กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-06-2010, 07:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,785
ได้ให้อนุโมทนา: 152,290
ได้รับอนุโมทนา 4,422,014 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default สร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง เอาไว้สู้กับงาน

สมัยที่บวชอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ ท่านให้ปฏิบัติให้มากเข้าไว้ ท่านบอกว่าในช่วงแรกเราต้องสร้างกำลังใจของตัวเอง ให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะสร้างได้ ถ้าหากว่ามีงานเข้ามาเมื่อไร จะได้มีกำลังไว้สู้กับงาน

ตอนนั้นอาตมาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพลังงานเหลือเฟือ ให้ปฏิบัติอย่างเดียวรู้สึกไม่ชอบใจ อยากมีงานในรับผิดชอบเร็ว ๆ ในเมื่อไม่มีงานอื่นทำก็หางานทำเอง

งานแรกที่เท่ากับเป็นความผิดชอบก็คือ กวาดถูศาลานวราชบพิตร เพราะว่าเป็นศาลาที่หลวงพ่อท่านจะต้องลงรับสังฆทานทุกวัน ปรากฏว่าถูศาลาอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน มีคนมาแย่งทำ เขาคงเห็นว่าพระรูปนี้ขยันอะไรนักหนา ถูอยู่ได้ทุกวัน

ในเวลาทำงานเรากำหนดความรู้สึกตามไปด้วย
เวลากวาด เวลาถู ไม้ถู..ไม้กวาด ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น กำหนดรู้ไปด้วย ก็เท่ากับเราปฏิบัติกรรมฐานไปด้วย ในขณะที่ทำงานตอนนั้นก็คิดว่า กำลังของเราสามารถที่จะทำงานได้

มาในระยะหลัง พอออกจากวัดไปทำงานด้วยตนเอง จึงพอที่จะเข้าใจที่หลวงพ่อท่านว่ามา เพราะว่าการทำงานต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้างก็ดี การบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดี จะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้

คราวนี้ในปัจจุบัน อย่างการบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ หรืองานรับผิดชอบ เวลามอบให้คนอื่นทำหน้าที่แทนเวลาเราไม่อยู่ ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือ พระครูน้อย(พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) พออาตมากลับไปทีไร ท่านเหมือนกับวางโลกลงไปได้ หายใจได้สะดวกสักที กลายเป็นว่าการที่ท่านต้องไปรับหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารวัดให้ดีแค่นั้นของอาตมา ในความรู้สึกของท่าน คือ เกินกำลังที่จะรับไหว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2015 เมื่อ 12:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-06-2010, 07:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,785
ได้ให้อนุโมทนา: 152,290
ได้รับอนุโมทนา 4,422,014 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่กล่าวถึงนี้ อยากจะบอกต่อไปอีกว่า ถ้าหากว่าตราบใดที่กำลังใจของเรา ยังไม่สามารถที่จะละ รัก โลภ โกรธ หลง บางส่วนไปได้ บางทีการตัดสินใจในหน้าที่การงานต่าง ๆ เราก็จะทำไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เต็ม ๆ ซึ่งโอกาสเสียก็จะมีมากกว่าดี เพราะว่าเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าใช้เหตุผล

จากที่คิดว่าเราแน่ อยากมีงานรับผิดชอบเร็ว ๆ มาตอนนี้พยายามเลี่ยงการรับผิดชอบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กลายเป็นคนละอารมณ์กัน

พอออกจากวัดท่าซุงมา ทางวัดต้องหาพระไปแทนที่อาตมาทำงานซึ่งอยู่คนเดียว ไม่มากไม่มาย แค่ ๕ ท่านเท่านั้นเอง..! ก็เลยสงสัยว่านี่อาตมารับงานไว้เยอะขนาดนั้นเลยหรือ ? จากงานที่เราเคยทำ ที่รู้สึกว่าคนเดียวก็ไม่เกินกำลัง กลายเป็นว่าต้องใช้ถึง ๕ คน ถึงมารับผิดชอบงานนั้นได้

การทุ่มเทให้กับงาน เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่า กำลังใจของเราเข้าถึงธรรมมากน้อยเท่าไร ถ้ายังไม่ทุ่มเทจริงจัง ยังกลัวเหนื่อย ยังกลัวลำบากอยู่ ก็แปลว่ากำลังใจเรายังรักยังห่วงร่างกายนี้อยู่มาก ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมจริง ๆ ก็ยาก

ฉะนั้น..กลับไปใหม่ งานที่เคยรับผิดชอบลองกลับไปทุ่มให้เต็ม ๆ เสียที ให้เอาอย่างทหาร เขาปฏิญาณตนอยู่ทุกวัน เช้า ๆ เย็น ๆ ทหารเขาต้องตะโกนว่า "ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ตายเสียดีกว่าที่จะละทิ้งหน้าที่ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ไหว ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ทัน"

ตะโกนอยู่ทุกวัน ตะโกนจนซึมเข้าเนื้อไปเลย จนกระทั่งมารู้สึกว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง ลักษณะนี้เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ตะโกนกรอกหูอยู่ทุกวัน เลยพลอยคิดว่าเราทำได้จริง ไปลองสะกดจิตตัวเองอย่างนี้ดูบ้างสิ


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2015 เมื่อ 12:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว