กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-01-2012, 09:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,152
ได้รับอนุโมทนา 4,420,164 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๕

ขอให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายจ้ะ จะนั่งขัดสมาธิหรือนั่งพับเพียบก็ได้ ถ้าใครนั่งเก้าอี้แล้วสบายจะใช้เก้าอี้ก็ได้ เพียงแต่ว่าให้เราตั้งกายให้ตรงเพื่อที่เลือดลมจะได้เดินได้สะดวก คล่องตัว

หลังจากนั้นให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่เฉพาะหน้า อยู่กับลมหายใจเข้าออกแค่นี้ ถ้าหากว่าเผลอไปคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อใด ก็ให้ดึงความรู้สึกกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกใหม่ทันที

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติธรรมช่วงปีใหม่วันที่สองของเรา วันนี้มีญาติโยมหลายท่านถามคำถามแล้วทำให้อาตมาฉุกใจคิดว่า การที่พวกเราทั้งหลายปฏิบัติธรรมนั้น บางทีเราก็เน้นหนักไปในด้านเดียว ก็คือว่า ถ้าจะเอาเรื่องทางธรรมก็ไปยาวเลย โดยไม่ได้สนใจ ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ซึ่งความจริงแล้วถ้าหากว่าเราทำกันอย่างชนิดที่เรียกว่าสละชีวิตก็ได้ กำลังใจก็ควรที่จะไปในแนวนั้น

แต่ว่าเรายังต้องอยู่ในสังคมก็ควรจะยึดหลักว่า ลกต้องไม่ช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย เพราะว่าถ้าหากว่าเราไม่เอาทางโลกเสียเลยก็ไม่ได้ แม้ทางโลกจะเป็นเรื่องสมมติ แต่เมื่อเราอยู่กับโลกก็ต้องเคารพสมมติทางโลกเป็นปกติ

ดังนั้น..ทางสายกลางสำหรับนักปฏิบัติจริง ๆ ที่ว่าโลกต้องไม่ช้ำธรรมต้องไม่เสียนั้น เราก็ควรจะดูความพอเหมาะ พอควร พอดี ไม่อย่างนั้นแล้วอาจมีการกระทบกระทั่งกับคนรอบข้าง คนในครอบครัว ทำให้เกิดการแตกแยกขึ้น ทำให้บุคคลจำนวนหนึ่งที่ปัญญาไม่ถึง เกิดการตราหน้าเราขึ้นมาว่า..นี่นะหรือนักปฏิบัติ ไหนว่าไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว ทำได้เพียงแค่นี้เองหรือ ?...ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ จะต้องได้พบแน่ ๆ สำหรับนักปฏิบัติทุกคน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:30
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-01-2012, 08:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,152
ได้รับอนุโมทนา 4,420,164 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ถ้าหากว่าเราไม่ระมัดระวัง การกล่าวหาหรือการตราหน้าในลักษณะอย่างนี้ก็จะมีมากและหนัก ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในสังคมได้ยาก อยู่กับคนรอบข้างได้ยาก เพราะว่านักปฏิบัติธรรมนั้น ควรที่จะพัฒนา กาย วาจาและใจ ของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ว่ากี่วัน ๆ ก็เหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นก็สมควรที่เขาจะตราหน้าเราอยู่

แต่ถ้าเรารู้จักพัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มีความละเอียดรอบคอบ หมั่นสังเกตดูว่าคนรอบข้างมีความคิดความเห็นกับเราอย่างไร แล้วก็พยายามปรับในลักษณะโอนอ่อนผ่อนตามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่เกินกรอบของศีล ถ้าเขาจะพาเราไปผิดศีลผิดธรรม เราไปแค่สุดกรอบแล้วก็ย้อนกลับมา

พูดง่าย ๆ ว่าตามใจโลกแต่ก็ไม่ใช่ตามใจเสียทั้งหมด ขณะเดียวกันทิ้งโลก..ก็ไม่ได้ทิ้งเสียทีเดียวทั้งหมด เพราะว่าธรรมและโลกอิงอาศัยกันอยู่ ร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลก อย่างไรเสียเราก็ต้องอาศัยโลกอยู่ แต่ขณะเดียวกัน จิตใจของเราต้องให้พัฒนาไปตามสภาวธรรม ให้ศีล สมาธิ ปัญญาของเราเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ถ้าหากว่าเราพัฒนาในเรื่องของปัญญาด้วยจริง ๆ ก็จะเห็นช่องทางว่าเราจะอยู่กับโลกอย่างไรให้มีความสุข แต่ถ้าหากว่าเรายังก้าวไม่ถึงในระดับพัฒนาปัญญาขึ้นมาก็จะต้องมีการกระทบกระทั่งกับโลกเป็นธรรมดา

ดังนั้น..การที่วันนี้ญาติโยมบางท่านมาถามปัญหาก็ดี มีการแสดงออกต่าง ๆ ในระหว่างที่มาถวายสังฆทานก็ดี ทำให้อาตมาฉุกใจคิดขึ้นมาว่า บางท่านนั้นมาในทางธรรมจนโลกช้ำไปแล้ว ส่วนบางท่านก็เกาะทางโลกมากเกินไปจนธรรมนั้นเสีย

ให้ทุกท่านพิจารณาดูตัวเราเองว่า ปัจจุบันนี้ตัวเรานั้นอยู่ในลักษณะของโลกช้ำธรรมเสียหรือไม่ ? ถ้าหนักไปในด้านไหนด้านหนึ่งก็ให้พยายามปรับ พยายามผ่อน เพื่อให้ออกมาให้ดีที่สุด ถ้าออกมาในลักษณะที่ดีที่สุด มีการพัฒนา กาย วาจาและใจ ของเรา ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สมกับที่เป็นนักปฏิบัติแล้ว เราอาจจะสร้างความเชื่อถือให้แก่คนรอบข้าง ทำให้เขาสนใจอยากจะปฏิบัติตามบ้าง เพราะเห็นชัดว่าเราพัฒนาตัวเองดีขึ้นมาได้อย่างไร

ถ้ามาถึงตรงจุดนี้ เราก็จะสร้างความเลื่อมใสให้แก่บุคคลที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และสร้างความเลื่อมใสยิ่ง ๆ ขึ้นไปให้แก่บุคคลที่เลื่อมใสในพุทธศาสนาอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2012 เมื่อ 10:44
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-01-2012, 08:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,152
ได้รับอนุโมทนา 4,420,164 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติธรรมของเรานั้น นอกจากเพื่อมรรคเพื่อผลของตนเองแล้ว ยังเป็นการเกื้อกูลพระศาสนา เป็นการสงเคราะห์เพื่อนร่วมโลกอีกด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงควรเป็นสิ่งที่ควรจะต้องสังวรระวังเอาไว้ว่า การก้าวเดินไปในเส้นทางธรรมนั้น เราจะไม่ใส่ใจทางโลกเลยก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่เราต้องปลีกตัวออกจากสังคมไปเลย แต่ถ้าตราบใดที่เรายังต้องอยู่ในสังคมอยู่ ก็ต้องระมัดระวังอย่าให้โลกช้ำธรรมเสีย

เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ให้พยายามใช้ปัญญาควบคุมแสดงออกด้วยกาย ด้วยวาจาของเรา ในลักษณะที่อย่าให้กระทบคนอื่นมาก อย่างเช่นว่า เรารักษาศีล ๘ ถึงเวลาถ้าหากว่าออกไปกับเพื่อน หลังเที่ยงแล้วเราไม่กินอะไร ถ้าเพื่อนถามแล้วเราไปกล่าวว่าเรารักษาศีล ๘ ตรง ๆ ก็อาจจะมีปัญหา ก็อาจจะเลี่ยงไปว่าตอนนี้อ้วนแล้วอยากจะลดน้ำหนักสักหน่อยหนึ่ง เธอกินตามสะดวกเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นคนจ่ายเองก็ได้ อะไรทำนองนี้

หรือไม่ก็บอกในลักษณะที่ว่า ของอย่างนี้กินไม่ได้เพราะแสลงโรคที่เป็นอยู่ หรือว่าหมอห้าม เป็นต้น อย่างบางคนเขาชวนไปกินเหล้าเมายา ก็บอกว่าแพ้แอลกอฮอล์ หมอบอกว่าถ้ากินมากอาจจะถึงตายได้ เราก็สามารถที่จะเลี่ยงกับสถานการณ์นั้นได้ โดยที่ไม่ต้องไปอ้างเรื่องศีลเรื่องธรรมซึ่งเป็นเรื่องขัดหูขัดตาพวกเขา เป็นต้น

ในวันนี้สิ่งที่อยากจะตักเตือนพวกเราไว้ก็คือว่า ในการปฏิบัตินั้นให้พยายามเดินอยู่ระหว่างกลางของโลกและธรรม และทางสายกลางนั้น เรามีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นกรอบ พัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นตามลำดับได้ ก็จะเป็นการสร้างศรัทธาให้แก่ผู้อื่นอีกส่วนหนึ่งด้วย

สำหรับตอนนี้ก็ขอให้ทุกคนตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง พร้อมกับภาพพระหรือการพิจารณาของเราตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2012 เมื่อ 11:29
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-02-2012, 14:52
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,428 ครั้ง ใน 1,284 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-01-07

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว