กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-07-2011, 13:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตนจ้ะ ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้เฉพาะหน้า คืออยู่กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาตามที่เราชอบใจ เคยทำอย่างไรมาให้ใช้คำภาวนาอย่างนั้น

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทย คือ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ก็ย่อมจะต้องมีผู้แพ้ ผู้ชนะตามกฎตามกติกาที่ได้วางไว้ ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ได้ชนะก็จะยินดี บุคคลที่พ่ายแพ้ก็จะเสียใจ

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ตัวเราที่เป็นนักปฏิบัติควรจะเอามาเป็นบทเรียนสอนตนเองให้ได้ เนื่องจากว่าโลกของเรานั้นมีธรรมอยู่ ๘ ประการ ที่ปรากฏอยู่เป็นปกติ เรียกว่า โลกธรรมทั้ง ๘ ได้แก่ การมีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ ถูกนินทา มีสุข มีทุกข์

ถ้าแบ่งออกง่าย ๆ เป็น ๒ ฝ่าย ก็คือ อิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่น่าพอใจ คือ การได้ลาภ ได้ยศ ได้รับการสรรเสริญ และได้รับความสุข ส่วนอีกข้างหนึ่งเรียกว่า อนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ คือ การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา มีความทุกข์ เป็นต้น

ท่านผู้รู้ได้แบ่งเอาไว้ว่า ในโลกธรรมทั้ง ๘ นั้น มีทั้งส่วนที่ทำให้หวั่นและส่วนที่ทำให้ไหว ส่วนที่ทำให้หวั่น คือกลัวว่าจะเกิดแก่ตน ได้แก่ การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา ได้รับความทุกข์ ส่วนที่ทำให้ไหว คือ เมื่อเกิดแก่ตนแล้ว ไม่สามารถจะรักษาสภาพจิตใจให้มั่นคงได้ อดไม่ได้ที่จะยินดีปลาบปลื้ม ก็คือ ในเรื่องของการได้ลาภ ได้ยศ ได้รับการสรรเสริญ และมีความสุขนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2011 เมื่อ 08:49
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-07-2011, 08:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นักปฏิบัติอย่างพวกเรา เมื่อปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แต่การทรงศีล สมาธิ ปัญญาเฉย ๆ แต่ว่าเราต้องเอากำลังในการปฏิบัติที่เกิดจากศีล สมาธิ และปัญญานี้มาใช้ในชีวิตจริง ชีวิตจริงของเราที่ดำเนินอยู่ในโลกนี้ ก็จะต้องพบกับโลกธรรมทั้ง ๘ ประการนี้เป็นปกติ

เมื่อกระทบกับโลกธรรมทั้ง ๘ นี้ ไม่ว่าจะมีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ได้รับคำสรรเสริญหรือถูกนินทา มีสุขหรือมีทุกข์ เรายินดีหรือยินร้ายหรือไม่ ? ความยินดีความพอใจนั้น ก็คือส่วนของราคะ เป็นรากเหง้าใหญ่ของกิเลส ความยินร้ายก็เป็นส่วนของโทสะ เป็นรากเหง้าใหญ่ของกิเลสเช่นเดียวกัน

เพียงแต่ว่าในส่วนของความยินร้ายนั้น เราสามารถที่จะผลักไสถอดถอนไล่ออกจากใจได้ง่าย เพราะเป็นอารมณ์ที่ไม่ยินดี ไม่เป็นที่ชอบใจของเราอยู่แล้ว ในส่วนของลาภ ยศ สรรเสริญ สุขนั้น เป็นส่วนที่ทุกคนปรารถนา ทุกคนต้องการ กลับมีโทษมากกว่า เพราะเรายินดี อยากมีอยากได้ ไปไขว่คว้าหามา จึงไม่เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ นำพาให้เราเกิดทุกข์เกิดโทษอย่างไร ถ้าเราไปยินดี ไปยึดมั่น ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้

ดังนั้น..ในเรื่องที่ดี ๆ นั้น จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากกว่า เพราะทำให้เรายึดติดได้ง่าย สู้ให้เป็นเรื่องร้ายไปเลยจะดีกว่า เพราะเรื่องร้ายเราไม่ยินดีและพยายามที่จะผลักไสออกไปอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2011 เมื่อ 08:51
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-07-2011, 08:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อนักปฏิบัติกำลังใจทรงตัวแล้วกระทบกับโลกธรรม มีความยินดียินร้ายหรือไม่ ? ต้องดูกำลังใจของตนเอง ถ้าไม่ยินดียินร้ายกับโลกธรรม ก็จะอยู่ในลักษณะที่ไม่ไปไขว่คว้าหรือไม่ไปผลักไส ไม่ว่าในส่วนอิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่น่าพอใจ หรืออนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ

ถามว่าจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกอย่างไร ? ถ้าไม่ยินดีในสิ่งที่คนอื่นเขาต้องการ ก็ต้องทำตัวในลักษณะที่ว่าไม่ไปไขว่คว้ามาจนเกินพอดี แต่ถ้ามีก็ไม่ขับไสไล่ส่ง เพราะว่าการที่เราไปดิ้นรนไขว่คว้าจนเกินพอดี ย่อมจะสร้างทุกข์สร้างโทษแก่เรา แต่ถ้าสิ่งทั้งหลายได้มาด้วยความดี ความสามารถของเราเอง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องผลักไส เพียงแต่ว่าให้รับไว้อย่างมีสติ

มีสติรู้อยู่ว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ท้ายสุดก็ดับไป ถ้าเราเห็นธรรมดาของโลกได้ ก็จะเกิดการปล่อยวาง ไม่ไปยึดมั่นถือมั่น เมื่อพบกับอารมณ์ที่น่ายินดีก็ไม่ไปยินดีจนเกินงาม เมื่อพบกับอารมณ์ที่ไม่น่ายินดี ก็ไม่ไปยินร้ายด้วย จิตใจจะอยู่ในสภาพเป็นกลาง ที่เรียกว่า อัพยากตารมณ์ คืออารมณ์กลาง ๆ ไม่ยินดีไม่ยินร้าย

ถ้าสามารถวางกำลังใจเช่นนี้ได้ ก็จะเกิดสภาพจิตที่ได้กล่าวก่อนเจริญกรรมฐานว่า ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะนะ กัมปะติ จิตที่กระทบกับโลกธรรมแล้วไม่หวั่นไหว ซึ่งองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เป็นเอตัมมัง คะละมุตตะมัง เป็นมงคลอันสูงสุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2011 เมื่อ 13:05
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-07-2011, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในวันนี้พวกเราทั้งหลายดูบทเรียนของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งที่สอบได้และที่สอบเกือบได้ ดูว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความยินดียินร้ายต่อโลกธรรมที่เข้ามาถึงตนอย่างไร ? แล้วเราเองพลอยยินดียินร้ายไปกับท่านเหล่านี้ไปถึงระดับไหน ?

ถ้าเราสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของเราให้อยู่ในกรอบ ไม่ยินดียินร้ายจนเกินงาม ก็คือไม่ไปยินดียินร้ายกับกรรมของคนอื่นนั่นเอง ถ้าสามารถทำอย่างนั้นได้ แสดงว่ากำลังใจของท่านทั้งหลายเห็นธรรมดาในโลกธรรม เห็นความเป็นจริงว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรเป็นสาระแก่นสาร

การเกิดมาก็ต้องพบกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นธรรมดา แต่ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาพบกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ถ้าตายลงไปเมื่อไร เราขอไปอยู่พระนิพพานแห่งเดียว ให้ทุกท่านตั้งกำลังใจเอาไว้อย่างนี้ แล้วทำการภาวนาพิจารณาต่อไปตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2011 เมื่อ 13:05
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว