กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-04-2011, 10:48
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,911 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default การเบื่อขันธ์ ๕

การเบื่อขันธ์ ๕
ให้เบื่อให้เป็น และการละสักกายทิฏฐิ

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

๑. “อย่าทำจิตให้เศร้าหมอง เบื่อขันธ์ ๕ ได้ แต่มิใช่เบื่อจนมีอารมณ์หดหู่ ทำจิตเยี่ยงนี้ไม่ถูก ให้หมั่นลงตัวธรรมดาเข้าไว้สิ เห็นปกติของขันธ์ ๕ ว่ามันมีทุกข์อย่างนี้เป็นปกติของมัน คนไม่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีในโลก จริงหรือไม่จริง” (ก็ยอมรับว่า จริง)

๒. “แล้วการเกิดมามีขันธ์ ๕ ได้นี้ เราจักโทษใครที่ไหนก็ไม่ได้ จักต้องโทษตัวเราเองที่มันโง่มาแต่กาลก่อน อยากมีขันธ์ ๕ โดยคิดว่าเป็นของดี มาบัดนี้เมื่อปฏิบัติธรรมเข้าจริง ๆ แล้ว เห็นขันธ์ ๕ เป็นของเลว หาดีไม่ได้เลยมีแต่สร้างทุกข์ให้กับเราอยู่ตลอดกาลเวลา แต่ในเมื่อมันมีขึ้นมาแล้ว ก็ทนมันเป็นชาติสุดท้าย ขอทนโง่อยู่แต่เพียงชาตินี้ ชาติต่อไปขึ้นชื่อว่าการมีขันธ์ ๕ จักไม่มีกับเราอีกต่อไปเป็นอันขาด”

๓. “ให้ตั้งใจไว้อย่างนี้แล้ว พยายามทรงอารมณ์สังขารุเบกขาญาณเข้าไว้ ไม่ให้ความเบื่อหน่ายมันเข้ามาบีบคั้นอารมณ์จิตให้มากจนเกินไป พยายามรักษาอารมณ์เข้าไว้ เฉยด้วยเบื่อด้วยแต่ไม่หดหู่ นี่ก็จักต้องใช้ขันติบารมี คือ จักต้องอดทนด้วยกำลังจิตที่แน่วแน่ ไม่ท้อถอยอยู่ตลอดเวลา ทนโง่มานานนับอสงไขยกัปไม่ถ้วน แค่ชาตินี้เจ้าจักทนไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป ให้ทบทวนบ่อย ๆ มีดจักคมก็ต้องหมั่นลับ ปัญญาก็เช่นกัน ถ้าไม่หมั่นคิด ไม่หมั่นใช้ ไม่หมั่นลับ ไม่ช้าขี้สนิมก็กินหมด”

๔. “ให้จิตยอมรับความจริงเข้าไว้ว่า การเกิดมามีขันธ์ ๕ แล้ว จักต้องพบกับความเจ็บ ความแก่ ความตายเป็นธรรมดา และจักต้องมีการกระทบกระทั่งกับอารมณ์ มีความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ และมีความปรารถนาไม่สมหวังเป็นธรรมดา จักต้องฝึกซ้อมอารมณ์ของจิตอย่าให้ฝืนความเป็นจริงเหล่านี้เข้าไว้ เพราะไม่มีใครที่เกิดมาแล้วในโลกนี้จักหนีพ้นจากกฎธรรมดานี้ได้ ที่พวกเจ้าทุกข์อยู่เพราะจิตไม่ยอมรับความเป็นจริง ตามที่กล่าวมาแล้วนี้ทั้งหมดนั่นเอง”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-04-2011, 11:04
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,911 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๕. “และการฝืนกฎของความเป็นจริงเหล่านี้ เกี่ยวเนื่องกับสักกายทิฏฐิทั้งหมดเพราะหลงยึดขันธ์ ๕ ว่ามีในเรา มีในเขา มีในวัตถุธาตุ ทรัพย์สินต่าง ๆ ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเรา เป็นของเขา นี่เพราะสักกายทิฏฐิตัวเดียวทำให้หลงหมดทุกอย่าง ไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริง ความเจ็บเกิดขึ้นไม่ยอมรับความเจ็บ คิดอยู่แต่ว่าเราจักต้องแข็งแรงอยู่วันยังค่ำ คืนยันรุ่ง ความแก่เกิดขึ้นก็หาว่าเรายังไม่แก่ หลายคนพยายามหลอกตัวเรา หายาให้มันกินเพื่อประทังความแก่บ้าง แม้แต่ความตายก็ไม่อยากให้มันมาถึง ใครตายก็ช่าง แต่เราไม่เคยคิดว่าตัวเราจักตาย”

๖. “การกระทบกระทั่งกับอารมณ์ปกติธรรมของชาวโลก ย่อมหนีการสรรเสริญนินทาไปไม่พ้น แต่พอใครมาด่าขันธ์ ๕ เราก็ไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่บางครั้งเขาด่าตรงตามความเป็นจริง แต่จิตของเราไม่ยอมรับความเป็นจริงก็พาลไปโกรธเขา การสรรเสริญก็เช่นกัน บางครั้งเราเลวแต่เขาแกล้งสรรเสริญว่าดี เราแม้จักรู้ว่าไม่ดีจริงตามนั้น แต่จิตมันก็ฟู พอใจในคำสรรเสริญทุกที การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ การมีทรัพย์สินหรือคนอยู่ในความปกครองของเรา เราก็คิดอยู่แต่ว่าทรัพย์สินหรือคนนั้นจักต้องอยู่กับเราตลอดกาลตลอดสมัย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ากฎไตรลักษณ์ครอบครองโลก ไม่ว่าทรัพย์สินหรือคน หรือแม้แต่ร่างกายของเราเองก็หนีกฎไตรลักษณ์ไปไม่พ้น ในที่สุดไม่ทรัพย์สินหรือคนก็ถึงอนัตตา หรือไม่ขันธ์ ๕ ของเราก็ถึงแก่ความตาย เหตุนี้โลกจึงมีความพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นธรรมดา และมีความปรารถนาไม่สมหวัง ด้วยเหตุสภาวะของโลกไม่เที่ยง เป็นสันตติ หมุนไปหาความเสื่อมและความสลายตัวไปในที่สุด จักหาความสมหวัง สมความปรารถนาได้อย่างไรกัน

๗. “จิตไม่ยอมรับความเป็นจริงมากเท่าไหร่ สักกายทิฏฐิก็มากขึ้นเท่านั้น ดูอารมณ์จิตนี่แหละ เป็นเครื่องวัดสังโยชน์ ทบทวนอารมณ์จิตเอาไว้เสมอ ให้มันยอมรับกฎของความเป็นจริงให้ได้ เพราะจักฝืนอย่างไรก็จักหนีสภาพอย่างนี้ไปไม่พ้น ตราบใดที่ยังมีขันธ์ ๕ อยู่”

๘. “ยอมรับความเป็นจริงมากเท่าไหร่ สักกายทิฏฐิลดลงไปเท่านั้น ฝืนมากเท่าไหร่ทุกข์ก็มากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าจิตมีอารมณ์ไม่ฝืน ทุกข์ก็จักลดลง จนในที่สุดไม่ฝืนเลย อะไรจักเกิดขึ้นยอมรับตามความเป็นจริงว่า อ้อ..! นี่มันเป็นธรรมดานะ ทุกข์ก็จักไม่เกิดขึ้นกับจิตเลย เวลานั้นสังขารุเบกขาญาณก็จักทรงตัว ความเป็นพระอรหันต์ก็เข้ามาถึงได้ไม่ยาก”


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2011 เมื่อ 11:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว