีการเปลี่ยนแปลง มีความทุกข์เป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2014 เมื่อ 12:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-07-2014, 06:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สังขารคือจิตสังขารเป็นตัวอันตรายที่สุด เพราะว่าวิญญาณ ความรู้สึกเจ็บป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย ที่เกิดกับร่างกายนั้น เราต้องแบ่งกำลังใจออกเป็นชอบ ไม่ชอบหรือเฉย ๆ เช่นกัน แต่ว่าทั้งหมดนี้เกิดจากการปรุงแต่งของใจ

ถ้าหากว่าตาเห็นรูป เราสามารถหยุดความคิดไว้ได้ ไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งว่า นี่เป็นหญิง นี่เป็นชาย นี่เป็นคน นี่เป็นสัตว์ ความรักชอบเกลียดชังต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าสักแต่เห็นว่าเป็นรูป

เวทนา ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ ถ้าหากว่าเราสักแต่รับรู้เอาไว้ ว่านี่เป็นความสุข นี่เป็นความทุกข์ นี่เป็นความไม่สุขไม่ทุกข์ สภาพจิตเราก็จะเฉย ๆ ไม่ได้ไปปรุงแต่งว่าชอบหรือไม่ชอบ หรือว่าวางเฉยต่อสิ่งนั้น

สัญญา ความรู้ได้หมายจำ เราก็มักจะจำเอาเรื่องที่ดี ที่มีความสุข ผลักดันเอาเรื่องที่ไม่ดีหรือที่มีความทุกข์ให้ห่างออกไป ถ้าหากว่าเราสักแต่ว่าเป็นผู้รับรู้ มีสติสัมปชัญญะอยู่กับปัจจุบันธรรมเฉพาะหน้า ไม่ปรุงแต่งไปในอดีตซึ่งจะมีแต่จะหวนหาอาลัย หรือไม่ปรุงแต่งไปในอนาคตซึ่งเป็นการเพ้อฝันวุ่นวาย อยู่กับลมหายใจเฉพาะหน้า สัญญาก็ทำอันตรายใด ๆ เราไม่ได้

วิญญาณก็เช่นกัน ถ้าหากว่าเรากำหนดรู้ว่าตอนนี้ความเจ็บเกิดขึ้น สักแต่ว่ารู้ ไม่ไปคิดว่าความเจ็บเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบใจ หรือเรากำหนดรู้ว่าตอนนี้สัมผัสที่อ่อนนุ่มหรือว่าสิ่งที่เย็นสบายเกิดขึ้น ถ้าเราสักแต่ว่ารับรู้ ไม่ไปยินดียินร้าย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอันตรายเราได้

ดังนั้น..ทุกท่านจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วขันธ์ ๕ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการปรุงแต่งของจิตสังขารตัวเดียว ทำให้เกิดความรักชอบเกลียดชังขึ้นมา ซึ่งเป็นสาเหตุของรัก โลภ โกรธ หลง แล้วเราก็จะไปยึดในสิ่งที่ชอบใจ และผลักไสสิ่งที่ไม่ชอบใจ แต่ว่าก็เป็นการยึดทั้งสองฝ่าย ก็คือยึดว่าสิ่งนี้ดี เราต้องการ ยึดว่าสิ่งนี้ไม่ดี เราไม่ต้องการ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 28-07-2014 เมื่อ 12:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-07-2014, 13:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น บริหารร่างกายไปตามหน้าที่ ถึงเวลาจะเสื่อมสลายตายพังไปอย่างไร เราก็ไม่ไปดิ้นรนกระวนกระวาย ถ้าหากว่ามีชีวิตอยู่ก็อาศัยร่างกายนี้สร้างบุญ สร้างบารมี ถ้าตายลงไป เราก็ขอไปอยู่พระนิพพานที่เดียว ถ้าสภาพจิตของเราไม่ยึดในร่างกายนี้ ก็ย่อมไม่ไปยินดียึดถือในร่างกายของคนอื่น ก็ไม่ไปยินดียึดถือในร่างกายของสัตว์อื่น ไม่ไปยึดถือในสิ่งต่าง ๆ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ถ้าอย่างนั้นเราก็มีสิทธิ์จะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2014 เมื่อ 16:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว